หน้าแรก
สมาชิก
นายเฉลิมลาภ ทองอาจ
สมุด
การพัฒนาหลักสูตรแ...
แรงจูงใจ: ก้าวแรก...
นายเฉลิมลาภ ทองอาจ
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
แรงจูงใจ: ก้าวแรกสู่การเรียนรู้ภาษาไทย
แรงจูงใจในการเรียนรู้เป็นพลังที่จะทำให้ผู้เรียนควบคุมตนเองไปสู่การเรียนรู้ด้วยการกำกับตนเองได้ในที่สุด
มาร่วมสร้างประชาคมการสอนภาษาไทยให้มีหลักการ มีทฤษฎีและ
มีชีวิต
เฉลิมลาภ ทองอาจ
เป็นที่ยอมรับกันว่า จุดเริ่มต้นของการเรียนรู้คือ “ความรัก” ที่จะเรียนรู้ และความรักนั้นควรจะเกิดจากมโนสำนึก คือ เกิดความความต้องการ “ภายใน” ที่จะพัฒนาตนเองของนักเรียน เพราะเมื่อนักเรียนมีความต้องการที่ชัดเจนและมั่นคงแล้ว ก็จะสามารถกำหนดเป้าหมาย การเรียนรู้ของตนเอง และสามารถ “จัดการ” วิธีการเรียนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้ แต่เมื่อย้อนกลับมาพิจารณาสภาพการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยในปัจจุบันจะพบว่า ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ในประเด็นที่ไม่อาจทำให้นักเรียนเกิดความสนใจได้ ผลที่ปรากฏคือ นักเรียนมักแสดงอาการเบื่อหน่าย มีพฤติกรรมไม่ตั้งใจเรียน สนทนาพูดคุยเล่นกัน เป็นต้น สภาพปัญหาเหล่านี้ หากพิจารณาลงไปถึงสาเหตุแล้ว คงไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็น “ความผิด” ของนักเรียนทั้งหมด เพราะในการจัดการเรียนรู้ ครูเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการออกแบบและวางแผน ด้วยเหตุนี้ ครูจึงต้องย้อนกลับมาไตร่ตรองวิธีการจัดการเรียนรู้ของตนเองว่า สามารถสร้าง “แรงจูงใจ” ในการเรียนรู้ของนักเรียนให้เกิดขึ้นได้มากเพียงใด
การสร้างแรงจูงใจถือเป็นกิจกรรมแรกของการจัดการเรียนรู้ เพราะมีเป้าหมายเพื่อ “เปิดใจ” นักเรียนให้เข้ามามีส่วนร่วม (engage) ในการกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ของตนเอง เพื่อให้นักเรียนสามารถ “จัดการ” วิธีการเรียนของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ทั่วไป จึงมักจะเริ่มต้นการตอบคำถามสำคัญว่า “เราจะทำอย่างไรเพื่อให้นักเรียนสนใจเรื่องที่ศึกษา” จากนั้นคำตอบของปัญหานี้จะได้รับการออกแบบให้เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ “ขั้นนำ” ดังที่ปรากฏในการวางแผนการจัดการเรียนรู้โดยทั่วไป แต่สิ่งประเด็นที่เป็นปัญหาในการออกแบบนั้นก็คือ ครูมักจะ “คาดคิดไปเอง” ว่ากิจกรรมการเรียนรู้ที่จะจัดเพื่อสร้างแรงจูงใจนั้นเหมาะสม ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว อาจมิได้ทำให้นักเรียนเกิดแรงจูงใจที่แท้จริงก็เป็นได้
แนวคิดเกี่ยวกับเรื่อง “แรงจูงใจ” มิใช่เรื่องใหม่ในวงการการศึกษา เพราะเป็นวิทยาการที่มีการศึกษากระทั่งสร้างเป็นทฤษฎีของหลายสำนักคิด และหากพิจารณาในมุมมองพุทธศาสนา แรงจูงใจก็คือ “ฉันทะ” ซึ่งหมายถึง ความต้องการที่จะทำหรือความอยากทำให้ดี (พระธรรมปิฎก, 2546: 42) นั่นเอง ฉันทะนั้นถือว่าเป็นธรรมขั้นต้นของ “อิทธิบาท” หรือทางแห่งความสำเร็จในการประกอบกิจการงานต่างๆ จึงกล่าวได้ว่า แนวคิดเรื่องแรงจูงใจนั้นมีความผูกพันใกล้ชิดกับ มโนทัศน์การออกแบบและการจัดการเรียนรู้ (instructional design concept) ของครูภาษาไทยมากพอสมควร แต่ก็เป็นปัญหาน่าขบคิดต่อไปว่า ความผูกพันนั้นนำไปสู่ความเข้าใจที่ “แท้จริง”เกี่ยวกับหลักการตามทฤษฎีแรงจูงใจ และการประยุกต์ใช้ในการออกแบบและจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนหรือไม่เพียงใด เพื่อตอบปัญหาดังกล่าว จึงจำเป็นจะต้องศึกษาแนวคิดและทฤษฎีแรงจูงใจ การสร้างและตัวอย่างการประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเป็นลำดับต่อไป
แรงจูงใจ (motivation) มีลักษณะเป็น “อำนาจ” อย่างหนึ่ง ที่โน้มนำความคิดและจิตใจของบุคคลให้มุ่งปฏิบัติในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างมีเป้าหมายและทิศทาง บุคคลที่มีแรงจูงใจใน เรื่องใดเรื่องหนึ่งในระดับสูง จะสนใจและมุ่งปฏิบัติเรื่องนั้นอย่างเต็มความสามารถ นักจิตวิทยาจึงมักจะนิยามความหมายของแรงจูงใจว่าเป็น ภาวะหรือเงื่อนไขภายใน (internal state or condition) เช่น ความต้องการ (need) หรือ ความปรารถนาอันแรงกล้า (desire) ที่กระตุ้นหรือสนับสนุนให้เกิดพฤติกรรมจากภายในที่มีทิศทางอย่างชัดเจน (Huitt, 2001: online และ Slavin,2003: 329) การศึกษาด้านจิตวิทยาที่พัฒนาไปมาก ทำให้เราทราบว่า แรงจูงใจนั้นประกอบอยู่ในทุกพฤติกรรมการแสดงออกของนักเรียน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พฤติกรรม ทุกอย่างที่นักเรียนแสดงออกนั้น เป็นผลมาจากการตอบสนองแรงจูงใจของตนเอง
นักจิตวิทยาแบ่งแรงจูงใจออกเป็น 2 ประเภทคือ แรงจูงใจภายใน (intrinsic motivation) ได้แก่ แรงจูงใจจากความต้องการของตนเอง เช่น ความต้องการในการทำงานที่ยากให้ประสบความสำเร็จ และแรงจูงใจภายนอก (extrinsic motivation) ได้แก่ แรงจูงใจที่เกิดจากบุคคลอื่น เช่น การที่ครูให้ความยอมรับนับถือหรือชื่นชมในผลงานที่ปฏิบัติ เป็นต้น ผลจากวิจัยพบว่าแรงจูงใจภายใน จะมีอิทธิพลมากกว่าแรงจูงในภายนอก และเป็นส่วนสนับสนุนให้เกิดความต้องการที่จะเรียนรู้ (Capel, 2001: 104) ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องง่ายหากครูจัดการเรียนรู้ในขณะที่นักเรียนมีระดับแรงจูงในภายในสูง แต่สภาพการณ์จริงกลับมิได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากเราต้องยอมรับว่า สาระการเรียนรู้ส่วนใหญ่ที่จัดไว้สำหรับนักเรียนนั้น มักเป็นเรื่องใหม่ ซับซ้อน ส่วนหนึ่งยาก ไม่สัมพันธ์หรือสัมพันธ์กับชีวิตของนักเรียนน้อยมาก กอปรกับการจัดการเรียนรู้ที่มิได้คำนึงถึงทฤษฎีแรงจูงใจของครู ก็ยิ่งทำให้นักเรียนมองไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่เรียนมากยิ่งขึ้น และเกิดภาวการณ์จูงใจในเชิงลบ ซึ่งหมายถึงการจูงใจให้ปฏิเสธและไม่ยอมรับสาระการเรียนรู้หรือแม้แต่กระทั่งครูผู้สอน ดังปรากฏเป็นปัญหาที่กล่าวไว้เบื้องต้น คำถามที่ควรพิจารณาต่อมาคือ แล้วครูในฐานะผู้จัดการเรียนรู้ ควรใช้สิ่งใดมาเป็นเป้าหมายเพื่อจูงใจนักเรียนให้เข้าสู่กระบวนการเรียนรู้และสามารถสร้างแรงจูงใจด้วยตนเอง
เพื่อจูงใจให้นักเรียนหันมากำหนดเป้าหมายในการเรียนรู้ของตนเอง และใช้ความพยายามทุกด้านเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ครูควรคำนึงถึงปัจจัยภายนอกที่สามารถนำมาใช้เพื่อโน้มนำนักเรียนให้เกิดแรงจูงใจ เช่น 1) ผลสัมฤทธิ์ (achievement) คือ ระดับความสามารถด้านพุทธิปัญญา ซึ่งมาจากการทดสอบ 2) ความยินดี (pleasure) คือ ความรู้สึกดีใจจาก การได้รับการยอมรับหรือชื่นชม 3) การปกป้อง (preventing) คือ การหลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือกิจกรรมที่ไม่สนุกสนานหรือไม่น่าพึงพอใจ 4) ความพึงพอใจ (satisfaction) คือ ความรู้สึกว่าสิ่งที่ทำมีความก้าวหน้า และ 5) ความสำเร็จ (success) คือ ภาวะที่เกิดขึ้นหลังจากใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ในการปฏิบัติงานใดงานหนึ่งแล้วเป็นไปตามที่คาดหวัง จากแนวคิดนี้ ทำให้เราทราบว่า ครูสามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สามารถ “สร้างแรงจูงใจ” ได้ หากครูสามารถสนับสนุนให้นักเรียนมองเห็นเป้าหมาย วิธีการไปสู่เป้าหมาย และผลที่จะได้รับจากการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวว่า จะทำให้นักเรียนเกิดความพึงพอใจ ภาคภูมิใจหรือเกิดความเชื่อมั่นในตนเองอย่างไร การเรียนรู้ในลักษณะนี้ถือเป็นการเรียนรู้ที่มีความหมาย (meaningful learning) เนื่องจากนักเรียนเกิดความตระหนักว่า สิ่งที่กำลังศึกษานั้นมีความเกี่ยวข้องหรือมีประโยชน์ต่อชีวิต
นักจิตวิทยาและนักการศึกษาได้สร้างทฤษฏีเกี่ยวกับแรงจูงใจไว้จำนวนมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ครูภาษาไทยจะต้องศึกษา และนำมามาสร้างเป็นกรอบแนวคิดเบื้องต้น สำหรับการออกแบบการจัดการเรียนรู้ของตนเองต่อไป
เขียนใน
GotoKnow
โดย
นายเฉลิมลาภ ทองอาจ
ใน
การพัฒนาหลักสูตรและการสอนภาษาไทย
คำสำคัญ (Tags):
#การสอนภาษาไทย
#ทฤษฎีการเรียนรู้
#ภาษาไทย
#หลักสูตรและการสอน
#แรงจูงใจ
หมายเลขบันทึก: 441380
เขียนเมื่อ 29 พฤษภาคม 2011 20:52 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 19:19 น. (
)
สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
นายเฉลิมลาภ ทองอาจ
สมุด
การพัฒนาหลักสูตรแ...
แรงจูงใจ: ก้าวแรก...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท