บทเรียนจากคิมฟุค


เราไม่อาจควบคุมกำกับผู้คนให้ทำดี หรือไม่ทำชั่วกับเราได้ แต่เราสามารถควบคุมกำกับจิตใจของเราได้ เราไม่อาจเลือกได้ว่า รอบตัวเราต้องมีแต่คนน่ารัก พูดจาอ่อนหวาน แต่เราสามารถเลือกได้ว่า จะทำใจอย่างไร เมื่อประสบกับสิ่งไม่พึงปรารถนา

         เมื่อวานนี้ได้ฟังอาจารย์อนุกูล  เยี่ยงพฤกษาวัลย์ เล่าเรื่องของคิมฟุค ในการประชุมสัมมนาของ สคบศ.ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ สุขุมวิท  ทำให้นึกถึงเรื่องนี้ว่าเคยได้รับ FW มาแล้ว  ฟังอีกครั้งก็ประทับใจอีก  จึงขออนุญาตมาฝากกันต่อครับ  
        ...คิม ฟุค
คือ ชื่อของเธอ  ตอนสงครามเวียดนามมีภาพหนึ่งที่เผยแพร่-โด่งดังจนได้รับรางวัลระดับโลก
       "คิมฟุค" คือเด็กหญิงชาวเวียดนามใต้คนนั้น ซึ่งช่างภาพอเมริกันได้ถ่ายไว้ ขณะที่เธอและเพื่อนบ้านกำลังแตกตื่นหนีภัย แม้เธอจะรอดตายจากระเบิดนาปาล์มของสหรัฐที่ทิ้งลงหมู่บ้านของเธอ แต่ไฟก็ได้เผาลวกผิวหนังของเธอถึง 65%

       คิมฟุค เหยื่อสงครามผู้   "บ้านแตก-สาแหรกขาด" เนื้อตัวล่อนจ้อน ตื่นตระหนกตกใจ ยืนร้องไห้อยู่กลางถนนคนเดียว ท่ามกลางควันโขมง ความสับสนอลหม่านของชาวบ้านที่แตกฉานซ่านเซ็นหนีตาย
       เธอต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลถึง 14 เดือน และผ่านการผ่าตัดถึง 17 ครั้ง กว่าจะหายเป็นปกติ เธอยังโชคดี เมื่อเทียบกับลูกพี่ลูกน้องอีก 2 คน ซึ่งตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

นั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2515 เมื่อเวียดนามกลายเป็นคอมมิวนิสต์ 3ปีต่อมา ก็ไม่มีข่าวคราวของเธอปรากฏสู่โลกภายนอกอีก
       แต่แล้ววันหนึ่งในปี พ.ศ.2539 คิมฟุคก็ได้มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าชาวอเมริกัน ซึ่งเคยผ่านสมรภูมิเวียดนาม เธอได้รับเชิญให้มาพูดเนื่องในโอกาสวันทหารผ่านศึก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

              การได้มาเผชิญหน้ากับบุคคล ซึ่งครั้งหนึ่งได้เคยมาทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ ทำให้ญาติพี่น้องของเธอต้องตาย และเกือบฆ่าเธอให้ตายไปด้วยนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ทำใจได้ง่ายนัก แต่เธอมาก็เพื่อจะบอกให้พวกเรารู้ว่า สงครามนั้นได้ก่อความทุกข์ทรมานแก่ผู้คนอย่างไรบ้าง
หลังจากที่เล่าถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดของเธอแล้ว เธอก็ได้เผยความในใจว่า มีเรื่องหนึ่งที่เธออยากจะบอกต่อหน้านักบินที่ทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้านของเธอ
       พูดมาถึงตรงนี้ก็มีคนส่งข้อความมาบอกว่า คนที่เธอต้องการพบกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมนี้ เธอจึงเผยความในใจออกมาว่า
      "ฉันอยากบอกเขาว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ แต่เราควรพยายามทำสิ่งดีๆ เพื่อส่งเสริมสันติภาพทั้งในปัจจุบัน และอนาคต"
       เมื่อเธอบรรยายเสร็จ ลงมาจากเวที อดีตนักบินที่เกือบฆ่าเธอก็มายืนอยู่เบื้องหน้าเธอ  เขามิใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นศาสนาจารย์ประจำโบสถ์แห่งหนึ่ง เขาพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า
      "ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ" คิมเข้าไปโอบกอดเขา แล้วตอบว่า

           "ไม่เป็นไร ฉันให้อภัย ฉันให้อภัย"

          “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะให้อภัย โดยเฉพาะกับคนที่ทำร้ายเราปางตายเหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความทุกข์ทรมานแก่ฉันทั้งกายและทั้งใจ จนไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร ฉันน่าจะโกรธ แต่ฉันเลือกอีกทางหนึ่ง  แล้วชีวิตฉันก็ดีขึ้น”

       “ฉันพบว่าสิ่งที่ทำร้ายฉันจริงๆ มิใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นความเกลียดชังที่ฝังแน่นในใจฉันนั่นเอง และการบ่มเพาะความเกลียดเอาไว้ สามารถฆ่าฉันได้”

      “ฉันพยายามสวดมนต์ เพื่อให้อภัยแก่ศัตรู และคนที่ก่อความทุกข์ให้ แล้วฉันก็รู้สึกว่า หัวใจฉันมีความอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้ฉันสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเกลียด”
      บทเรียนจากอดีตอย่างหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้มาก็คือ การอยู่กับความโกรธ เกลียด และความขมขื่น นั้น ทำให้ฉันเห็นคุณค่าของการให้อภัย

       ...ฉันลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้ว มีแต่โน้มตัวไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า... 
          
                บทเรียนจากคิมฟุค

        เราไม่อาจควบคุมกำกับผู้คนให้ทำดี  หรือไม่ทำชั่วกับเราได้  แต่เราสามารถควบคุมกำกับจิตใจของเราได้

       เราไม่อาจเลือกได้ว่า รอบตัวเราต้องมีแต่คนน่ารัก พูดจาอ่อนหวาน แต่เราสามารถเลือกได้ว่า จะทำใจอย่างไร เมื่อประสบกับสิ่งไม่พึงปรารถนา

       ในเมื่อเราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ เราจึงไม่ควรปักใจอยู่กับอดีต แต่เราสามารถเรียนรู้จากอดีตเพื่อทำปัจจุบันและอนาคตให้ดีขึ้นได้

       สิ่งเดียวที่ "คืนชีวิต" แท้จริงให้กับเธอ ณ วันนี้  คำเดียวสั้นๆ คือ " อภัย"

 

หมายเลขบันทึก: 449963เขียนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2011 21:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

แค่คำว่าอภัยคำเดียว คิมฟุค คงคิดว่า คุ้มแล้ว

เพราะคำว่า อภัย เป็นสุดยอดของ "สัจจะ" แห่งชีวิตมนุษย์

ขอบคุณบันทึกดี ๆ ค่ะ

อนุกูล เยี่ยงพฤกษาวัลย์

เรียนอาจารย์ธเนศ ขำเกิด

ผมติดตามผลงานอาจารย์ด้วยความชื่นชม

ขอบคุณในความปรารถนาดีต่อวงการศึกษาเสมอมา

ขอบคุณอาจารย์อนุกูลอย่างยิ่ง และขออภัยที่ไม่ได้ขออนุญาตท่านก่อน แต่ก็ได้อ้างอิงถึงท่านด้วยความชื่นชมมาตลอดครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท