ในท่ามกลางความไม่รู้ของคนเรามีหลายสิ่งที่เกิดเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันมาจนถึงยุคปัจจุบันและยังคงมีต่อไปในอนาคต ตราบใดที่คนเรายังไม่รู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม
การหวังพึ่งพิงสิ่งใด ๆ ของคนเราผมว่าย่อมมีเหตุมีผลของมันอยู่ในตัว คนเราล้วนมีสิ่งพึ่งพิงสูงสุดไปตามวิถีชีวิตในช่วงขณะวันเวลานั้น ๆ แม้ตามหลักทฤษฎีมีบอกชัดแจ้งว่าที่พึ่งพิงของคนเราคือศาสนาที่ตนเองเคารพนับถือ
ผมอาจเข้าใจไม่ถูกต้องก็ได้นะว่า...ถ้ามองตามความจริงนอกกรอบนอกทฤษฎีแล้วเห็นได้ว่า...ที่พึ่งของคนเราที่เกิดมาแรกวัยทารกน้อย ๆ นั้นคือผู้ปกครองหรือคุณพ่อคุณแม่ของลูก ๆ นั้นเองเป็นที่พึ่งพิงยามวัยเด็กยังเล็กอยู่
แต่พอเด็ก ๆ เจริญเติบโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่นแล้วที่พึ่งพิงก็แปรเปลี่ยนไปเป็นเพื่อน ๆ มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาเพื่อน ๆ เชื่อเพื่อน ๆ มากกว่าใคร ๆ
ครั้นเมื่อถึงวัยมีคู่คลอเคลียควงแขนเดินกับแฟนและตกลงแต่งงานมีชีวิตคู่แล้วที่พึ่งพิงก็กลับกลายมาเป็นคู่สามีภรรยาต่างก็พึ่งพึงอิงอาศัยซึ่งกันและกันดำเนินชีวิตร่วมกันไป
กาลต่อมาเมื่อสามีภรรยาร่วมรสกันก่อเกิดลูกน้อยกลอยใจที่แสนรักดุจแก้วตาดวงใจของคุณพ่อและคุณแม่แล้วอะไร ๆ ก็ขึ้นอยู่กับลูกน้อย ๆ ถือได้ว่ามีลูกเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต ทำอะไรเพื่อลูกทั้งนั้น นับว่าลูกคือที่พึ่งพิงของพ่อแม่
ต่อเมื่อลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ออกเรือนแต่งงานไปแล้วโน้นละที่พ่อแม่วางใจมอบทรัพย์สมบัติให้ครอบครองและที่พึ่งพิงของคุณพ่อคุณแม่ก็แปรเปลี่ยนไปตามแต่วิถีทางของแต่ละคน สำหรับชาวพุทธก็หันหน้าเข้าสู่วิถีทางแห่งพุทธธรรม
เป็นการเข้าวัดฟังธรรมทางศาสนา และเข้ากับหลักเกณฑ์ที่ว่า...พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ...อาจเก็บใจความได้ว่า...ที่พึ่งอื่นของเราไม่มี พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของเรา พระธรรมเจ้าเป็นที่พึ่งของเรา พระสงฆ์เจ้าเป็นที่พึ่งของเรา...ด้วยประการฉะนี้แล.
สวัสดีค่ะ
เห็นด้วยจากที่อาจารย์เขียนค่ะ ยังคิดเลยนะคะ ว่าวันที่จำนำเสนอผลงาน ต้องไปไหว้พระให้ท่านเป็นที่พึ่ง...เพื่อความสบายใจ...
แต่...คงไม่ลืมว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนค่ะ
สวัสดีครับ คุณแดง
ตามหลักทางศาสนามักจะให้ข้อคิดว่า...ถ้าเจ้าช่วยเหลือตนเองก่อนแล้วเทพเจ้าจะช่วยเจ้าแน่...
ฟังดูแล้วก็ไม่ต่างจาก อัตตาหิ อัตตะโน นาโถ นะครับ
เทพเจ้าคือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคือตัวตนของเราเองนั้นแล...อิ อิ อิ
เคารพตนก็คือเคารพผู้อื่นด้วย...
ดอกไม้สวยงามจังเลยนะครับผม
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ...อาจารย์
ดูๆแล้วก็คล้ายๆกับ อาศรม ๔ ของชาวภารต รึปล่าวครับ...หุหุหุ
แต่มันก็เป็นสัจธรรมของมนุษย์แน่นอนอย่างที่อาจาีรย์กล่าว..*-*
เรื่องง่ายๆ หากไม่หันมามองก็ไม่รู้ ไม่เห็น หรือมองข้ามไปในที่สุด ใช่ไหมครับ??
สวัสดีครับ ลูกศิษย์ธีรนันทน์
ด้วยทุกอย่างมันเป็นเช่นนั้นเองนะครับ...อิ อิ อิ
ขอบคุณครับ