๑๗๑.ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวแห่งจิตวิญญาณ

  วันนี้ ผู้เขียนได้รับมอบหมายจากรองอธิการบดี(พระราชวิริยาภรณ์)ให้ไปเจริญพระพุทธมนต์ และให้ข้อคิดเป็นธรรมบรรยาย ในวาระครบรอบ  ๒๕  ปี ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพะเยา ซึ่งมีบุคลากร  ๕๐ คน แต่ทำงานครอบคลุมถึง  ๒  จังหวัดคือพะเยาและเชียงราย  หลังจากพระสงฆ์ ๙ รูปเจริญพระพุทธมนต์แล้ว ก็ถวายปัจจัยไทยธรรม และรอรับพร เป็นลำดับสืบไป

 

     ระหว่างที่รอรับพรอยู่นั้น ผู้เขียนได้ให้ข้อคิดในการทำงาน ดังนี้

   "เจริญพร ท่านผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว ผู้บริหารและบุคลากร ทุกท่าน วันนี้ท่านทั้งหลายได้มาร่วมกันตั้งจิตกระทำบุญเพื่อสร้างกุศลให้กับตนเองและองค์กรในวาระที่สำคัญยิ่งนี้

 

     การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ก็เพื่อที่จะผลิตสิ่งที่ดีงาม ให้กับกระดูกสันหลังของชาติที่มีมากถึง ๓.๗ ล้านครอบครัว นับเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่มาก ถ้าผิดพลาด... ก็หมายถึงความเป็นที่หนึ่งในการส่งออกของชาติได้สูญเสียโอกาสอย่างที่น่าเสียดายที่สุด แต่ว่าศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพะเยา ได้สร้างสรรสิ่งที่ดีงาม ให้กับคนในสังคมไว้มากมาย นอกจากนี้แล้วทำอย่างไรท่านเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวแห่งจิตวิญญาณด้วย

 

     ยิ่งหากเปรียบพระสงฆ์เป็นนาที่ดีแล้ว (ปุญญเขต-นาบุญ) เมล็ดพันธุ์ที่ดีคือจิตวิญญาณที่ดีของญาติโยมได้ปลูกไว้ในแปลงนาที่ดีคือพระที่มีศีลาจริยวัตรแล้วก็ยิ่งเจริญงอกงามให้ดอกออกผลเป็นที่น่าพอใจยิ่ง

 

     อย่างไรก็ตาม การที่ท่านทั้งหลายได้ทำงานด้านเมล็ดพันธุ์ข้าว ย่อมได้พบเจอกับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวนาที่ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ตลอดเวลาเพราะการอยู่กับคน ย่อมต้องอยู่กับปัญหานานาชนิดที่ผ่านเข้ามาให้เราได้แก้ไข ต้องผ่านทั้งอารมณ์ความรู้สึกที่ดีและไม่ดีต่อกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

      ดังนั้น การอยู่กับคนเราต้องมีสายใยต่อกัน ในพระพุทธศาสนาเรียกธรรมะข้อนี้ว่า สังคหวัตถุ หรือวัตถุที่สงเคราะห์ชุมชน มีรายละเอียด ดังนี้ 

 

     ๑.ท่านผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ถ้าทำเพื่อมุ่งขายก็เป็นแค่การแลกเปลี่ยนสินค้าแก่กันและกัน ซื้อมาขายไป ก็จบแค่นั้น แต่ถ้าท่านผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโดยจิตคิดจะให้แก่สังคม ใจท่านก็จะอ่อนโยนตามไปด้วย กล่าวคือ ท่านอาจคิดว่าการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวนี้ให้กับลูกหลาน ให้กับคนในครอบครัวที่ท่านอยู่ร่วมได้กินด้วยนั้น ท่านจะมีอารมณ์ที่อ่อนปราณีต ใส่ใจต่อกิจการงานนั้น ๆ ไม่ประมาท ไม่บ่กพร่องในหน้าที่การงาน นี้ต่างหากละที่เป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวแห่งจิตวิญญาณของท่าน

 

     ๒.ท่านปฏิสัมพันธ์กับคน ท่านต้องสำรวมวาจา เพราะอาวุธที่ร้ายแรง ที่สามารถทะลุทะลวงเข้าไปถึงใจของคนได้คือ คมหอกของวาจา ดังนั้นการอยู่ร่วมกันต้องพูดคุยกัน ใช้วาจาให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ก่อโทษทุกวัน บางคนชอบไปรดน้ำมนต์ ไปหาหมอดู ว่าช่วงนั้น ช่วงนี้ตนเองมีเคราะห์ แต่ตามที่สังเกตมาเคราะห์กรรมนั้น มันมากับคำพูดของเรานี้เอง ดังนั้น จงพูดคำที่ดีงาม ซึ่งคนไทยเราเรียกคำพูดเช่นนี้ว่า "สุภาษิต" แปลว่า คำพูดที่งดงาม

 

     ๓.ท่านต้องเป็นคนสร้างประโยชน์ให้กับสังคม อย่ามัวไปถามว่า สังคม องค์กร หน่วยงาน ฯลฯ ได้ให้อะไรกับเราบ้าง จะเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ อันเนื่องจากความต้องการของมนุษย์มี ๑๐๘ พันประการ ไม่มีที่สิ้นสุด แต่เราควรถามตนเองใหม่ว่าเราจะทำประโยชน์อะไรไว้บ้างให้กับสาธารณชน เกิดมาทั้งที่ต้องสร้างดีเอาไว้ (เพราะคำว่าเกิดมาทั้งที่ต้องเอาดีให้ได้-มันไม่ชัดเจน ต้องเปลี่ยนใหม่ เป็น เกิดมาทั้งที่ต้องสร้างดีเอาไว้ให้สังคม) เมื่อคิดให้กับสังคมเมื่อไหร่ เชื่อใหม สิ่งนั้นก็ย้อนมาตกที่ตัวเรา ครอบครัวเรา สังคมเราอยู่ดี

     ๔.ท่านต้องทำตนให้เสมอต้นเสมอปลาย คือตอนนี้ชื่อเสียงของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพะเยาและศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวทั่วประเทศ เป็นองค์กรที่เป็นที่ยอมรับของประชาชน เช่น ปลูกข้าวหอมมะลิ ๑ แปลง แต่มีข้าวเหนียวโพล่มาแค่กอเดียว ต้องตรวจสอบให้ดู อันเนื่องมาจากชื่อเสียงที่สร้างมาไม่คุ้มกับการเสียไปเพราะการประมาทเลินเล่อ ของจุดเล็ก ๆ จุดเดียว ดังนั้นต้องมีความเสมอต้นเสมอปลายอย่างเต็มที่

 

     และสุดท้าย ท่านต้องมีความสามัคคีซึ่งกันและกัน เพราะคน ๆ เดียวเก่ง จะพาองค์กรไปไม่รอด ยิ่งถือดีแข่งดีก็ยิ่งทำให้องค์กรมีแต่ความหายนะ แต่ถ้ารวมกันเก่งหลาย ๆ คน หรือถึงแม้จะไม่เก่งแต่ถ้ามีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้ว เพราะคนหลายคนย่อมมีพลังมากกว่าคน ๆ เดียว การงานที่ว่ายาก ก็จะง่าย นี้คือพลังอำนาจแห่งความสามัคคี

 

     ดังนั้น ธรรมบรรยายเพื่อให้ข้อคิดในวันนี้ ก็ขอสรุปไว้ว่า "ท่านได้ช่วยกันผลิดเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพให้แก่ชาวนา ท่านทั้งหลายจงช่วยกันผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวทางจิตวิญญาณให้กับสังคมด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วท่านก็จะได้บุญ(อิ่มใจ เต็มใจ)และกุศล(ความฉลาด)พร้อมกันโดยมีพระสงฆ์เป็นนาที่ดี เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว สิ่งที่ท่านทำอย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้แต่เทวดาก็จะสรรเสริญ...สาธุ"

 

 

[นุ๊กนิก]

ชอบจัง

[บุญนิธิจันทร์ตองไชยะวุฑฒิกุล]

เจริญพรคุณนุ๊กนิก ที่ได้เข้ามาแวะชม

การสร้างสังคมให้เข้มแข็ง ย่อมมาจากจิตวิญญาณที่เสียสละเสมอ