บอกคนอื่นเรื่อง “หย่า”
แปลจาก Break the News โดย Meg
Mathur
(ที่มา www.divorcemag.com ส.ค. 48)
คุณกำลังจะหย่า และคุยกับอีกฝ่ายหนึ่งเรียบร้อยแล้ว แต่จะบอกลูก
บอกเพื่อนๆ และคนในครอบครัวอย่างไรดี
แล้วคนที่ทำงานกับหัวหน้าล่ะจะบอกดีไหม
บทความนี้เป็นข้อแนะนำที่ช่วยให้การบอกเล่าเรื่องหย่าเกิดผลเสียตามมาน้อยที่สุด
คอนสแตนซ์ อาห์รอนส์ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง การหย่าที่ดี
(The Good Divorce) บอกว่า การหย่าแบ่งออกเป็น 5 ช่วง
แต่ช่วงที่ทำให้จิตใจสับสนวุ่นวายมากที่สุดคือ 3 ช่วงแรก ได้แก่
ขั้นตอนการตัดสินใจ การบอกคนอื่น และการแยกกันอยู่
“อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดจากการหย่าจะก่อตัวอย่างเข้มข้นเมื่อเราตัดสินใจว่าจะหย่า
บอกกับอีกฝ่ายหนึ่ง บอกครอบครัว และเริ่มแยกกันอยู่” เธอตั้งข้อสังเกต
“ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงทั้งสามขั้นตอนนี้จะเป็นอย่างไร
ย่อมขึ้นอยู่กับความขัดแย้งในใจ ความไม่แน่นอน การดิ้นรน
การแสวงหาทางจิตวิญญาณ และความเครียดที่เกิดขึ้น"
ไม่มีข้อโต้แย้งสำหรับข้อสังเกตนี้
การตัดสินใจหย่าเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์แสนสาหัส
เป็นเวลาที่เราต้องการความช่วยเหลือและกำลังใจจากคนรอบข้างเพื่อต่อสู้กับช่วงวิกฤตของชีวิต
แต่จะบอกครอบครัวและเพื่อนๆเรื่องการสิ้นสุดชีวิตคู่แล้วอย่างไร
จึงจะไม่ทำให้ต่างฝ่ายต่างทุกข์เพิ่มขึ้น จะบอกเมื่อไหร่ บอกแค่ไหน
แล้วควรบอกคนที่ทำงานหรือเปล่า
ก่อนอื่นต้องอย่าลืมว่าการบอกเรื่องหย่านั้นไม่มีสูตรสำเร็จ
ข้อแนะนำต่อไปนี้เป็นเพียงเรื่องพื้นๆที่แต่ละคนต้องนำไปปรับให้เหมาะกับสถานการณ์ชีวิต
การจัดการเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสองอย่าง คือ
สถานการณ์การหย่าเป็นอย่างไร และจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง
บอกครอบครัวและเพื่อนๆ
เวลาตั้งใจจะเล่าให้คนใกล้ชิดฟังว่ากำลังจะแต่งงาน
คุณคงนึกเห็นพวกเขามีความสุข ตื่นเต้น และดีใจกับข่าวดีนั้น
แล้วถ้าแฟนคุณไม่ใช่คนแย่เหลือรับ
ก็คงไม่มีใครอธิษฐานให้คุณสองคนเลิกกันเร็วๆ
แต่การเล่าเรื่องหย่าอาจทำให้คุณเจ็บปวดและอึดอัดขัดใจเพราะท่าทีผิดคาดของคนใกล้ตัว
หรือพวกเขาอาจไม่มีคำพูดอะไรให้คุณสักคำด้วยซ้ำ
ถ้าการแยกทางกันเป็นไปด้วยดี คุณทั้งคู่อาจไปหาครอบครัวของแต่ละฝ่ายด้วยกันเพื่อบอกเรื่องหย่า แต่หากเลิกกันแบบดุเดือดก็อย่าไปด้วยกันเลย ดังที่ แลร์รี่ นิสสัน ผู้อำนวยการสถาบันจิตบำบัด ที่โตรอนโต ประเทศแคนาดา เตือนไว้ “จะไปทะเลาะกันเปล่าๆ แต่คราวนี้เป็นการทะเลาะต่อหน้าครอบครัวเลย แล้วทุกคนก็จะรู้สึกแย่กับคุณทั้งสองคน”
ไม่ว่าจะไปบอกกับครอบครัวด้วยกันหรือไปคนเดียว
ก็ควรเตรียมซ้อมท่าทางและคำพูดล่วงหน้าไว้ก่อน
คิดไว้ว่าสบายใจที่จะเล่าแค่ไหน
การเล่าเรื่องทะเลาะตบตีหรือการนอกใจจนละเอียดเกินไปก็อันตราย
เพราะคนฟังจะโกรธแค้นและเศร้าซึมกับเรื่องที่ได้ยินโดยไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นอย่างไร
และหากคุณทั้งสองคนจะกลับมาคืนดีกันอีก
เรื่องแย่ๆที่คนในครอบครัวเก็บไว้ในใจ
จะทำให้พวกเขารับไม่ได้ว่าคุณจะกลับมาอยู่ด้วยกันจริงๆ
ค่อยๆเล่าให้ครอบครัวและเพื่อนๆที่รักกันฟังอย่างนุ่มนวล
อย่าเริ่มด้วยการชักแม่น้ำเสียยืดยาว
แต่ก็อย่าผลีผลามเล่าทันทีที่เจอกัน ควรเผื่อเวลาให้พวกเขาทำใจด้วย
ค่อยๆอธิบายเรื่องราวตามความเหมาะสมเท่าที่จะทำได้ นิสสันแนะนำว่า
ควรเริ่มต้นเล่าเรื่องนี้กับ “คนใกล้ชิดสนิมสนม
อาจเป็นพี่น้องหรือก๊วนตีกอล์ฟก็ได้” เขาอธิบายว่า
การเริ่มต้นกับคนที่รักและเป็นกำลังใจให้เรามากที่สุด
จะช่วยให้เราผ่านเวลายากลำบากนี้ไปได้
อย่าคาดหวังว่าพวกเขาจะทำอย่างไร หรือทำอะไรให้เรา
ไม่มีใครบอกได้หรอกว่าคนที่ได้ยินเรื่องนี้แล้วจะเป็นอย่างไร
เขาอาจตกใจและเสียใจ แต่เมื่อจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้แล้ว
เราก็จะรับรู้ถึงความรักและความปรารถนาดีของพวกเขาได้
ถ้าชีวิตคู่ของคุณไม่หวานตั้งแต่แรก
ครอบครัวและเพื่อนๆก็อาจดีใจที่ได้ข่าวหย่า แต่ “ความหวานของชีวิตคู่”
ก็เป็นเรื่องที่แล้วแต่จะตีความ
ในช่วงที่คุณกำลังโศกตรมแสนสาหัสจากการตัดสินใจว่าจะอยู่หรือจะหย่า
คนใกล้ตัวคุณอาจสบายใจที่คิดว่าใครบางคนกำลังจะไปพ้นๆครอบครัวเสียที
ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรงที่เขายอมรับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ
ถ้าคนในครอบครัวของคุณสนิทกับแฟนคุณมาก
พวกเขาอาจรู้สึกแย่ที่ต้องเข้าข้างคุณทั้งที่รู้สึกผูกพันกับอีกคนหนึ่งอยู่
หากเป็นการเลิกกันที่ไม่เกี่ยวกับการทำร้ายร่างกาย
ก็อย่าขอให้คนในครอบครัวตัดความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายหนึ่ง
และหากมีลูกด้วยกัน
ก็ขอให้พยายามสานความรู้สึกดีๆระหว่างพ่อแม่ลูกและครอบครัวของทั้งสองฝ่ายเอาไว้เพื่อลูก
เบ็ท โจสโลว์ หย่าเมื่อ พ.ศ. 2534 หลังใช้ชีวิตคู่มา 20 ปี
แนะนำไว้ในหนังสือ บทเรียนชีวิต: 50
เรื่องที่ผมเรียนรู้จากการหย่า (Life Lessons: 50 Things I
Learned from My Divorce) ว่า
- จงขอความช่วยเหลือจากครอบครัว แต่อย่าบอกว่าเขาทำอะไรกับแฟนเก่าของคุณ
- อย่าลืมนึกถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวกับแฟนเก่าของคุณ
คิดดูว่าพวกเขาจะทุกข์แค่ไหนที่ต้องตัดขาดกัน
- ถ้าครอบครัวคุณทำเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว
อาจเป็นเพราะพวกเขากำลังพยายามจัดการความรู้สึกของตัวเองอยู่
บอกว่าคุณเสียใจที่เขาเป็นแบบนี้
และให้โอกาสเขาปรับความคิดและความรู้สึก
“การหย่าของใครสักคนจะกลายเป็นเรื่องสาธารณะอย่างไม่น่าเชื่อ”
โจสโลว์บอก
“คนที่ปกติไม่เคยสนใจเรื่องส่วนตัวของคุณจะเป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมากระทันหัน
แล้วก็มาบอกว่าเขาคิดอะไรโดยไม่ต้องให้ถามเลย”
“เวลาเล่าเรื่องหย่าให้เพื่อนฟัง
เราเดาไม่ถูกหรอกว่าแต่ละคนจะทำอย่างไร” เธอเตือน “บางคนอาจหายไปเลย
บางคนก็ไปเป็นซี้กับแฟนเก่าคุณแทน
และบางคนก็ทำให้คุณรู้สึกแย่ได้ทุกครั้งที่คุยกัน
จนไม่อยากคุยด้วยอีก”
ถ้าเจอเรื่องแบบนี้ละก็ พยายามทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ค่อยๆมองให้เห็นธรรมชาติของความสัมพันธ์กับผู้คนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อน
ดูสิว่าตอนนี้ใครเปลี่ยนไปบ้าง” เมล ครานต์ซเลอร์ แนะนำไว้ในหนังสือ
การหย่า (Divorcing)
“ได้เวลาประเมินความสัมพันธ์กับผู้คนเสียที ลองถามตัวเองว่า
มีสักกี่คนที่เราคบไปอย่างนั้น
อาจเป็นคนรู้จักข้างๆบ้านที่วิถีชีวิตใกล้กัน อย่างเรื่องมีลูก
มีครอบครัว มีกี่คนที่เราไม่เคยแบ่งปันความรู้สึกลึกๆด้วย
คนที่เราไม่รู้สึกว่าเขาห่วงเราจริงๆ
การสูญเสียคนเหล่านี้ก็เหมือนการเลิกนิสัยแย่ๆบางอย่าง
แต่ไม่ใช่การสูญเสียมิตรภาพที่แท้จริง
บอกที่ทำงาน
แม้ว่าการหย่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ
แต่คุณก็อาจแปลกใจว่าทำไมตัวเองจึงอยากเล่าหัวหน้าและเพื่อนที่ทำงานฟัง
การบอกเรื่องนี้กับคนที่ควรบอกก็มีข้อดี เช่น หัวหน้า
เพราะคุณอาจต้องใช้เวลางานไปจัดการธุระเรื่องหย่า
และหัวหน้าก็อาจเข้าใจได้ว่า
ทำไมคุณจึงทำงานไม่ดีเท่าเดิมเป็นเวลาหลายเดือน
ซึ่งเหตุใหญ่จะมาความรู้สึกของคุณเอง
โดยเฉพาะความซึมเศร้าและฟุ้งซ่าน
การบอกฝ่ายบุคคลของบริษัทก็มีข้อดี
เพราะอาจได้สิทธิบางอย่างเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพ (เช่น
การเข้ารับการบำบัด) เท่ากับช่วยให้คุณผ่านเวลาทุกข์ยากได้อีกทางหนึ่ง
ฝ่ายบุคคลอาจมีข้อมูลบางอย่างที่คุณต้องการ
และเขาอาจแจ้งต้องให้บริษัททราบ
เพื่อเป็นข้อมูลในการปรับเปลี่ยนเรื่องภาษีและเอกสารการจ่ายเงินเดือน
คุณอาจอยากเล่าให้เพื่อนที่ทำงานบางคนฟังเหมือนกัน “เลือกคนให้ดีล่ะ”
เป็นคำแนะนำจาก สก๊อตต์ เฟแกน
ผู้ให้คำปรึกษาและผู้จัดการแผนกบัญชีของบริษัทที่ปรึกษา วอร์เรน
เชเพลล์ เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา
ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาเรื่องส่วนตัวของพนักงานในองค์กรต่างๆ
คุณอาจมีเพื่อนสนิทที่ทำงาน
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนที่ทำงานต้องรู้หรืออยากรู้เรื่องนี้แบบละเอียดยิบ
ดังนั้นจงพูดน้อยๆ และพูดเฉพาะเรื่องจริงที่เกิดขึ้น
“บริษัทไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องส่วนตัวของพนักงาน ถ้าไม่เกี่ยวกับงาน”
เฟแกนบอก
ถ้าคนซุบซิบนินทาเรื่องที่คุณหย่าหึ่งไปทั้งสำนักงาน เฟแกนแนะนำว่า
ให้นั่งลงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พวกเขาฟังอย่างตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
บอกเขาว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว และไม่เกี่ยวกับคนอื่น
แต่ถ้าการหย่าของคุณส่งผลกระทบถึงคนรอบๆตัว
และอาจกระเทือนถึงคนที่อยู่ไกลออกไปด้วย
ก็เดาได้เลยว่าคนต้องเมาท์กันสนั่นแน่ เฟแกนบอกว่า
“จงจดจ่ออยู่กับเรื่องสำคัญจริงๆ
อย่าลืมว่าเราจะอ่อนไหวที่สุดในเวลาแบบนี้”
ถ้าคำนินทาไม่ได้ทำลายชื่อเสียงหรือทำให้การงานเสียหาย
ก็ปล่อยมันผ่านไปเถอะ
ตอบคำถามเรื่องหย่า
คุณต้องผจญคำถามมากมายเกี่ยวกับการหย่าที่เกิดขึ้นแน่ๆ
นิสสันบอกว่า ในสภาวะเช่นนี้เรามีทางเลือกสองทาง หนึ่ง
ตอบอย่างซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา หรือสอง ตอบว่า
“ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้” หรือ “ยังไม่อยากคุยตอนนี้”
บางคนก็ชอบถามคำถามน่าอึดอัด บางทีก็เป็นคนในครอบครัวเองนั่นแหละ
(“เขาโกหกเธอละสิ” หรือ “เขาเป็นผีพนันใช่ไหมล่ะ”)
ถ้าคุณอยากตอบคำถามประเภทนี้ละก็ นิสสันบอกว่า “ตอบให้ละเอียดเลย”
แต่ถ้าไม่อยากตอบ “ก็ต้องบอกให้ละอียดเหมือนกันว่าไม่อยากตอบ”
นอกจากคำถามแล้ว
คุณอาจเจอเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับตัวคุณหรือแฟนเก่า
อย่าลืมว่าคุณไม่จำเป็นต้องตอบโต้คำพูดเหล่านั้น
บอกพวกเขาอย่างสุภาพและจริงจังว่า คุณยังไม่พร้อม
หรือยังไม่อยากคุยเรื่องนี้
“ฉันจำได้ดีตอนที่ตัวเองบอกพ่อแม่ว่า
ชีวิตคู่ของฉันเจอปัญหาหนักมากๆเข้าแล้ว และฉันก็พูดต่อว่า
‘แต่หนูไม่อยากได้ยินพ่อแม่พูดเรื่องไม่ดีของแฟนหนูนะ’
แล้วพ่อแม่ก็ยอมทำตาม” แอชตัน แอปเปิ้ลไวท์ ผู้แต่งหนังสือ
ทำไมผู้หญิงที่หย่าแล้วถึง “ตัดใจ” เก่ง
(Cutting Loose: Why Women Who End Their Marriages Do So
Well) บอก “การพูดแบบนั้นไม่น่าฟัง
แล้วก็ไม่ยุติธรรมกับพ่อแม่เลย
แต่การที่พ่อแม่ยืนอยู่ข้างเราแบบไม่มีเงื่อนไขคือพรวิเศษจริงๆ”
นอกจากสารพัดคำถามและความเห็นแล้ว
คุณอาจต้องรับมือกับคำแนะนำต่างๆที่ไม่ได้รับเชิญด้วย
คนที่ยังมีทัศนคติไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้อาจพูดทำนองว่า
“ซื้ออะไรให้เธอสักอย่างสิ” หรือ “แค่นอนกับเขาสักทีแหละจ๊ะ
เดี๋ยวอะไรๆก็ดีขึ้นเอง” นิสสันมีคำตอบสำหรับคำแนะนำแย่ๆประเภทนี้ว่า
“ฉันยังไม่อยากคุยเรื่องนี้” หรือหากจะพูดให้สุภาพขึ้นก็ตอบว่า
“ขอบคุณมากนะที่เป็นห่วง แต่ฉันยังไม่พร้อมจะคุยเรื่องนี้จ้ะ”
อย่าลืมว่าการตอบโต้อะไรออกไปเพราะความรำคาญหรือขัดอกขัดใจ
อาจทำเรื่องราวบานปลายยิ่งขึ้น
จนคุณอาจต้องเสียใจทีหลังที่พูดไปแบบนั้น
พยายามอย่าให้ครอบครัวหรือเพื่อนๆกระพือเรื่องให้ร้อนขึ้นด้วยคำพูดเสียๆหายๆเกี่ยวกับแฟนเก่าคุณ
เช่น “ฉันไม่เคยชอบเธอเลย” หรือ “เขาไม่ดีพอสำหรับเธอหรอก”
คำพูดทางลบพวกนี้อาจทำให้ความสัมพันธ์ของคุณและแฟนเก่าแย่หนักขึ้นจนหย่ากันดีๆไม่ได้
คุณอาจได้ยินเรื่องทำนองนี้ด้วย
“เพื่อนน้องสาวฉันสูบผัวจนหมดตัวตอนมันหย่า
แล้วตอนนี้มันก็ได้ไปทุกอย่างเลย”
อย่ากังวลหรือหวั่นไหวกับเรื่องแบบนี้ เอ็ม ซู ทาเลีย
ทนายความและผู้เขียนหนังสือ ทำอย่างไรจึงไม่ต้องไปหย่าในนรก
(How to Avoid the Divorce from Hell) บอกว่า
“ไม่มีศาลที่ไหนจะตัดสินเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนเว่อร์หรอก
คนก็ลือกันไป พวกนั้นรู้แค่ที่พูดนั่นแหละ
เรื่องนิดเดียวแต่เอาไปขยายเสียใหญ่โต”
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มเปลี่ยนจากการทำตัวน่ารำคาญมาเป็นใช้ความรุนแรง
บางคนอาจพูดว่า “ฉันไม่มีวันทนกับพฤติกรรมแบบนั้นหรอก” ทาเลีย บอกว่า
“คำพูดแบบนี้หมายถึง ถ้าคุณยังทนอยู่ได้ก็โง่แล้ว”
แม้ว่าเพื่อนจะแนะนำด้วยความจริงใจ แต่คนอื่นก็ยังเป็นคนอื่น
ไม่มีใครรู้หรอกว่าควรทำอย่างไร ถ้าไม่ได้เจอเรื่องนั้นด้วยตนเอง
บอกลูกๆ
จะบอกลูกอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับอายุและพัฒนาการของลูก
“ถ้าเป็นเด็กเล็กๆ 3-5 ขวบ จะต้องการข้อมูลชัดๆ” โจน ซินแคลร์
นักสังคมสงเคราะห์ ผู้ไกล่เกลี่ยปัญหาครอบครัว
และที่ปรึกษาเรื่องส่วนตัวในโตรอนโต บอก
“เด็กเล็กๆต้องการรู้ว่าจะมีคนดูแลเขา เขาจะปลอดภัย
เขาจะเอาตุ๊กตาไปด้วยได้ และของจำเป็นต่างๆจะยังอยู่ครบ”
พูดกับลูกให้ง่ายเข้าไว้ เด็กๆไม่เข้าใจเรื่องยาก
และไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดหยุมหยิมส่วนตัวที่ทำให้พ่อแม่หย่ากัน
การพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องจะทำให้ลูกรู้สึกแย่เปล่าๆ
“ไม่ใช่ต้องปิดบังอะไรนะ” ซินแคลร์ บอก
“แค่พูดเรื่องที่ลูกอยากรู้ก็พอแล้ว”
การคุยว่าจะทำอย่างไรกับลูกเป็นเรื่องยากมาก
ถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ด้วยดี ก็แสดงให้เห็นว่า แม้จะหย่ากันไปแล้ว
แต่ทั้งสองคนก็จะช่วยกันเลี้ยงลูกต่อไป “อาจจะยากนะ
แต่ถ้าคุณรวมทีมคุยเรื่องนี้กับลูกได้พร้อมกันละก็ ลูกจะเห็นว่า
อย่างไรคุณก็จะยังเป็นพ่อและแม่ของเขาด้วยกันเสมอ” ซินแคลร์บอก
การเล่าเรื่องหย่าให้ลูกฟังต้องอาศัยการทำการบ้านล่วงหน้านานทีเดียว
สิ่งที่เด็กๆอยากรู้มักเกี่ยวกับเรื่องความเป็นอยู่พื้นๆ เช่น
เขาจะไปอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร หมาจะอยู่บ้านไหน
จะไปโรงเรียนเดิมได้หรือเปล่า ลองทำแผนชีวิตคร่าวไว้ก่อนจะคุยกับลูก
และถ้าจำเป็นต้องย้ายบ้าน ก็ควรหาที่อยู่ใหม่ให้เรียบร้อยก่อน
การที่ลูกมีห้องส่วนตัวในบ้านใหม่เรียบร้อยแล้ว
จะช่วยให้เขาจัดการกับความเป็นอยู่ของตนเองได้ง่ายขึ้น
สแตน เบนเนอร์ ผู้ให้คำปรึกษาและผู้ไกล่เกลี่ยปัญหาครอบครัว
ซึ่งมีสำนักงานที่โตรอนโตและ แบรมป์ตัน ประเทศแคนาดา
กล่าวว่า
เบาะกันกระเทือนที่ดีที่สุดที่จะช่วยป้องกันลูกจากปัญหาพ่อแม่หย่ากันก็คือ
การทำให้เขามั่นใจเสมอๆ บอกเขาบ่อยๆว่า พ่อแม่รักเขาจริงๆ
“บอกลูกจนกว่าแกจะเข้าใจว่า ความรักของพ่อแม่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
เมื่อลูกเข้าใจแล้วก็บอกอีกหน” เขาเน้น
เมื่อคุณเล่าเรื่องหย่าให้คนอื่นฟัง
เรื่องราวนั้นก็จะขยายไปเรื่อยๆตามวงสังคมที่คุณสัมพันธ์ด้วย
เพื่อนๆลูกก็เป็นหนึ่งในผู้คนเหล่านั้น โซ สเติร์น อายุ 15 ปี และ
อีแวน อายุ 13 ปี สองคนพี่น้อง และแม่ เอลเลน ซู
ช่วยกันเขียนถึงวิธีที่เด็กๆจะรับมือกับการหย่าของพ่อแม่ไว้ในหนังสือ
โลกไม่แตกเพราะหย่าหรอก (Divorce Is Not the End of the
World)
พวกเขาแนะนำเด็กๆว่าจะบอกเพื่อนๆเรื่องพ่อแม่หย่ากันอย่างไร
“คุณอาจไม่รู้ว่าจะพูดอะไร หรือกังวลว่าเพื่อนจะคิดอย่างไร” โซบอก
“คุณอาจรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนขี้แพ้หรือล้มเหลวในชีวิต
แล้วก็ได้แต่คิดว่าทำไมถึงเป็นฉันนะที่ต้องพูดว่า
‘พ่อแม่ฉันหย่ากันแล้ว’ แต่พอเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังมากขึ้น
เราก็จะพูดออกมาง่ายขึ้นเรื่อยๆ ควรบอกเพื่อนสนิทก่อน ค่อยๆเริ่ม
จะฝึกพูดหน้ากระจกก็ได้
หรือขอให้เพื่อนที่รู้แล้วช่วยไปบอกเพื่อนบางคนให้ก็ได้”
เวลารักษาแผลใจ
นี่คือช่วงเวลาที่ลำบากแสนสาหัส
คุณอาจรู้สึกว่าต้องเล่าเรื่องหย่าให้ทุกคนฟัง
หรือไม่ก็อาจรู้สึกว่าต้องปิดปากเงียบ
การรบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้คนที่รักและห่วงใยคุณฟัง
จะทำให้คุณได้แรงใจ ความช่วยเหลือ ความใส่ใจดูแล
และความรักจากคนเหล่านั้นเป็นรางวัลของช่วงชีวิต
การหย่าคือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตัวคุณเองและคนใกล้ชิด
ให้เวลากับตัวเองและคนที่คุณรักตัวเพื่อรับมือกับเรื่องนี้
ให้เวลาสำหรับการทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ความอดทน ความช่วยเหลือ
และความเชื่อใจกันและกัน
จะทำให้การเดินทางท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงง่ายขึ้นสำหรับทุกคน
ไม่มีความเห็น