"Outliers"..The story of success.."การได้รับโอกาส-ให้ทำงานหนัก-อย่างมีความหมาย"


ฉันไม่อยากเป็น Outlier..แต่หนังสือเล่มนี้ให้ข้อคิด ในการสร้าง Outlier ที่ดีแก่สังคม

หนังสือเรื่อง "Outliers..the story of success" โดย Malcolm Gladwell เป็นหนังสือ Best seller ที่มีผู้วิจารณ์ทั้งทางบวก และทางลบ ฝ่ายทางบวก ชื่นชมในกลยุทธการเล่าเรืื่องและมุมมองนอกกรอบของผู้เขียน ขณะที่ฝ่ายทางลบ ไม่เห็นด้วยกับ คำอธิบายปัจจัยที่ทำให้คนประสบความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับ "โชค" อ่านแล้วอาจสิ้นหวังแทนที่จะมีกำลังใจ

ฉันได้ "ฟัง" หนังสือเล่มนี้จบ จึงอยากบันทึกการตีความและมุมมองส่วนตัว..

...เหตุที่เลือกซื้อ Audiobook เรื่องนี้..ที่จริงแล้ว ฉันไม่ชอบ และไม่อยากเป็น "outlier" เพราะบทบาทของมันทาง biostatisticไม่สู้ดี ไม่เป็นที่ต้องการเพราะมันไม่ "fit" กับ model และมักถูกโดนกำจัด!  
แต่บังเอิญไปพบ บทความของ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ใน gotoknow นี่แหละคะ แนะนำให้คนเป็นอาจารย์อ่าน..และฉันคิดว่า ถึงแม้ logic ของหนังสือไม่ถูกต้องตามที่คำวิจารณ์เชิงลบว่า แต่ก็น่าจะได้เทคนิคการเล่าเรื่อง ที่ไม่มีใครเถียงว่า Malcolm นั้นสุดยอด

...ทำไมถึงฟังหรือคะ  เพราะในช่วง 3 เดือนมานี้ กำลังปั่นการเก็บข้อมูลวิจัยจาก Medical records จำนวน 3 ตู้หนังสือใหญ่ๆ..เป็นงานที่ใช้สายตาเพ่งเกือบทั้งวัน และเป็นงานที่เครียดชวนล้า ( mentor ได้เตือนไว้ว่า..อย่าดื่มเกินวันละสองขวด เอ้ย อย่าเกินวันละ 10 charts -otherwise you will be crazy! ) จึงขอใช้ประสาทสัมผัสหูให้พอ entertain ชีวิตได้

...ไม่ผิดหวัง หลังจากฟังหนังสือเล่มนี้ ทำให้มุมมองฉันต่องานเก็บข้อมูล รวมทั้งงานที่หลายๆคนบอกว่า "เสียเวลา" เปลี่ยนไป..เพราะอะไร

... บุคคลที่ Malcolm ยกเป็น "Outlier" คือ Bill gate, the beatle และ คุณแม่ของเขาเอง

อะไรทำให้คนเหล่านี้ประสบความสำเร็จแบบสุดๆ ฉันขอสรุปเองเป็นประโยคเดียว เพราะเขา "ได้รับโอกาส-ให้ทำงานหนัก-อย่างมีความหมาย"...ซึ่งรวมสามองค์ประกอบไว้ด้วยกัน

1. ได้รับโอกาส : บางคนตีความว่าเป็น โชค หรือ กรรม  ให้ได้เกิดมามีพ่อแม่่, ครูอาจารย์, เพื่อน รวมทั้งในยุคสมัย ที่ส่งเสริมให้สิ่งที่คนๆ หนึ่งทำได้ดี กลายเป็นดีเลิศ..แต่สิ่งที่  Malcolm ชี้คือ โอกาส ไม่ได้ติดตัวมาแต่เกิด หากแต่ขึ้นกับสังคม สิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่เราช่วยกันสร้างคนที่เป็นเลิศขึ้นมาได้
   คุณแม่ของ Malcolm เกิดมาในครอบครัวคนผิวสีในชุมชนเล็กๆ ของอัฟริกา ที่ฐานะไม่ดีนัก แต่พ่อแม่ของเธอ เห็นความสำคัญของการศึกษาลูกสาว ขณะที่เด็กสาววัยเดียวกันถูกให้ทำงานอยู่กับบ้าน..ผลคือ เธอได้ทุนรัฐบาลให้ศึกษาต่อด้านคณิตศาสตร์ เธอได้เป็น Professor..พบรักกับคุณพ่อของ Malcom ที่เป็น Professor เช่นกัน และมีลูกชายเป็นนักเขียน world best sellor...คุณแม่ของ Malcolm อาจไม่ใช่เด็ก IQ สูงสุดในประเทศ เธอเป็นคนที่ "เก่งพียงพอ" แต่สำคัญคือได้รับโอกาสจากครอบครัวและสังคม

สะท้อนใจ
...เมื่อนักศึกษาแพทย์ ตอบคำถามตามความคิดตัวเอง ไม่มีเขียนในตำราแพทย์ ขึ้นกับผู้เป็นอาจารย์จะใส่ปุ๋ย หรือ กระทืบให้ต้นกล้านักวิจัยนั้นจมดิน ?

2.ให้ทำงานหนัก : ทำไมคนที่ได้รับโอกาสพอๆ กัน ถึงประสบความสำเร็จไม่เท่ากัน เหมือน นักศึกษาหลายร้อยคน ที่มีไอคิวยอดเยี่ยม มีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลััยเปิดให้ใช้ไม่จำกัด ทำไมไม่มีบริษัททำเงินร้อยล้านแบบ Bill gate..นั่นเพราะแต่ละคน เห็นคุณค่าและใช้โอกาสนั้นไม่เท่ากัน
  Bill gate ใช้เวลาขลุกกับเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคก่อน PC ซึ่งไม่มี internet ไม่มี facebook ทั้งวันและเกือบทั้งคืน ลองผิดลองถูกนับครั้งไม่ถ้วน หรือ Bill joy (ไม่ใช่ญาติกันนะคะ) อัจฉริยะคอมพิวเตอร์อีกคน"บางวัน ผมหลับคาแป้นคีย์"
  เบื้องหลังความเก่งกาจของวง the beattle คือ สมัยยังไม่มีชื่อเสียง เล่นดนตรีในคลับซึ่งไม่มีวงอื่นให้สลับ จึงต้องเล่นทุกวัน และเกือบทั้งวัน เป็นเวลาปีๆ..ซึ่งสมาชิกวงกล่าวว่า นั่นทำให้พวกเขาต้องพยายามหาเทคนิคการเล่นใหม่ๆ เพื่อไม่ให้คนฟังเบื่อหน่าย

สะท้อนใจ
...เมื่อทำอะไร แล้วเจอกับสภาวะที่ใครๆ ก็บอกว่า "เป็นเรื่องยาก" ขึ้นอยู่กับเราจะตีความว่า "เป็นไปไม่ได้" หรือ "เป็นสิ่งท้าทาย" หลายสิ่งที่ว่ายากเกิดขึ้นได้ด้วยกลยุทธ สู้"เกือบ"ตาย แล้ว พักเพื่อเติบโต​ แล้วสู้"เกือบ"ตายใหม่..ลองสังเกต กล้ามเนื้อนักเพาะกาย ก็เกิดจาก muscle cell ถูกใช้งานหนักจน"เกือบ"ตาย ในช่วงพัก ร่างกายปรับตัวนำโปรตีน สร้างหลอดเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น จนกลายเป็นกล้ามเนื้อขนาดใหญ่และแข็งแรงกว่าเดิม...

3. อย่างมีความหมาย : บางคนทำงานหนักเป็นเวลาหลายๆ สิบปี ทำไม ไม่เป็น outlier? ก่อนอื่น เราลองมาดูว่า อะไรทำให้ Bill gate หมกตัวอยู่กับคอมพิวเตอร์ ในขณะที่เพื่อนวัยเดียวกันไปหาสิ่งบันเทิงกว่า..เพราะโจทย์ที่เขาต้องการหาคำตอบอย่างแรงกล้า "ทำอย่างไรให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้หลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน?..และโจทย์เดียวกันนี่เอง ทำให้ระบบ Window อุบัติขึ้น...The Beatle เล่นดนตรี ทุกคืน คืนละ 7-8  ชั่วโมง โดยค่าจ้างตายตัว ที่จริงพวกเขาจะเล่นแบบเดิมๆ ก็ได้ไม่มีใครว่า แต่เพราะพวกเขา "อยากให้คนดูสนุกและประทับใจเสมอ"..

สะท้อนใจ
...ตอนฉันบรรจุเป็นอาจารย์ใหม่ๆ ได้รับมอบหมาย(อย่างงงๆ) ให้ทำหน้าที่รวบรวมและกรอกคะแนนนักศึกษา..ความรู้สึกขณะนั้นคือ "โมโห"ว่าทำไมต้องมานั่งทำงานแบบนี้ จึงทำด้วยความทุกข์และทำแบบขอไปที..แต่ประสบการณ์นั้นสอนให้รู้ว่า งานจะออกมาดีเมื่อคนที่ทำรู้สึกว่ามัน "มีความหมาย" ต่อตัวเองและผู้อื่น..การให้นักศึกษาก้มหน้าก้มตาฝึกอะไรทำตามคำสั่ง แม้ด้วยความหวังดี แต่ผู้ฝึกก็อาจไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่เท่ากับเขามี insight  อยากจะฝึกด้วยตนเอง

..."Outliers" ทำให้ฉันนึกขอบคุณ พ่อแม่ ครูอาจารย์ กัลยาณมิตร รวมทั้งผู้ไม่เป็นมิตรแต่สร้างแรงบันดาลใจ..สำหรับ อาจารย์ mentor ฉันเลิกนับถือท่าน..แต่เปลี่ยนเป็น "เทิดทูน" แทน แม้ท่านไม่ใช่ผู้รับรางวัลโนเบล แต่ท่านคือผู้ทำให้ฉัน "ได้รับโอกาส-ให้ทำงานหนัก-อย่างมีความหมาย" อันเป็นสิ่งมีค่ายิ่งในชีวิต

คำสำคัญ (Tags): #malcolm gladwell#story of success#outliers
หมายเลขบันทึก: 439682เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2011 12:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สนใจเล่มเดียวกันครับ คุณหมอ ผมใช้สอนด้วยครับ

คุณหมอสรุปเนื้อหาได้น่าสนใจ และน่าติดตามครับ...

ประณีตมากๆ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท