Whatever will be will be


Que sera sera ... whatever will be will be ... The future's not ours to see ... Que sera sera

http://www.youtube.com/watch?v=1ou3PWztgeo

จำได้ว่าตอนที่ได้ดูโฆษณานี้ครั้งแรก ความรู้สึกคืออึ้ง... กับภาพที่ปรากฏให้เห็นถึงสายตาของเด็ก ๆ ที่ฉายแววแห่งความสุขขณะที่ตั้งใจร้องเพลงกันแบบเต็มที่ (แม้มาอ่านเบื้องหลังว่าใช้เวลานาน... หลายเทค และน้อง ๆ ก็มีงอแงกันบ้าง แต่อย่างไรก็ตามภาพที่ออกมากลับดูมีคุณค่าและคุ้มค่ากับความพยายาม) ในขณะที่แววตาของผู้ใหญ่รอบข้างกลับเป็นความวิตกกังวล หรือแม้แต่เศร้าใจ

          จริง ๆ แล้วโฆษณานี้ผ่านไปนานมากแล้ว และแม้ว่าทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนี้ การทำงานที่ซับซ้อนของสมองของเราจะแสดงภาพเด็ก ๆ ใส่เสื้อสีฟ้า นั่งบ้างยืนบ้าง กำลังตะโกนร้องเพลงอย่างเต็มที่ แต่ความรู้สึกอึ้ง ๆ  หนัก ๆ ก็ลดลงไม่เหมือนครั้งแรก ๆ

          จนกระทั่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา น้อง ๆ ที่น่ารักหลายคน เป็นตัวตั้งตัวตีในการทำบุญที่ “บ้านเฟื่องฟ้า” แถว ๆ วัดชลประทานเนื่องจากมีน้องคนนึงทำงานที่นั่น และทำมานานมากแล้ว พวกเราเรียกเธอว่า “Angle” ไม่เพียงเพราะงานที่เธอทำ หากแต่เป็นเพราะบุคลิกโดยรวมของเธอที่ไม่อาจอธิบายได้นอกจากจะได้พูดคุยกับเธอเอง ที่จริงแล้วความตั้งใจที่จะทำบุญที่บ้านเฟื่องฟ้ามีมานานมากแล้วสำหรับกลุ่มของเรา แต่ยังหาโอกาสและเวลาไม่ได้ มีน้องคนนึงตั้งหน้าตั้งตารวบรวมเงินจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในที่ทำงาน ตั้งใจหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งของที่บ้านเฟื่องฟ้าต้องการ ตั้งใจที่จะเดินทางไปซื้อเครื่องใช้ (เครื่องปั่น) ด้วยตัวเอง สรุปคือมีความตั้งใจที่ดีจริง ๆ  ในขณะที่ผู้เขียนนั้น “ตั้งใจไป” และบอกกล่าวเพียงเพื่อนสนิท 2-3 คน เพื่อบังคับให้ร่วมทำบุญ... ร่วมชาติ

          และนี่คือที่มาของความรู้สึก “อึ้ง” มากมายที่ยังติดอยู่ในหัว

          จริง ๆ แล้วถ้าจะถามว่าในชีวิตเคยเจอเด็ก ๆ ที่มีปัญหาหรือไม่ปกติไม่ว่าจะเป็นด้านสมองหรือร่างกายหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าเคย และถ้าถามว่าเด็ก ๆ เหล่านั้นเป็นญาติใกล้ชิดของเราหรือไม่ ต้องตอบว่าไม่ใช่ อย่างมากที่สุดก็เป็นลูกของเพื่อนร่วมงาน ถ้าถามอีกว่าเวลาเห็นเด็ก ๆ เหล่านั้นเรารู้สึกอย่างไร คำตอบคือสงสาร... ทั้งตัวเด็กเองและพ่อแม่ครอบครัวของเค้า แต่เมื่อภาพนั้นผ่านพ้นไปเราก็จะลืม...

          แต่ครั้งนี้ มันกลับแตกต่าง!!!

          ภาพเด็กจำนวนเกินครึ่งร้อยในห้องนอนที่เราเห็น ทุกคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กินเองไม่ได้ เดินเองไม่ได้ หรือแม้แต่คิดด้วยตัวเองก็คงไม่ได้ แม้ว่าทุกคนจะได้รับการดูแลจากดีจากป้า ๆ น้า ๆ พี่ ๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของบ้านเฟื่องฟ้า แต่ภาพของเด็กจำนวนมากที่ขาดโอกาสแม้แต่จะรู้จักตัวเองเนื่องจากสมองผิดปกตินั้น มันทำให้จิตตกได้มากมาย น้องคนนึงที่ไปด้วยกันบอกว่า “ผมมีหลาน ถ้าหลานผมเกิดมาแล้วเป็นอย่างนี้ ผมคงทุกข์ใจ ยิ่งคนเป็นพ่อเป็นแม่คงยิ่งทุกข์มาก”

          เราอยู่ที่นั่นกันไม่นานนัก ด้วยภาพที่เห็นทำให้เกิดความทุกข์ และเมื่อพบเห็นความทุกข์ความไม่สบายกายไม่สบายใจ มนุษย์จะทำอย่างหนึ่งคือ หนีจากทุกข์ ... เราออกมาจากบ้านเฟื่องฟ้าหลังจากใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงที่นั่น และไม่ถึง 15 นาทีที่ตึกนอนของเด็ก ๆ

          น้องคนนึงกลับมาแล้วเขียนบน Face Book ของตัวเอง ... ค่อนข้างยาว แต่จำได้ว่า...ประมาณ “แม้มีบางอย่างในชีวิตที่ไม่สมหวัง แต่ก็ยังดีที่เกิดมาแล้วยังมีโอกาส...” น้องคนนี้ตั้งใจจะหาเงินไปทำบุญต่อ ๆ ไป เรียกได้ว่าจะไม่ยอมเลิกราเด็ดขาด

          แต่สำหรับตัวเอง กลับมาแล้วก็ยังรู้สึก “ไม่สุข” เท่าที่ควร ทั้งที่ตั้งใจไปทำบุญ พอพูดกับเพื่อน เพื่อนก็บอกว่า “เด็ก ๆ เค้าไม่ทุกข์หรอก เพราะเค้าไม่รู้จักว่าทุกข์คืออะไร เรา... คนที่ไปเยี่ยมพวกเค้า กลับคิดแทนพวกเค้าแล้วก็ทุกข์แทนพวกเค้า” อือมม ... ก็จริงนะ

          วันนี้ อากาศหม่น ๆ ประกอบกับยังคิดเรื่องงานไม่ออก เลยมาเปิด youtube หาเพลง Que sera sera เวอร์ชั่น โฆษณาของบริษัทประกันชีวิตดู จบไป 2 รอบ ก็มาเขียนบันทึกฉบับนี้ และตั้งใจจะ “วาง” เรื่องของเด็ก ๆ บ้านเฟื่องฟ้าภายหลังจบบันทึกฉบับนี้

          แต่การ “วาง” ในที่นี้ คือวางความรู้สึกทุกข์ลง เพื่อเติมความสุขให้เต็มใจ
          แต่จะไม่ “ละ” โอกาสที่จะช่วยเหลือต่อไป...เท่าที่จะทำได้

          http://www.fuengfah.com/

หมายเลขบันทึก: 442143เขียนเมื่อ 3 มิถุนายน 2011 16:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม 2012 15:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท