ศิลปะหอมหวาน.


ศิลปะหอมหวาน.

ชื่อ นายไชยวัฒน์ ศรีแก้ว
การศึกษา โรงเรียนเลิงนกทา
วิทยาลัยอาชีวะศึกษาอุบลราชธานี สาขา วิจิตรศิลป์
ศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาจิตรกรรม มหาวิทยาลับขอนแก่น
windsor-diploma australia
กำลังศึกษาปริญญาโท สาขา ทัศนศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ประวัติและที่มาของผมคือ เริ่มต้นผมเกิิดที่ จังหวัดร้อยเอ็ด แต่พอโตขึ้นมาหน่อย พ่อแม่จำเป็นต้องย้ายที่ทำงานก็เลย ได้ย้ายตามพ่อแม่มาอยู่ที่จังหวัดยโสธร จำได้ว่าเริ่มชอบวาดภาพตั้งแต่เรียนอนุบลสอง เพราะเห็นเพื่อนภาพการ์ตูน ก็เลยเริ่มสนใจตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พอจบประถมผมต่อมัธยมเริ่มจริงจังกับ ศิลปะมากขึ้น เหมื่อนจะต้องการทำความเข้าใจ กับการเขียนภาพเหมื่อนว่ามันเป็นอย่างไร ทำยังไง ทางจังหวัดเค้ามีการแข่งทักษะก็ได้ไปอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตอนนั้นก็พอจะรู้แล้วว่าเราชอบศิลป อาจารย์เลยแนะนำให้ไปเรียน อาชีวะอุบลสาขาวิจิตรศิลป เรียนได้สามปีจบ ปวช ได้รับความรู้มาแบบแน่ไฟแรง เห็นรุ่นพี่ไปต่อศิลปกรก็คิดว่าจะลองไปเอ็นที่ศิลปกร แต่แม่ต้องการให้อยู่แถวๆบ้านไม่อยากให้ไปไกลผมก็เลย เลือกเอ็นที่ ม ขอนแก่น เอ็นติด ม ขอนแก่น เรียนอยู่สี่ปี ได้เจอเพื่อนใหม่ๆจากหลายๆที่ งานในช่วง ป ตรีงานจะออกไปในแนวทางสื่อผสมซะส่วนมาก หลังจากจบ ป ตรี ออกหาประสบการณ์อยู่หกเจ็ดปี ทั้งทำงานเขียนฉากหลังร้านถ่านรูป เขียนรูปขายอยู่พัทยา สุดท้ายไปไม่รอดกลับมาอยู่ขอนแก่นเหมื่อนเดิม มาได้งานทำที่ขอนแก่นเกี่ยวกับเหยื่อตกปลา เป็นงานปั้นกบปลาตัวเล็กๆทำอยู่สองปีครึ่ง ไม่มีแววว่าจะดีขึ้นเงินเดือนก็น้อย ก็เลยออกไปทำเองขายเอง เก็บเงินได้ก้อนหนึ่งคิดว่าอยากออกไปลุยที่เมืองนอก อยากไปทำงานศิลปะที่นั้นมันคงจะดีกว่าที่ไทยได้เรียนต่อด้วย

 

 

 

Sydney Part-time job

พอมาถึงทุกอย่างก็เปลี่ยนไป นักเรียน ที่มาเรียนที่นี่ โอกาสที่จะได้งานค่อนข้างจะน้อยมาก หลายคนต้องตกงานหลายเดือนส่วนใหญ่ก็ไปเป็นเด็กเสริฟทำงานตามร้านอาหาร ล้างรถ ดอฟเมนู ล้างห้องน้ำ งานทำความสะอาด เด็กยกของ เด็กล้างจาน ได้เงินทีนึงก็เฉลี่ย $10/hr ถือว่าน้อย และหนักพอสมควร ซึ่งตอนแรกๆที่มาอยู่ใหม่ๆ งานที่ได้ทำคือเดินดอฟเมนูตามบ้าน คือร้านอาหารไทยที่อยู่ที่นั้นเค้าจะมีเมนูแจกเหมื่อนกับพิซซ่าที่โทรสั่งอาหาร ผมจะต้องเดินวันล่ะไม่ต่ำกว่าสิบกี่โล แลกกับค่าแรงหนึ่งพันใบกับเงิน 40$ ทำได้อยู่สามเดื่อน รองานไปด้วย ไปทดลองงานล้างจาน ตามร้านอาหารต่างๆ แต่ก็ยังไม่ได้ การคิดทำงานศิลปะเริ่มหายไป ซึ่งเป็นช่วงที่ลำบากมากๆเพราะเงินก็ไม่มี เพื่อนก็ไม่มี จะซื้อของยังยากเลย การเยียดคนเอเชียมีโดยทั่วไป ใหนผมจะต้องไปเรียนภาษาตอนเช้า บ่ายก็ต้องไปทำงาน อยู่ที่นั้นได้สักประมาณ8เดือน ได้รู้จักกับพี่คนหนึ่งที่รู้จักกันในเวปตกปลา ถือว่าโชคดีมากเพราะพี่ได้แนะนำงานให้ทำ ก็ได้งาน ล้างรถ แต่ก็ทำได้ไม่นานเพราะคนเค้ามีคนทำงานเยอะแล้ว เราล้างสู้พวกตุรกีไม่ได้ ก็เลยจำเป็นต้องออก ก็เลยตกงานไปพักหนึ่ง เงินก็เริ่มจะหมดอีก ช่วงนั้นพี่ที่พักด้วยกันที่ทำงานของพี่เค้ามีคนออก เค้าเลยชวนไปทำงานด้วย เป็นงานล้างจาน ร้านอาหารชาวยิว ทำหมดทุกอย่างตั้งแต่ล้างพื้น เตรียมของ หั่นผัก ย่างไก่ทำไปอยู่ประมาณสามเดือน ได้เลือนตำแหน่ง ไปทำพวก ขนม พวก พาย ตีแป้งนวดแป้ง อบขนม ทำสลัด ทำเบอเกอร์ ได้ทำงานที่ร้านยิวเงินดีหน่อย เพราะเค้าให้ค่าจ้างดีกว่าร้านอาหารไทย ชีวิตการเป็นอยู่ที่นั้นเริ่มดีขึ้น การใช้จ่ายแบบไม่ได้คิด ทั้งกินทั้งดื่ม ทั้งเที่ยว เพื่อนก็เยอะขึ้นตามจำนวนเงิน พอทำงานไปได้สักระยะถึง ได้รู้ว่าชาวยิวเป็นเผ่าพันธ์ที่อยู่ยาก กินยาก เครื่องปรุ่งต่างๆต้องมาจากอิสรเอล หรือไม่ต้องให้คุณพ่อบาทหลวงสวดพ่อถึงจะกินได้ เช่นน้ำเปล่าก็ต้องสวดก่อน เนื้อสัตว์ต่างๆก็ต้องสวด สัตว์บางชนิดก็ห้ามกิน ในครัวก็ต้องมีคุณพ่อมาตรวจสอบทั้งวันก่อนจุดไฟเตาแก๊สคุณพ่อก็ต้องมาจุดให้ อะไรมันจะขนาดนั้น ผมนั่งคิดขำๆในใจว่าเอ่ทำไมฮิตเลอร์ปล่อยพวกน้ีหลุดเหลือมาได้น่า ผมทำงานอยู่ร้านยิวได้เก้าเดือนก็ต้องออกเพราะอดทนต่อความเป็นระเบียบแบบบ้าๆไม่ได้ และด้วยเราภาษาไม่ได้เท่าไร มันก็เลยทำให้ลำบากในการทำงานด้วย ซึ่งตอนนั้นงานที่นั้นหายากมากๆแต่ก็ต้องออกเพราะความสบายใจ กลับมาอยู่ที่ห้องหนึ่งเดือนเลย เขียนรูป เอาไปแสดงก็ขายไม่ได้ เงินก็เริ่มหมดอีกที ก็ออกหางานใหม่อีก คืองานยอดฮิตที่เด็กไปเรียนต่อทีนั้นสแวงหาถึงกับต้องแย่งกันทำเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ต้องโดนด่า ได้ทำงานคนเดียว แถมเงินดี นั้นคือ งานล้างห้องน้ำครับ พูดแบบง่ายคือล้างส้วมนั้นล่ะครับ งานที่พวกฝรั่งเค้าไม่ทำกันปล่อย ให้แรงงานต่างชาติทำ เช่นพวกงานเก็บขยะ ทำความสะอาดถนน งานก่อสร้าง งานเสี่ยงอันตราย แต่ค่าแรงก็เท่าๆกับพนักงานแบงค์ที่นั้นเลยก็ว่าได้ งานล้างห้องน้ำเข้าไปใหม่ๆใช่ว่าจะทำได้ทุกคน ก็ต้องไปฝึกทำความเร็วต่อชั้นๆชั้นหนึ่งว่าทำความเร็วได้เท่าไร ดีขึ้นมาหน่อยคืองานดูดฝุ่น เก็บขยะ เก็บแก้วที่พนักงานกินแล้ววางทิ้งไว้บนโต๊ะ


 

 

 

 


ลองคิดดูว่า ทั้งตึก แต่ละชั้น มีพนักงานเป็นร้อยๆ คน ทุกคนหยิบแก้ว หยิบจาน กินเสร็จแล้ววางไว้ตามโต๊ะบ้าง ตามห้องประชุม cleaner ก็ต้องตามเก็บ   คือเก็บจานออกจากเครื่องล้างจาน เอาไปเรียงบนชั้นให้สวยงาม แล้วก็เก็บจานที่สกปรก เรียงให้ดีในเครื่อง ถ้าจานอันไหนที่มีคราบแห้ง พวก cornflakes ก็ เอาน้ำร้อนแช่ๆ เอาแปรงถูๆหน่อยค่อยยัดลงเครื่อง แก้วกาแฟ แก้วน้ำ เขียง ชาม ช้อน เรียงให้ดีๆ ใส่ผงล้างจาน แล้วก็เปิดเครื่อง แค่นี้เอง อาจจะมีเช็ดรอบๆก๊อกน้ำ ซิงค์ บริเวณโต๊ะวางผลไม้ ถ้าชั้นไหนมีมุมกาแฟ ก็จัดเก้าอี้ เรียงหนังสือพิมพ์ให้เป็นระเบียบ ให้ดูสะอาดตา แค่นี้ก็เสร็จแล้ว ผม ตั้งแต่ชั้น 10-21 แต่ละชั้นมีครัว 2 ฝั่ง ลำนำทำงานจันทร์ถึงศุกร์ ช่วง 7.00-10.00 pm.  (โชคที่ดีได้งานค่ำ เพราะกลางวันก็จะได้ไปเรียนหนังสือได้) ตกวันละ 3 ชั่วโมง รวมวันอาทิตย์ที่ต้องมาจัดห้องประชุมด้วยอีก 4 ชม. ก็ตก 19hrs/week กำลังพอดี ไม่ขาดไม่เกิน สำหรับรายรับที่ได้ก็ถือว่าไม่น้อย เพราะได้ $17.95/hr วันอาทิตย์ได้ Double pay ด้วย แถมมีหัก tax พอกลางปีก็เคลม tax คืนได้นอกจากนั้นยังมี superannuation เหมือนเป็นเงินสะสม เราจะได้คืนก็ต่อเมื่อเราไม่ต่อวีซ่าแล้วก็ตัดสินใจกลับเมืองไทย จะได้คืนทั้งหมด หรือถ้าเราได้ apply เป็น citizen ที่นี่ เงินนี้ก็จะเป็นเงินสำรองเลี้ยงชีพเวลาที่เราเกษียณ ถ้าถามว่าเหนื่อยมั๊ย...มันก็เหนื่อยนะ เหมือนจะสบาย แต่ลองนึกถึงวันที่มี party ดิ่ ที่ตึกมีปาร์ตี้และบ่อยด้วย เวลามันเลี้ยงกันที ส่วนใหญ่จะเป็นคืนวันศุกร์ เบียร์เป็นลังๆ แชมเปญ ไวน์ อาหารมากมาย คนร่วมร้อย กินแล้ววาง หยิบแก้วใหม่ ทั่วไปหมด แต่ละชั้นต้องเก็บบางทีเป็นชั่วโมง ถ้าวันไหนโชคร้าย ก็เจอปาร์ตี้พร้อมกันหลายๆชั้น เคยกลับบ้านเที่ยงคืน เพราะต้องเคลียร์ปาร์ตี้นี่แหล่ะ แล้วแก้วไวน์พวกขายาวๆ เข้าเครื่องล้างจานลำบาก เรียงก็ยาก แตกก็ง่าย ขนาดเครื่องล้างจานฝั่งละสองเครื่อง ยังล้างรอบเดียวไม่หมดเลย ที่นี่เค้าจ่ายเงินเดือนเป็นรอบ รอบละ 2 สัปดาห์ ออกทุกวันพฤหัส แต่คืนวันพุธก็เช็คยอดได้แล้วแหล่ะว่าเงินเข้าเท่าไหร่ ตรงตามสลิปมั๊ย (สลิปจะได้ประมาณวันจันทร์) ยิ่งทำเยอะ เงินก็เข้าเยอะ เห็นเงินทีก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง...บางรอบได้กันทีเกินพันเหรียญ ยิ่งพอคูณเป็นเงินไทย...โอ้โห....อิ่มเอม...ตาเป็นประกาย จอมผลาญเงิน พักหลังๆผมได้ทำงานล้างห้องน้ำ ผมทนกับกลิ่นไม่ไหว ต้องไปเจอกับสิ่งพวกนี้ทุกวัน ก็เลยเปลี่ยนงาน ไปทำร้านอาหารไทย ถึงเงินน้อยแต่ก็สบายใจ ทำอยู่ได้ปีกว่าๆก็ต้องออกเพราะเงินไม่พอค่าเทอม ที่เรียนอยู่ แต่ก็ไม่ได้ออกเต็มตัว ทำร้านอาหารไทยวันเดียว ไปทำงานต่อที่อื่น คือในวันหนึ่ง ทำงานสองจ็อป ตอนนั้นทำงานร้านอาหารไทยกับ ไปเป็นกรรมกรยกของตามโรงงาน ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ ไปทำงานที่โรงงาน ทำเส็รจสี่โมงเย็น ก็ต้องมาต่อที่ร้านอาหารไทยถึงห้าทุ่ม ร่างกายได้พักผ่อนน้อยมาก ทำงานเสร็จแขนขาสั่น ผมรู้ซึ่งถึงคำว่ากรรมกรเลยล่ะครับ ทำได้สองเดือนไม่ไหว ขอกลับไทยดีกว่าไม่อยู่ที่นี้อีกแล้ว ว่าแล้วผมจองตั๋วกลับไทยเลย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมไม่เคยคิดจะกลับไปที่นั้นอีกเลย หลังจากกลับมาได้สามเดือนไม่มีงานทำ คิดว่าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามน่าจะเป็นทางออกสำหรับสิ่งที่เป็นอยู่

 

 

 

 

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #rtb7
หมายเลขบันทึก: 443963เขียนเมื่อ 14 มิถุนายน 2011 01:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:46 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท