ศาสตร์ (Science)
ตามความเข้าใจของใครหลาย ๆ คนต่อคำว่า Science นั้นน่าจะคิดถึงวิทยาศาสตร์ แต่ในที่นี่ เราจะมาดูความหมายของคำว่า Science ในความหมายด้านการเรียนรู้ สามารถอธิบายได้ดังนี้
Science หมายถึง ความรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงและกฎที่จัดไว้อย่างเป็นระบบ (Thorndike and Branhart, 1965:595)
Science หมายถึง สาขาวิชาหรือสาขาความรู้ต่าง ๆ อาทิ ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ และดาราศาสตร์ ซึ่งจัดเป็นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ เศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยาจัดเป็นสังคมศาสตร์ เกษตรและวิศวกรรม จัดเป็นวิทยาศาสตร์ประยุกต์ (Thorndike and Branhart, 1965:595)
และ Science หมายถึง กระบวนการที่เป็นกิจกรรมของมนุษย์ที่ทำให้ได้ความรู้ที่สามารถทดสอบได้ ซึ่งประกอบด้วย การสังเกตปรากฎการณ์ในธรรมชาติ >> กำหนดปัญหา >> ตั้งสมมุติฐาน >> เก็บรวบรวมข้อมูล >> วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผล (ไสว เลี่ยมแก้ว, 2526 : 37 – 38 อ้างจาก Fairchild, 1970)
หากพิจารณาคำว่า ศาสตร์ ในความหมายของกระบวนการที่เป็นการค้นหาความรู้แล้วก็จะพบว่าเป็นสิ่งเดียวกับกระบวนการวิจัย (Research Process)
ลักษณะของศาสตร์นั้นจะต้องประกอบด้วย องค์ความรู้ ศัพท์เฉพาะ วิธีการค้นคว้าความรู้เฉพาะตัว และที่สำคัญคือจะต้องมีการเรียนการสอนสืบทอด ส่งต่อ ซึ่งจะต้องมี หลักสูตร ผู้เรียน ผู้สอน และความรู้ที่เกิดจากการสั่งสมความรู้มาก ๆ แล้วทำให้แตกแขนงออกเป็นศาสตร์ย่อย ๆ และทำการถ่ายทอดและเผยแพร่ บอกต่อให้เกิดความเข้าใจอย่างกว้างขวาง
ประเภทของศาสตร์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ ศาสตร์บริสุทธิ์ (Pure Science) มุ่งศึกษาเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติเพื่อให้เกิดความรู้เป็นหลัก และศาสตร์ประยุกต์ (Applied Science) ที่ศึกษาปรากฏการณ์ในธรรมชาติ และนำความรู้ที่ได้รับมาใช้สนองตอบความต้องการของมนุษย์ หรืออีกแนวทางหนึ่งสามารถจำแนกได้ 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มวิทยาศาสตร์หรือธรรมชาติศาสตร์ (Natural science) กลุ่มสังคมศาสตร์ (Social Science) มนุษยศาสตร์ (Humanities science)
เป้าหมายสำคัญของศาสตร์ มี 4 ประการ คือ เพื่อบรรยาย (Description) อธิบาย (Explanation) ทำนาย(Prediction) และควบคุมปรากฏการณ์ในธรรมชาติ (Control) ซึ่งการบรรลุเป็นหมายสูงสุดของศาสตร์นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ ประการ ซึ่งการที่จะบรรลุเป้าหมายระดับสูงได้นั้น จำเป็นต้องบรรลุเป้าหมายในระดับต่ำก่อนเสมอ
ไม่มีความเห็น