กวี 3 บทที่จำได้ขึ้นใจ และมิเคยลืมแม้ผ่านกาลเวลา
บทแรก "หิ่งห้อย" (Fireflies) จากหนังสือกวีนิพนธ์ชื่อเดียวกัน ให้ความหมายของ "ความฝันและจินตนาการ" ของมนุษย์ไว้อย่างน่าสนใจว่า...
My fancies are fireflies, specks of living light twinkling in the dark.
"ความเพ้อฝันแห่งข้า คือ หิ่งห้อย จุดสว่างทรงชีวิต ระยิบในอนธกาล" (แปลโดย ศ.ดร.ระวี ภาวิไล)
บทที่สองจากกวีนิพนธ์ฉบับเดียวกัน ถ่ายทอดความหมายของคำว่า "รัก" ในมิติที่ "ยั่งยืน" และเป็นสิ่งที่มิอาจละเลยได้ ...
Let your love see me even through the barrier of nearness.
"ขอรักเธอเล็งแลข้าแม้ผ่านกำแพงความใกล้ชิด" (แปลโดย ศ.ดร.ระวี ภาวิไล)
ส่วนบทที่สาม มาจากกวีนิพนธ์ "นกเถื่อน" (Stray Birds) เป็นบทที่กล่าวถึง "โอกาส" และ "การฉกฉวยโอกาส" นั้นไว้ เป็นการเตือนใจว่า มิอาจปล่อยให้หลุดลอยไป...
If you shed tears when you miss the sun , you also miss the star.
"เมื่อเจ้าปาดน้ำตาเพราะพลาดพบกับตะวัน เจ้าก็จักพลาดพบกับดวงดาว"
นอกจากผลงานข้างต้นแล้ว รพินทรนาถ ยังมีผลงานบทกวีและเรื่องสั้นอีกมากมาย เรื่องสำคัญคือ คีตาญชลี
รพินทรนาถ ฐากูร เป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบล โดยได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเมื่อปี คศ.1913
ในบั้นปลายชีวิต เขาใช้ชีวิตเยี่ยงนักปราชญ์ตามขนบธรรมเนียมเดิม มิได้ฟุ้งเฟ้อกับ ลาภ ยศ สรรเสริญ ที่พรั่งพรูมาแวดล้อม รพินทรนาถเปิดโรงเรียนเล็กๆ ของเขา มีร่มไม้ใหญ่เป็นห้องเรียน มีแสงแดดและสายลมเป็นเพื่อน และมีเหล่าลูกศิษย์ตัวน้อยรื่นเริงกับวัยเยาว์ และเปิดใจเรียนรู้โลกกว้างใบนี้.รพินทรนาถ ฐากูร https://www.myfirstbrain.com/teacher_view.aspx?ID=15197 |
ขอร่วมยกย่องท่านด้วยค่ะ..กวีนิพนธ์ทุกบันทัด สะท้อนแนวคิดที่ลึกซึ้งมาก..