การเมืองที่จะได้มาในวันที่ 3 กรกฏาคม 2554 นี้ มีคนตั้งคำถามกับผมว่า แล้วหลังเลือกตั้ง ภาคอีสานและคนอีสานจะได้อะไรหลังการเลือกตั้ง ผมได้ไปสอบถามพี่น้องประชาชน แบบสุ่มเก็บข้อมูลตามถนนหนทางที่พบเจอผู้คน พ่อค้า แม่ค้า คนหาเช้ากินค่ำ นักธุรกิจ คนขายแรงงาน สตรีแม่บ้าน เยาวชนตามสถานศึกษา คนงาน คนเก็บขยะ คนขายเทปผี ซีดีเถื่อน หนังสือลามก ตู้เกมส์ ตู้ฟุตบอล องค์กรภาคประชาสังคม เครือข่ายสลัม(ชุมชนแออัดเมืองขอนแก่น) กลุ่มสภาองค์กรชุมชน พบว่า เสียงสะท้อนส่วนใหญ่ ภาคอีสานชาวบ้านก็ยังขายเสียงอยู่เหมือนเดิมรายละ300-500บาท สมัยปี2550 มันน้อยไปสำหรับยุคข้าวยากหมากแพงในขณะนี้ การซื้อเสียงจาก สส เกือบทุกพรรคยังเปี่ยมล้น ด้วยพลังของ สส.ที่ลงไปหาเสียงแบบมือเติบ(จ่ายสูงกว่าพรรคฯที่เคยจ่าย)นานนานจะมีการเลือกตั้งสักครั้ง การนำพาไปเลี้ยงอาหาร ไปเที่ยว ซื้อข้าวของมาให้ บัตรร้องคาราโอเกะ ไม่ต้องพูดถึง หัวคะแนนหลายรายปลดหนี้สินให้ครอบครัวได้อย่างเมามัน เงินสะพัดในภาคอีสานหนาแน่น เมื่อพูดถึงผลที่ประชาชนจะได้ หลายภาคส่วนที่ทำงานกับชุมชน บ่นว่าไม่น่าจะมีอะไรใหม่ นอกจากนโยบายประชานิยมแบบเดิมๆ ขายฝัน และดีแต่นำเสนออย่างสวยหรูแต่ทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำถึงไร่นา ปะปาเข้าถึงทุกหมู่บ้าน นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค จนเขาดำเนินการรักษาฟรีมาหลายปีแล้วก็ยังไม่ลืมหูลืมตานำเสนอนโยบายดังกล่าว ด้านภาคประชาสังคม ยังคงตั้งคำถามถึง เมื่อไหร่จะเปิดประตูเขื่อนปากมูลถาวรเสียที ปัญหาความอยุติธรรมที่ชาวบ้านได้รับจากการดำเนินงานของกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยว การพิจารณาพิพากษาคดีที่ดินและสิ่งแวดล้อมที่ชาวบ้านตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบถูกกดขี่และถูกกระทำในกระบวนการยุติธรรมหลายคดี ปัญหาสิทธิชุมชนยังห่างไกลความจริง ปัญหาการขยายตัวของโรงงานอุตสาหรรมที่สร้างมลพิษส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างที่ชาวบ้านเป็นฝ่ายถูกกระทำ ด้านการกระจายอำนาจการพึงตนเองของชุมชนถูกละเลยในนโยบายของทุกพรรคการเมือง นโยบายด้านการปรามปรามทุจริตคอร์รัปชั่น พูดลอยๆขาดความลุ่มลึกในเนื้อหา พรรคใหญ่ๆ2พรรค ไม่เสนอนโยบายต่อต้านปราปรามทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม เรื่องการส่งเสริมเกษตรให้หันว่าเป็นเกษตรอินทรีย์ เกษตรทางเลือก เกษตรผสมผสาน และที่สำคัญไม่มีพรรคการเมืองไหนต่อต้านและลดการนำเข้าสารเคมีทางการเกษตร ซึ่งปีหนึ่งๆนำเข้าปลอดภาษีปีละ 40,000 ตัน ส่งผลให้ประชาชนเป็นมะเร็งตายปีละไม่น้อย เรื่องที่ดินทำกินของเกษตรระดับชุมชนไม่ชัดเจน มาตรการดูแลแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมไม่มีรูปธรรมที่ชัดลึก เสนอนโบยรถไฟรางคู่ ฟังมามากกว่า 15 ปีแล้วยังไม่มีวี่แวว ขนาดรถไฟฟรี ยังดูสภาพอนาถาสิ้นดี แนวนโยบายเรื่องชนเผ่า สิทธิชนกลุ่มน้อยไม่มีพรรคการเมืองในจับมาเป็นนโยบาย เรื่องผู้สูงอายุไม่มีความก้าวหน้าในเรื่องการสร้างอาชีพและสร้างรายได้ที่มากกว่าการหยิบยื่นเงินเดือนละ 500 บาทซึ่งในสภาวะเศรษฐแบบนี้ 500บาทไม่พอแนวคิดเรื่องลุ่มน้ำอีสานก็เช่นกัน เสนอนโยบายพัฒนาบลุ่มน้ำ วางระบบส่งน้ำ แต่กรณีเขื่อนจีน เขื่อนไชยะบุรีในลาว กลับนิ่งเฉยไม่เคลื่อนไหวอะไรทั้งๆที่ อีก 11 เขื่อนจะตามมาหลังเขื่อนไซยบุรี นโยบายสร้างหนี้สินเกษตรกรยังคงเสนอต่ออีกเพิ่มเงินอีก นี่ล่าสุดน้องสาว นช.ไปสร้างสัญญาว่าจะให้กองทุนสตรีหมู่บ้านละ 100 ล้าน นี่เป็นขาดการสรุปบทเรียนหรี้สินที่ชาวบ้านได้รับ ระหว่างการเรียนฟรีจนถึงระดับปริญญาตรี ไม่มีการเก็นแป๊ะเจี้ย และค่าธรรมเนียมพิเศษในมหาวิทยาลัยไม่มีพรรคไหนทำอะไรได้ ข้อเสนอเรื่องการจัดการหลักสูตรท้องถิ่นในทุกระดับยังไม่มีพรรคไหนนำเสนอ นโยบายเปลี่ยนความคิดเกษตรกรให้หันกลับมามีชีวิตที่ดีด้วยเกษตรแบบผสมผสาน เกษตรยั่งยืน เกษตรกรรมทางเลือกไม่ปรากฎ มีแต่พักชำระหนี้ เครดิตการดเกษตรกร ก็สร้างหนี้อีกเช่นเดิม การจะให้คนจบปริญญาตรีเงินเดือนๆละ 15000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำแรงงานเดือนละ300 บาท จะหาเงินจากไหน การสร้างความเข้มแข็งระดับชุมชน ชุมชนและจังหวัดพึ่งตนเองไม่เห็นพรรคไหนนำเสนอนโยบายเช่นนี้ ปล่อยให้การเมืองรวทศูนย์อยู่ส่วนกลางทั้งงบบริหาร ทั้งคน และการตัดสินใจอยู่ส่วนกลางต่อไป ไม่ต้องให้ประชาชนเติบโตและปกครองตนเองได้ ภาคนี้ไร้ซึ่งสัมมาชีพ ต้องอพยพค้าขาย แรงงานราคาถูกกันต่อไปและรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลาง ยาเสพติดทะลักเข้ามาทุกหย่อมหญ้า แยกแยะไม่ออกว่าผู้พิทักษ์สันติราชกับผู้ค้าผู้เสพยานรกเป็นพวกเดียวกัน หรือหักหลังกันเพื่อสร้างผลงานอย่างไร คนภาคนี้ยังคงต้องเผชิญกับความรุนแรงทางสังคมต่อไป แตกแยกกันต่อไป แย่งชิงทรัพยากรกันต่อไป การเมืองหลังเลือกตั้งไปแล้วจะสร้างชีวิตที่ดีกว่าให้ชาวอีสานได้อย่างไร เปลี่นยโครงสร้างการเมืองการปกครองอย่างไร ยังเป็นความเลื่อนลอยที่ยากเกินจะไขว่คว้าได้จริง
ไม่มีความเห็น