การประพันธ์โคลงสี่สุภาพ
การประพันธ์โคลงสี่สุภาพเป็นประณีตศิลป์ ที่ใช้ถ้อยคำตัวอักษรเป็นสื่อแสดงความคิดของผู้สรรค์สร้าง ซึ่งต้องการสะท้อนอารมณ์สะเทือนใจและก่อให้ผู้อ่านคล้อยตามไปด้วย ผู้อ่านต้องรับรู้ความงามด้วยใจโดยตรง ดังนั้นผู้สร้างสรรค์งานวรรณศิลป์จึงต้องช่างสังเกต รู้จักพินิจพิจารณามองเห็นจุดที่คนอื่นมองข้ามหรือคาดไม่ถึง และใช้ถ้อยคำที่ละเมียดละไม ผลงานนั้นจึงจะทรงคุณค่า
คณะของโคลงสี่สุภาพ บทหนึ่งมี 4 บาท (เขียนเป็น 4 บรรทัด) 1 บาทแบ่งออกเป็น 2 วรรค โดยวรรคแรกกำหนดจำนวนคำไว้ 5 คำ ส่วนวรรคหลัง ในบาทที่ 1,2 และ 3 จะมี 2 คำ (ในบาทที่ 1 และ 3 อาจเพิ่มสร้อยได้อีกแห่งละ 2 คำ) ส่วนบาทที่ 4 วรรคที่ 2 จะมี 4 คำ รวมทั้งบท มี 30 คำ และเมื่อรวมสร้อยทั้งหมดอาจเพิ่มเป็น 34 คำ
ส่วนที่บังคับ เอก โท (เอก 7 โท 4) ดังนี้
บาทที่ 1 (บาทเอก) วรรคแรก คำที่ 4 เอก และคำที่ 5 โท
บาทที่ 2 (บาทโท) วรรคแรก คำที่ 2 เอก วรรคหลัง คำแรก เอก คำที่ 2 โท
บาทที่ 3 (บาทตรี) วรรคแรก คำที่ 3 เอก วรรคหลัง คำที่ 2 เอก
บาทที่ 4 (บาทจัตวา) วรรคแรก คำที่ 2 เอก คำที่ 5 โท วรรคหลัง คำแรก เอก คำที่ 2 โท
หนังสือจินดามณี ของ พระโหราธิบดี อธิบายการประพันธ์โคลงสี่สุภาพไว้ว่า
สิบเก้าเสาวภาพแก้ว | กรองสนธิ์ | |
จันทรมณฑล | สี่ถ้วน | |
พระสุริยะเสด็จดล | เจ็ดแห่ง | |
แสดงว่าพระโคลงล้วน | เศษสร้อยมีสอง |
๐ ๐ ๐ เอก โท | ๐ X (๐ ๐) | |
๐ เอก ๐ ๐ X | เอก โท | |
๐ ๐ เอก ๐ X | ๐ เอก (๐ ๐) | |
๐ เอก ๐ ๐ โท | เอก โท ๐ X |
โคลงสี่สุภาพที่มีรูปวรรณยุกต์ตรงตามบังคับนั้นมีตัวอย่างอยู่หลายเรื่อง เช่น ลิลิตพระลอ โคลงนิราศนรินทร์ โคลงนิราศพระประธม เป็นต้น ตัวอย่างจากหนังสือจินดามณี พระนิพนธ์ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงวงษาธิราชสนิท ว่าดังนี้
นิพนธ์กลกล่าวไว้ | เป็นฉบับ | |
พึงเพ่งตามบังคับ | ถี่ถ้วน | |
เอกโทท่านลำดับ | โดยที่ สถิตนา | |
ทุกทั่วลักษณะล้วน | เล่ห์นี้คือโคลง |
การแต่งโคลงสี่สุภาพต่อกันหลายๆ บท เป็นเรื่องราวอย่างโคลงนิราศ โคลงเฉลิมพระเกียรติ โคลงสุภาษิต หรือโคลงอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ อาจทำได้ 2 ลักษณะ คือ โคลงสุภาพชาตรี และ โคลงสุภาพลิลิต
เช่น
1. บุเรงนองนามราชเจ้า | จอมรา มัญเฮย | |
ยกพยุหแสนยา | ยิ่งแกล้ว | |
มอญม่านประมวลมา | สามสิบ หมื่นแฮ | |
ถึงอยุธเยศแล้ว | หยุดใกล้นครา |
2. พระมหาจักรพรรดิเผ้า | ภูวดล สยามเฮย | |
วางค่ายรายรี้พล | เพียบหล้า | |
ดำริจักใคร่ยล | แรงศึก | |
ยกนิกรทัพกล้า | ออกตั้งกลางสมร |
3. บังอรอัคเรศผู้ | พิศมัย ท่านนา | |
นามพระสุริโยทัย | ออกอ้าง | |
ทรงเครื่องยุทธพิไชย | เช่นอุปราชแฮ | |
เถลิงคชาธารคว้าง | ควบเข้าขบวนไคล | |
— โคลงภาพเรื่องพระราชพงศาวดาร |
สัมผัสบังคับ เรียกอีกอย่างว่า "สัมผัสนอก" หมายถึงสัมผัสที่กำหนดเป็นแบบแผนในคำประพันธ์ เป็นสัมผัสสระ คือมีเสียงสระและตัวสะกดมาตราเดียวกัน ดังนี้
บาทแรก คำสุดท้ายของวรรคที่ 2 สัมผัสกับ คำสุดท้ายของวรรคแรก ในบาทที่ 2 และ 3
บาทที่ 2 คำสุดท้ายของวรรคที่ 2 สัมผัสกับ คำสุดท้ายของวรรคแรก ในบาทที่ 4
ในจินดามณี ฉบับพระโหราธิบดี อธิบายสัมผัสบังคับของโคลงสี่สุภาพไว้ว่า
ให้ปลายบาทเอกนั้น | มาฟัด | |
ห้าที่บทสองวัจน์ | ชอบพร้อง | |
บทสามดุจเดียวทัด | ในที่ เบญจนา | |
ปลายแห่งบทสองต้อง | ที่ห้าบทหลัง |
คำสร้อยซึ่งใช้ต่อท้ายโคลงสี่สุภาพในบาทที่ 1 และบาทที่ 3 นั้น จะใช้ต่อเมื่อความขาด หรือยังไม่สมบูรณ์ หากได้ใจความอยู่แล้วไม่ต้องใส่ เพราะจะทำให้ "รกสร้อย"
คำสร้อยที่นิยมใช้กันเป็นแบบแผนมีทั้งหมด 18 คำ
นอกจากนี้มีคำสร้อยที่เรียกว่า "สร้อยเจตนัง" คือใช้ตามใจไม่ควรใช้ในงานกวีนิพนธ์ที่เป็นพิธีการ และไม่นิยมกัน
เสียงลือเสียงเล่าอ้าง | อันใด พี่เอย | |
เสียงย่อมยอยศใคร | ทั่วหล้า | |
สองเขือพี่หลับใหล | ลืมตื่น ฤๅพี่ | |
สองพี่คิดเองอ้า | อย่าได้ถามเผือ | |
— ลิลิตพระลอ |