บางคนเกิดมาทั้งชีวิต....ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำ ว่าเรามีศักยภาพด้านใดอยู่บ้าง...แต่ลึก ๆ ข้างใน เขาจะถามตนเองอยู่ตลอดเวลาว่า...เอ๊ะ เรื่องนี้เราก็ทำได้...แบบนี้เรามันเชี่ยวเลยแหละ...บางคนก็มั่นใจว่า ถ้าเป็นเรื่องนี้นะ เราไม่เป็นรองใครในโลกนี้หรอก...............แล้วนั่น มันเป็นเพราะอะไรกันนะ...นี่คือคำถามที่ซ่อนลึกอยู่ในใจทุกคน...
การทบทวนตัวเอง....ในสภาวะ กาย จิต และสิ่งแวดล้อมบังเอิญอยู่ในที่เหมาะสม บางคนเรียกว่า ธรรมะจัดสรร...หรือบางคนหาโอกาสไปอยู่ในสภาวะที่เอื้อ สงบวิเวก...ก็อาจรับโอกาสเข้าสู่สภาวะเหมาะสมที่จะทบทวนตนเอง...
บางคนก็ใช้โอกาสในการเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ที่จัดขึ้นซึ่งวิทยากรกระบวนการ หรือกระบวนกร มักจะจัดกระบวนการให้โอกาสทบทวนตนเอง...หลังจากใช้เวลาทบทวนตนเองแล้ว...ต่อด้วยกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบสุนทรียะสนทนา(Dialogue)...ช่วงนี้อาจทำความเข้าใจคำว่าสุนทรียสนทนาไปด้วยเลย...
หลังจากนั้นจะเป็น....กิจกรรมสำรวจสภาวะปัจจุบัน...ความหมายเบื้องต้นของคำว่าสติ(การระลึกรู้)พร้อมทดลองปฏิบัติ...แล้วอธิบายคำว่า...มันแล้วแต่วาสนาจริงหรือ...
วาสนานี้ได้แต่ใดมา...พ่อแม่(บุพกรรม)มอบมาให้ แค่นั้นหรือ...หรือว่าวาสนานี้ได้มาแต่อดีตครั้งไหน...หรอว่าชาติที่แล้วจะมีจริง...หรือว่านี่เป็นอดีตกรรมจริง ๆ ....
อดีตกรรมเป็นกรรมที่ส่งผลให้เป็นเราในปัจจุบัน...หากวันนี้เราทำปัจจุบันกรรมเป็นเหตุดี...ผลย่อมดีแน่นอน....วาสนาจึงมีผลต่อเราเท่าที่เรายอมจำนนเท่านั้น....
จึงเป็นความหมายของมนุษย์ทุกคน...ไม่ว่าจะยากดีมีจน...สบูรณ์พร้อมหรือพิการร่างกาย...ล้วนแล้วแต่มีศักยภาพในตน...ที่ต้องค้นให้พบ หาให้เจอ...แล้วพัฒนาให้ยิ่งขึ้นไป...
เป้าหมายชีวิตของทุกคนคือความสุข...แม้บางคนจะพยายามเลี่ยงใช้คำอื่นหรือแบบอื่น...เมื่อประมวลเป้าหมายแล้วก็ยังมาลงที่ความสุขอยู่ดี(แต่สุขแบบโลกียะหรือโลกุตระเท่านั้น)...
แต่คนเรามักไม่ค่อยพิจารณากันให้ชัดเจนในเป้าหมายชีวิต(กระบวนกรมักใช้กิจกรรมเป้าหมายชีวิตให้ผู้ร่วมกระบวนการทำความชัดเจนให้มากขึ้น)...จึงเห็นว่า(เอาความหมายง่าย ๆ เข้าว่า)เงินคือเป้าหมายชีวิต(บางคนยกให้เป็นพระเจ้าเลยทีเดียว)...
เพราะเชื่อว่าเงินบันดาลได้ทุกสิ่ง...ความจริงจึงยังไม่ปรากฏแก่ใจเสียที...เมื่อผ่านกระบวนการทบทวนตนเอง...ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตด้วยสุนทรียะสนทนา...ผ่านการทำความชัดเจนเป้าหมายชีวิต...ผ่านการฝึกไตร่ตรองด้วยสติ...ก็จะเริ่มยั้งคิด...
หลายคนมีโอกาสหันกลับเข้าไปมองตนเอง(Inside to Insight)...ก็จะพบความจริงประการหนึ่งว่า...ความสุขที่ซ่อนอยู่ภายใน คือทุกครั้งที่เรามีความสามารถเพิ่มขึ้น และทุกครั้งที่เราเกิดการเรียนรู้มากขึ้น...เราจะมีความสุข...
แม้บางคนจะไม่เคยสังเกตุ(เนื่องจากอยู่ในสภาวะแวดล้อมวุ่นวายประกอบกับจิตที่แส่ส่ายกับกายที่ทนทุกข์)... แต่เมื่อมีโอกาสจัดการกับตนเองให้อยู่ในสภาวะที่สงบ เงียบ ปลอดโปร่ง โล่งเบา...ก็อาจจะเริ่มมองเห็นความสุขที่ซ่อนอยู่ภายใน...จากการได้พัฒนาความสามารถและพัฒนาการเรียนรู้ของตน.
ความสามารถทั้งด้าน IQ... EQ... SQ... AQ...ย่อมพัฒนาได้ตลอดเวลา ที่เราเชื่อว่าพัฒนาได้...รวมทั้งการเรียนรู้จากการ ฟัง คิด ถาม เขียน...ก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา...หากเราใช้โอกาส เวลาที่เหมาะสม...
และหากความสามารถและการเรียนรู้ของเรา...ถูกกระตุ้นให้เกิดขึ้นเป็นอัตโนมัติ...ไม่ยากเลยที่เราจะเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมหรือปราชญ์ที่น่าเลื่อมใส...
หากผนวกรวมเข้ากับการสร้างบารมี ด้วย ทาน ศีล ภาวนาที่มุ่งมั่น จริงใจ...ความยิ่งใหญ่ในอนาคตกาลก็หนีไม่พ้นความเป็นมหาบุรุษ/หมาสตรีเป็นที่คาดหมายได้...
ภาพร่างคนที่ครอบคลุมสิ่งที่ควรค่าอยู่ภายใน...ท่านประสงค์จะให้เป็นเช่นไร...
และนี่คือความหมายของ ...กระบวนการพัฒนาศักยภาพมนุษย์...
มันเป็นแบบนั้นจริงๆครับ ต้องขออภัยด้วยครับ ผมขอบันทึกภาพไว้ เผื่อได้ใช้วันหนึ่งข้างหน้า เป็นประโยชน์ทีเดียวครับ