คงถึงเวลาที่ต้องพิจารณาตนเอง
สิบปีเต็มที่สร้างสรรค์ และช่วยพัฒนา อีกทั้งส่งเสริมให้ครูที่เป็นสมาชิกได้ปลดหนี้ตามอุดมการณ์ของโครงการพัฒนาชีวิตครู
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำให้รู้สัจจะธรรมของเงินกับชีวิต
จริงอย่างที่คำพังเพยกล่าวไว้ว่า "มีเงินก็นับว่าน้อง มีทองก็นับว่าพี่"
แต่ก่อนเมื่อยามลำบาก จากศูนย์ของชีวิตที่ขัดสน สร้างตัวตนสร้างชีวิตและครอบครัว ก็ด้วยตัวของตัวเอง
แต่เมื่อมีช่องทางนำผลประโยชน์เกื้อกูลได้ ก็มีมิตร มีคนเข้าหา ร้องขอให้ช่วย....แล้วช่วยเขาได้จนสำเร็จ...จิตใจก็อิ่มบุญจนทุกวันนี้
แต่มาวันนี้ .... เพราะผลประโยชน์ที่มี ทำให้เพื่อนสนิทคนที่เคยช่วยเหลือ คนที่เคยเป็นมิตรกลายเป็นศัตรู
นี่แหละ ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ กับชีวิตของการเป็นผู้ให้ ไม่มีมิตรแท้ที่ถาวร
แต่ก็ดีใจที่ อดีตและปัจจุบัน เราสร้างสรรค์และให้มาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แม้ว่าจะถูกตีค่าว่า โง่ ว่า...ไม่น่าไว้ใจ.. หรือ ......?..?..?..
ความดีที่ทำ ความจริงใจที่บริสุทธิ์ และโอกาสที่ได้เคยช่วยเหลือเพื่อนครู คงเป็นกุศลให้ความจริงปรากฏ ยังเชื่อว่า บุญมีจริง และก็พร้อมที่จะให้อภัยคนที่หลงผิดกล่าวร้ายให้โทษ เพื่อกรรมจะได้หมดไปในชาตินี้
โชคยังดีที่ ลูกและภรรยา เป็นคนดีที่รักเข้าใจ และให้กำลังใจ พลังรักของครอบครัวจึงคอยเตือนสติให้ทำความดีต่อไปเพื่อกุศลในชาตินี้ แม้ว่าจะได้มีโอกาสทำเพียงเท่านี้
ขอบคุณชีวิตต้องสู้ที่ทำให้ได้พบสัจจะธรรม
การให้อภัยทานกับคนที่ทำให้เราเจ็บปวด นอกจากจะทำให้เราพ้นทุกข์ในชาตินี้แล้ว เค้าว่ากันว่ามันยังจะส่งผลไปถึง การพบและไม่พบเจอกันอีกในชาติต่อๆไปค่ะท่าน
ขอบคุณครูNok การให้อภัยทานกับคนที่ทำให้เราเจ็บปวด