เป็นเวลานานพอดูที่ไม่ได้เพิ่มบันทึกเรื่องราวในบล้อกนี้ พี่น้องและเพื่อนฝูงคงไม่หลีกหลี้หนีหายไปไหนเน้าะ เพราะคนเรารักกันก็รอกันได้ รออ่านนะครับไม่ใช่รออย่างอื่น.....
มาวันนี้ลุงหนานก็มีเรื่องเกิดที่โรงยาหรือทางภาษาภาคกลางเรียกกันว่าโรงพยาบาลนั่นเอง มีกุลสตรีแม่นางหนึ่งตรวจพบก้อนเนื้อร้าย หากเอาไว้ต่อไปก็เป็นมะเร็งแน่นนอน จึงตัดสินใจปรึกษาผู้คนในครอบครัวจะเอาก้อนเนื้อร้ายนี้ออกไปให้พ้นๆตัว แม้ว่าจะเกิดขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายแต่หากเป็นอันตรายต่อชีวิตก็ต้องตัดสินใจเอามันออก...
เมื่อปรึกษาหารือกันเรียบร้อยดีดักจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลบอกข้อตกลงกับหมอ เขียนบันทึกข้อความยินยอมกันเรียบร้อยก็ถึงวันนัดผ่าตัด....
บรรดาพ่อบ้านเอยลูกๆเอย ญาติมิตรเพื่อนฝูงที่ห่วงใยพากันไปเยี่ยมหน้าห้องผ่าตัดด้วยความเป็นห่วง ที่สุดก็เรียบร้อยดี การผ่าตัดผ่านพ้นไม่มีอันตรายใดๆ เพราะฝีมือหมอผ่าตัดเก่งแท้ๆ...
แต่หลังจากการผ่าตัดต้องพักรักษาตัวอยู่อีกหลายๆวัน มีวันหนึ่งนางพยาบาลเข้ามาให้ยารับประทานตามปกติเมื่อทานยาแล้วพยาบาลก็เดินออกจากห้องปิดประตู....เวลานั้นเองจู่ๆมีเงาดำเข้ามาที่ปลายเท้าแล้วจับยกเท้าของคนป่วยขึ้นสุดและปล่อยลงดังโท้ม เจ้าของเท้าสะดุ้งร้องหวีดว้าย..ผี..ยกแข้ง .......ผี..ยกแข้ง....รีบลุกกระโดดลงจากเตียงทั้งๆที่ยังเจ็บแผลผ่าตัด....นึกฟื้นคืนสติได้รีบกดกริ่งบนหัวเตียงนอนผู้ป่วย พยาบาลพากันรีบเข้ามาถามไถ่เรื่องราว....
ได้ความว่ามีเงาดำมายกแข้งผู้ป่วยแล้วปล่อยทิ้งลงฟาดที่นอน....
พยาบาลนางหนึ่งก้มดูหมายเลขเตียงคนไข้ก็นึกได้ว่าเตียงหมายเลขนี้เพิ่งมีคนตายไปเมื่อวานนี้เองมาวันนี้คนไข้รายนี้คงโชคร้ายไปหน่อยมานอนซ้ำเตียงเดิม....
แต่ที่แน่ๆปัจจุบันสตรีท่านนี้ได้ปลดเกษียณจากราชการไปแล้ว เมื่อเขาไปไหนก็จะเอาเรื่องที่เธอพบเจอด้วยตนเองไปเล่าขานให้ผู้อื่นฟังเพื่อเป็นสิ่งที่น่าคิดว่าเป็นผีจริงหรืออะไรกันแน่
หมู่เฮาอ่านแล้วเป๋นจะใดจา...
...ม่วนดีเจ้า...ป้ออุ้ย..
อ่านแล้ว..วันใหนต้องนอนโรงพยาบาล คิดมากเหมือนกันนะค่ะ ฮ่า ฮ่า
กำแรกกะนึกว่า แมนยูท่าจะมาเตะบอลที่เจียงใหม่จา ป้อหนานเลยขึ้นว่า "ผีฟาดแข้ง" (ฮ่าๆ)
ปล. อ่านแล้วคิดถึงตอนไปเฝ้าไข้คุณย่าที่โรงพยาบาลครับ คุณย่าถามผมว่าใครมายืนที่เตียง ตอนนั้นอยู่กันหลายคน ผมกลัวคนอื่นจะตกใจ เลยบอกท่านว่า เป็นคนในทีวีน่ะ (ทีวีอยู่ปลายเตียงพอดี) แล้วก่อนหน้านี้คุณพ่อผมก็เห็นจริงๆครับว่ามีเงาดำใหญ่ๆอยู่ในห้อง... ผมกลัวท่านจะเป็นอะไรมากกว่านี้ คืนนั้นที่นอนเฝ้าไข้ผมกราบพระแล้วอธิษฐานจิต แผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรของย่า และอธิษฐานว่าจะถือศีลแปดตลอดระยะเวลาที่ย่าอยู่โรงพยาบาล เพื่ออุทิศบุญกุศลที่ทำไปให้ท่านที่อยู่เฝ้าห้อง หรือเฝ้าเตียง ... ผ่านไปสามอาทิตย์คุณย่าผมก็หายและกลับบ้านได้ครับ
สะหรีสวาสดีคุณบัวจมออน(ชมพู)และท่านหนานวัฒน์..ครับ..
ถ้าอ่านม่วนก็เข้ามาอ่านแถมเน้ออิหน้อย...
แฮ่..ๆ..ท่านวัฒน์เป็นแฟนบ่ะคุตบอนกาครับ...พออ่านว่าผีฟาดแข้งนึกไปเถิงทีมแมนยู..
ขอบคุณที่มีเรื่องมาเล่าต่อ...คนอื่นมักจะแผ่เมตตาให้กับวิญญาณก็ดีครับไม่ต้องรบรากับผี ...
ส่วนผมมีจะใช้มีดแหกไม้ฟ้าผ่ากรีดหมอนคนไข้ที่เราไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลเพื่อไล่วิญญาณร้ายออกไป ซึ่งเป็นวิธีการร้ายแรงกว่าแผ่เมตตาครับ..การทำแผ่เมตตานั้นดีแล้ว..
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน....พรหมมา
สวัสดี ลุงหนานพรหมมา
...เคารพและนับถือลุงหนานนักขนาด...๒๑ มิ.ย.๒๕๕๔
สวัสดีครับคุณสนั่น...
ยินดีครับที่เข้ามาแว่อ่านและหื้อข้อคิดเพิ่มเติมครับ....
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน......พรหมมา
สวัสดีเจ้าป้อหนานพรหมมา
เมื่อก่อนข้าเจ้าเป๋นคนขี้กั๋วอะหยังก็กั๋วไปหมด บ่าเดี่ยวนี้มันมามัวกั๋วอยู่มันบ่ตันกิ๋นเจ้า เลยแป๋งใจแข็งเอาบ่กั๋วอะหยังสักอย่างละ ท่องคาถาไปมันก็พ้นไปเป็นเตื้อๆ
ผีก็ท่าจะกลัวคาถาเหมือนกันก็บ่ฮุู้เนาะเจ้า
ขอบคุณตี้เอาเรื่องมาเล่าสู่กั๋นฟังเน้อเจ้า
ไหว้สาเจ้าครูครูดาหลา....
เอาใจ๋เป๋นใหญ่ก็พ้นภัยจากผีได้เหมือนกั๋นเจ้า.....
ยินดีที่เข้ามาแว่อ่านเจ้า......
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน......พรหมมา