คิดอย่างนี้ ลูกเราจะได้ประโยชน์มากๆ


ทำแบบนี้ เด็กๆจะรักคุณครูสุดหัวใจ

ครูต่างจากคนเป็นพ่อแม่คือ ครูทำหน้าที่สอนสั่ง ส่วนพ่อแม่นี้มีหน้าที่คือเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกทำตาม เพราะในการเรียนนั้นเด็กๆ จะทำตามคำสั่งครู ทำงานส่ง หรืออาจจะเกเรก็ได้นะ

ฉะนั้นผลของการเรียนก็คือ ได้ตามความตั้งใจของนักเรียน คุณภาพของตัวผู้เรียนเป็นตัวกำหนด

คุณครูมีส่วนได้ส่วนเสียก็จริง แต่คนที่ต้องได้รับผลของการกระทำคือตัวเด็กเอง ในส่วนคุณครูก็จะมีเสียงรบกวน เสียงบ่นจากสังคม เค้าว่าอย่างโน้นอย่างนี้ สร้างความเครียดบ้าง ก็เท่านั้น

 

ส่วนการอบรมบ่มเพาะของพ่อแม่นี่ ต้องทำกันมานานจึงจะทำได้นะ คือค่อยๆ ดัดกันมาต่อเนื่องกันมาน่ะ หากมาปรับปรุงตอนที่มีปัญหา ตอนเค้าอยู่วัยประถมแล้วนี่ น่าจะช้าไปแล้วล่ะ
การอบรมสั่งสอนจึงทำอะไรไม่ได้มาก
ส่วนใหญ่ตัวเด็กจะเหมือนกับคนเป็นพ่อเป็นแม่นั่นแหล่ะ

เค้าไม่ได้ทำได้ ทำตัวดี เนื่องจากเราพร่ำสอนหรอก ผมคิดอย่างนั้น

หากแต่เค้าเป็นโคลนนิ่ง เป็นสำเนาของคุณพ่อคุณแม่ ส่วนจะก็อปปี้พ่อหรือแม่นั้น

 ต้องว่ากันตามดวงมั๊ง

 

ฉะนั้นการเรียนของลูกของเรานี่ คุณพ่อคุณแม่สำคัญที่สุด ต้องทำหน้าที่ในช่วงที่ประคับประคองลูกจนวันเวลาผ่านไปถึงช่วงที่เขาคิดแบบผู้ใหญ่ สามารถคิด ไตร่ตรองได้เหมือนกับเราน่ะ

ตรงนี้คือจุดที่ผมคิดว่าสำคัญและบันทึกนี้ต้องการสื่อไปถึงผู้ปกครองทุกคน

ให้ลงมาทำหน้าที่ตรงนี้ให้สมบูรณ์เพื่อที่จะได้ส่งให้คุณลูกเข้าใกล้ความสำเร็จให้มากที่สุด หรือให้ล้มเหลวน้อยที่สุดน่ะครับ

ในวันครูของทุกปี เราก็จะได้ชื่นชมคุณครู ปลาบปลื้มกับความเสียสละ ทุ่มเทได้เต็มๆ เนื่องจากเราให้บทบาทของคุณครูยุคนี้อย่างถูกต้อง

 

บันทึกแบบนี้ก็น่าจะใช้ได้สำหรับคนที่ต้องดูแลเด็กวัยเรียน วัยรุ่น คือเราจะได้เห็นมุมมองของคนที่เค้าเลี้ยงดูลูกจริงๆ ซึ่งใครหลายคนก็รู้แต่ไม่ได้บันทึก ผมจึงคิดว่าน่าจะมีแง่คิดให้สะกิดใจได้ ในส่วนท่านที่ทราบแล้วก็ผ่านไป นะครับ

หมายเลขบันทึก: 443980เขียนเมื่อ 14 มิถุนายน 2011 09:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ในฐานะครู ผมเห็นด้วยกับคุณ สังคมจึงเป็นแบบนี้ และประเทศไทย จึงก้าวช้าในทุกเรื่อง

มีปัญหามากมาย อย่างที่ไม่น่าจะเป็น เพราะ สังคมครอบครัว ค่อนข้างอ่อนแอ

ดังนั้น ครู ต้องเหนื่อย เพื่อเห็นแก่อนาคตชาติ เห็นแก่เด็ก ซึ่งจะเป็นกำลังของชาติ

แค่ทำหน้าที่ และทำให้ดีที่สุดคงอาจจะไม่พอ ต้องทำ และพัฒนาคุณภาพเด็กให้สุดใจขาดดิ้นไปเลย

ชาติจึงอยู่รอด.......อย่าไปหวังนักการเมือง....โดยเด็ดขาด....อ้าว..

ต้องช่วยกันใช่มั๊ยคุณครู งานคุณภาพนะเป็นรูปธรรมดีนะครับ โอเคเลย แต่ในใจผมคิดว่าวัฒนธรรมตะวันตกนำมาใช้กับบ้านเราต้องปรับประยุกต์ เลือกเอาเฉพาะส่วนดีนะครับ เช่น การรับรองนี่ดีครับเราก็ใช้การรับรองเพื่อสร้างความมั่นใจในบริการ ในการสอนของเรานะครับ แต่ต้องทำเพิ่มก็คือในด้านการผลิต ในด้านการสอนนี่เราต้องใช้แบบของเราเข้าไปเป็นแกนแล้วใช้ของเขาเป็นสิ่งประกอบ ผมเห็นอย่างนี้ นะครับ ขอบคุณครับที่แวะมานะครับ

  • อ่านแล้ว ใช่เลยค่ะ เพราะสมัยเราเป็นเด็กวิชาที่เราจะเรียนได้ดี เหตุมาจากเราชอบคุณครูวิชานั่นๆ คุณครูไม่ดุ คุณครูสอนเข้าใจ
  • สมัยนี้ให้กำลังใจคุณครูทุกคนที่ยังมีจิตวิญญาณของความเป็นครูเต็มเปี่ยม เพราะสิ่งที่ครูเป็นถึงไม่ออกผลมาในรูปของความมั่งมี แต่ลูกหลานของครูจะภาคภูมิใจมาก เพราะเราเคยภาคภูมิใจกับการเป็นคุณครูที่มีจิตวิญญาณแบบนี้มาตลอดชีวิต เพราะที่บ้านยายก็ครู แม่ก็ครู น้าก็ครู แล้วเราจะเห็นไปไหนก็ตามลูกศิษย์จะพาลูกหลานมาทักทาย  สวัสดี แถมตอนงานศพยายเรา ยังมีลูกศิษย์มาร่วมงานโดยที่ไม่ได้รับเชิญด้วย ...เค้ามาด้วยความรู้สึกที่ว่าจะมากราบขอบคุณที่เค้าได้ดีทุกวันนี้ก็เพราะคุณครูสุดใจนี่ล่ะ ไปตามให้มาเรียน ตามไปถึงบ้าน  บิดสะดือน้ำขึ้นน้ำลงตลอด  
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท