ทาคุยะ เด็กชายผู้รอคอยความเข้าใจ


เด็กๆยังต้องการความรักความเข้าใจ ซึ่งไม่ต้องยิ่งใหญ่เพียงสัมผัสจากมือก็เพียงพอแล้วสำหรับเด็กบางคน

   ในอดีตเคยได้ฟังชาวบ้านพูดเล่นๆว่าอาวุธทหาร ตำรวจ คือปีน อาวุธของนักข่าวคือปลายปากกา อาวุธของครูคือชอกค์ แต่ใน 3 ปีที่ผ่าน ครูเขียวคิดว่า ครูเขียวได้ค้นพบอาวุธเพิ่มขึ้น คือ มือ และปาก  และที่ครูเขียวยิ่งมั่นในว่าอาวุธที่ค้นพบมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดประสิทธิผลทันตาเห็น

    ทาคุยะ  เด็กชายอายุ  9  ปี ลูกครึ่งพ่อญี่ปุ่นแม่ไทย มีฐานะดีจึงได้ไปเข้าเรียนโรงเรียนชื่อดังของจังหวัด หลายครั้งที่พบปะกับแม่ของทาคุยะ ในฐานะเพื่อนบ้านจะได้ยินแต่คำว่า  ทาคุไม่เขียน ไม่อ่าน ไม่ทำเลข ไม่มีการบ้านไม่รับผิดชอบ ( ครูเป็นคนพูดอีกทีให้แม่ฟัง )ตรงไหนที่สอนพิเศษดีทาคุยะได้เข้าเรียนหมดแต่ไม่ถึงสัปดาห์ก็จะต้องเปลี่ยนที่เรียนใหม่ สุดท้ายครูเชิญแม่ของทาคุยะเข้าไปนั่งเรียนในห้องกับทาคุยะเพื่อให้ได้พบกับพฤติกรรมด้วยตนเอง และจบลงด้วยเรื่องทะเลาะระหว่างครูประจำชั้นกับแม่

     ทาคุยะย้ายมาเรียนที่โรงเรียนในชั้น ป.3 ในเวลา 3สัปดาห์ที่ครูเขียวเฝ้ามองจากห้อง ป.1 พบว่าทาคุยะจะยืนอยู่ที่ระเบียง สนามเด็กเล่น ก๊อกน้ำ  หรือราวบันได และเสียงที่ได้ยินคือ แย่มากไม่เขียน ไม่อ่าน ไม่ทำงาน ไม่เข้าชั้นเรียน สมาธิสั้น มีปัญหาทางการเรียนรู้ ครูเขียวซึ่งเป็นครูเจ้าของโครงการพัฒนาศักยภาพนักเรียนพิการเรียนร่วมรู้สึกผิด มากกับเรื่องของทาคุยะ เพราะแรงจูงใจที่แม่ได้ย้ายทาคุยะเข้ามาเรียนเพราะหวังโรงเรียนและครูเขียวจะช่วยทาคุยะได้

    เมื่อต้นสัปดาห์นักเรียนบกพร่องด้านสติปัญญาที่เรียนร่วมในชั้น ป.1ไม่มาโรงเรียนครูเขียวมีเวลาว่างเล็กน้อย ตอนบ่ายสามโมง จึงคิดหาแนวทางช่วยทาคุยะครูเขียวรู้จักทาคุยะมาก่อนตอนจัดค่ายปันโอกาส ปันปัญญาพัฒนาคุณธรรมเด็ก เยาวชนพิการและด้อยโอกาส พบแววหลายอย่างในตัวเขา และพบว่าในแววนั้นเราเข้าไปไม่ถึง ทาคุยะเป็นเด็กฉลาดด้านการคิดและการพูด การใช้วิธีสอนเขาแบบเด็กอื่นๆคงไม่สำเร็จ  วันหนึ่งหลังเข้าเรียนในตอนเช้าครูเขียวพบทาคุยะอยู่ที่บันได จึงเข้าไปเอามือข้างซ้ายโอบไหล่ แล้วพูดว่า ทาคุช่วยทำงานครูสักอย่าง แกบอกว่า ผมทำไม่เป็น จึงพูดว่า ครุรู้ว่าทาคุทำเป็นแล้วทำได้ดีด้วยทาคุเก่งอยู่แล้วพาแกเดินมาที่ห้อง ป.1 เอาใบงานคณิตศาสตร์แบบลากจำนวนน้อยไปหาจำนวนมากแล้วออกมาเป็นรูปภาพ ทาคุตั้งใจมากทำสำเร็จแล้วตอบว่าภาพที่ได้คือนก ครูเขียวจึงให้เขียนคำว่า นก ก็สามารถเขียนถูก จึงถามต่อไปว่า นกสระอะไร บอกทันทีว่าสระโอะ ถามว่าสระโอะหายไปไหน บอกทันทีว่ามันลดรูปเมื่อมีตัวสะกด และสร้างคำใหม่เพิ่มอีก 3 คำ พอตกช่วงบ่ายเขาก็มาขอเรียนอีก และบอกว่าขอการบ้านสัก 3 หน้า  จนถึงวันนี้ทาคุยะเมื่อว่างจากชั้นเรียน หรือครูประจำชั้นปล่อยมาจะมาหาเรียกหาครูเขียวส่งการบ้าน ทวงใบงาน มีแฟ้มผลงานหนามากๆ เกือบหนึ่งสัปดาห์ทาคุยะมีพฤติกรรมการเรียนรู้และสังคมเปลี่ยนแปลงไปจนครูทุกคนในโรงเรียน เพื่อนในชั้น ผู้ปกครองรับรู้ถึงการพัฒนาของทาคุยะ ครูเขียวจึงเดินทางไปพูดคุยกับผู้ปกครองขอความร่วมมือในการแก้ปัญหาและพัฒนาทาคุยะ

     แม้ว่าการแก้ปัญหาจะผ่านไปไม่นาน บางคนบอกว่าผลอาจจะยังเชื่อถือไม่ได้ แต่ครูเขียวคิดว่าผลจะเชื่อถือได้หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทาคุยะ แต่ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ก้าวต่อไปของครูว่า จะพัฒนาเขาต่อไปอย่างไร สำหรับครูเขียว ภาคเรียนหน้าจะขอใบงาน ป.3จากครูประจำชั้นพร้อมบทเรียนมาให้ทาคุยะเรียนตามหลัง ทาคุยะไม่ใช่เด็กเรียนไม่ได้แต่ ทาคุยะอาจจะเป็นเด็กที่การการจัดการเรียนรู้พิเศษแตกต่างจากคนอื่นๆ

    ที่พูดคุยมายาวนานสิ่งที่จะบอกเล่าก็คือ การช่วยเหลือเด็กของครูไม่จำเป็นต้องลงทุนเป็นเงินตรา เพียงครูมีจรรยาบรรณ 9 ข้อถ้าหากนำมาใช้ทุกข้อแม้จะไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ก็สามารถพัฒนาเด็กได้มากมาย และจรรยาบรรณครูไม่ต้องไปท่องตามที่เขียนไว้เพียงปฏิบัติตามพรหมวิหารสี่จรรยาบรรณก็ครบแล้ว  แต่สำหรับครูเขียวในครั้งนี้ยังแค่ใช้ มือข้างซ้ายเพียงข้างเดียวที่บุญให้ผ่านแม่มาแต่เกิด กับปากที่เปล่งเสียงตรงกับใจในทางบวก ก็สามารถฉุดลูกศิษย์หนึ่งคนมาเป็นคนที่มีคุณภาพ และยังส่งผลไปสู่ความสุขของครอบครัวและสังคม

หมายเลขบันทึก: 444738เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2011 00:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ได้เข้ามาอ่านบล๊อคของครูเขียวโดยบังเอิญเพราะไม่ได้เข้า โกทูโนบ่อยนัก แต่เมื่อได้อ่านแล้ว ต้องกลับไปเปิดสารบัญ อ่านทุกบล็อคที่ครูเขียน แม่ใหญ๋ทำงานกับครูในโรงเรียนตนเองมาสามสิบกว่าปี สัมผัสได้ถึงความละเอียดอ่อนของคุณครูที่มีต่อเด็กๆ และต้องบอกว่าเด็กๆอย่างแอลดี ตาหวาน ทาคุยะ โชคดีจริงๆที่ได้เจอครู ขอเขียนมาชื่นชมและให้กำลังใจในการทำงานอย่างมีคุณภาพนะคะ แม้จะอยู่ไกลก็ตาม หวังว่าสักวันคงได้เจอตัวจริง มาขอนแก่นเมื่อไหร่ มาเยี่ยมโรงเรียนพัฒนาเด็กได้เลยนะคะ เราเองก็มีเด็กพิเศษ ที่เราต้องดูแลปีละ หลายๆคน จึงเข้าใจในความยากลำบาก แต่เพียรพยายามของคุณครูมากๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท