ในตอนที่ 1 ผมได้เปรียบเทียบศักยภาพของการเผยแพร่ผลงานวิจัยของไทยในระดับโลกและอาเซียนไปแล้วทีนี้เรามาดูศักยภาพของการผลิตงานวิจัยในบ้านเรากันบ้างครับ
ข้อมูลจำนวนผลงานวิชาการที่ได้รับการเผยแพร่ในฐานข้อมูล ISI WOS ที่ได้รับการรวบรวมไว้แสดงในตารางด้านล่างครับ
หน่วยงาน |
2549 |
2548 |
2547 |
2546 |
2545 |
2544 |
2543 |
2542 |
รวม |
มหาวิทยาลัยมหิดล |
824 |
627 |
527 |
504 |
385 |
366 |
335 |
308 |
3876 |
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
817 |
543 |
497 |
414 |
331 |
244 |
225 |
148 |
3219 |
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
392 |
277 |
241 |
196 |
178 |
119 |
110 |
88 |
1601 |
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
259 |
188 |
119 |
128 |
130 |
116 |
69 |
64 |
1073 |
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ |
211 |
176 |
117 |
112 |
85 |
73 |
75 |
60 |
909 |
มหาวิทยาลัยขอนแก่น |
204 |
138 |
117 |
118 |
98 |
91 |
72 |
48 |
886 |
สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย |
153 |
130 |
102 |
125 |
113 |
110 |
85 |
67 |
885 |
กระทรวงสาธารณสุข |
83 |
114 |
64 |
69 |
56 |
49 |
49 |
37 |
521 |
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ |
74 |
146 |
113 |
116 |
66 |
52 |
48 |
33 |
648 |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี |
66 |
124 |
113 |
88 |
55 |
60 |
37 |
34 |
577 |
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ |
NA |
94 |
91 |
56 |
55 |
32 |
24 |
18 |
370 |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี |
NA |
61 |
72 |
34 |
28 |
22 |
11 |
10 |
238 |
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ |
NA |
38 |
18 |
22 |
30 |
15 |
17 |
15 |
155 |
สภากาชาดไทย |
NA |
36 |
22 |
21 |
20 |
9 |
13 |
13 |
134 |
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง |
NA |
36 |
9 |
21 |
18 |
5 |
5 |
6 |
100 |
มหาวิทยาลัยนเรศวร |
NA |
27 |
22 |
25 |
13 |
9 |
7 |
9 |
112 |
NA หมายถึงไม่มีข้อมูล
จะเห็นนะครับว่าผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในระดับนานาชาติของแต่ละมหาวิทยาลัยในช่วง ปี 2542-2549 ช่วงแรกๆนั้นน้อยมาก มีเพียงมหาวิทยาลัมหิดลและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเท่านั้นที่สามารถตีพิมพ์ในระดับนานาชาติได้เกินร้อยเรื่องต่อปี แต่ก็ยังถือว่าน้อยมาก โดยในช่วงปี 2542 นั้นมหาวิทยาลัยมหิดลมีจำนวนตีพิมพืได้มากว่าจุฬาฯกว่าสองเท่า หลังจากจุฬาฯเองก็พยายามพัฒนาศักยภาพด้านการวิจัยของบุคคลากรเพื่อให้สามารถตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติได้มีความแตกต่างของจำนวนตีพิมพ์แคบลงจนในปี 2549 จุฬาฯก็มีจำนวนผลงานที่ตีพิมพ์ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยมหิดลครับ ส่วนมหาวิทยาลัยอื่นๆแม้จะมีพัฒนาการด้านจำนวนผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในระดับนานาชาติสูงขึ้นทุกปีแต่ก็ยังห่างจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมาหิดลอยู่มากครับ
ส่วนข้อมูลสามปีล่าสุดนั้น ผมได้ค้าคว้าข้อมูลและพบข้อมูลในเวบไซต์ของสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งได้นำเอาข้อมูลจำนวนผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ของบางมหาวิทยาลัยในฐานข้อมูลของ ISI WOS และ Scopus มาเผยแพร่ให้บุคลากรของทางมหาวิทยาลัยได้ทราบเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของบุคลากรในด้านการวิจัยและเป็นการกระตุ้นให้บุคลากรของมหาวิทยาลัยสนใจในการสร้างผลงานวิจัยให้มากขึ้นด้วยครับ ข้อมูลดังกล่างผมได้แสดงไว้ในตารางด้านล่างครับ
ISI WOS
สถาบัน |
ปี 2552 |
ปี 2553 |
ปี 2554* |
Chulalongkorn University |
1160 |
1160 |
247 |
Mahidol University |
1262 |
1278 |
232 |
Chiang Mai University |
673 |
588 |
126 |
Prince of Songkhla University |
428 |
425 |
105 |
Kasetsart University |
337 |
379 |
112 |
Khonkhaen University |
422 |
368 |
69 |
*ข้อมูลถึงเดือนมีนาคม
หากดูข้อมูลจากฐาน ISI WOS จะพบว่าในปี 2552 และ 2553 นั้นมหาวิทยาลัยทั้ง 6 แห่งสามารถผลิตผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในระดับนานาชาติได้สูงขึ้นกว่าปี 2549 ค่อนข้างมาก โดยทั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหิดลสามารถตีพิมพ์ได้เกินหนึ่งพันเรื่องไปเรียบร้อยและพบว่ามหาวิทยาลัยมหิดลสามารถตีพิมพ์งานวิจัยได้มากที่สุดในบรรดา 6 มหาวิทยาลัย ตามมาด้วยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่ง 3 อันดับแรกของมหาวิทยาลัยที่มีจำนวนผลงานวิชาการเผยแพร่ในระดับนานาชาติมากที่สุดนี้ยังคงที่ตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมาครับ ส่วนปี 2554 ผ่านไป 3 เดือนแรกคือมกราคมถึงมีนาคม พบว่าจุฬาฯสามารถตีพิมพ์ผลงานวิจัยได้มากกว่ามหาวิทยาลัยมหิดลครับ โดยจำนวนตีพิมพ์ 3 เดือนแรกของจุฬาฯมี 247 เรื่องส่วนมหาวิทยาลัยมหิดลและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มี 232 และ 126 เรื่องตามลำดับ
ฐานข้อมูลอีกฐานหนึ่งที่มักนำมาอ้างอิงในการค้นหาผลการตีพิมพ์หรือเผยแพร่ผลงานวิชาการคือ Scopus ครับ ซึ่งฐานข้อมูลนี้เป็นของของบริษัท Elsevier B.V. ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์วารสารวิชาการยักษ์ใหญ่ที่มีจำนวนวารสารวิชาการอยู่จำนวนมาก Scopus จะมีจำนวนวารสารในฐานข้อมูลเยอะกว่า ISI WOS ของ Thomson Reuters คือมีรายชื่อวารสารกว่า 18,000 ชื่อทำให้น่าจะคลอบคลุมมากกว่า ISI WOS ที่จำนวนวารสารวิชาการประมาณ 12,000 ชื่อครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นวารสารบางเรื่องอาจจะปรากฏอยู่ในฐานข้อมูลทั้งสองฐานก็ได้ครับ นั่นหมายความว่าการค้นข้อมูลตีพิมพ์ในหัวข้อวิจัยเรื่องเดียวกันในวารสารชื่อเดียวกันอาจจะเจอซ้ำกันจากทั้งสองฐานก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามวารสารบางเรื่องอาจปรากฏอยู่เพียงฐานข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งก็ได้เช่นกัน
เราลองมาดูผลการค้นหาจำนวนผลงานวิชาการที่ได้รับการเผยแพร่ตีพิมพ์ในฐานข้อมูล Scopus กันเลยครับ
Scopus
สถาบัน |
ปี 2552 |
ปี 2553 |
ปี 2554* |
Chulalongkorn University |
1292 |
1539 |
334 |
Mahidol University |
1355 |
1478 |
327 |
Chiang Mai University |
719 |
788 |
190 |
Prince of Songkhla University |
469 |
511 |
151 |
Kasetsart University |
508 |
656 |
183 |
Khonkhaen University |
454 |
481 |
125 |
*ข้อมูลถึงเดือนมีนาคม
จะเห็นได้ว่าตัวเลขของจำนวนผลงานวิชาการที่รวมผลงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ รวมทั้งงานทบทวนวิชาการ จดหมายและบันทึกย่อ การนำเสนอผลงานในที่ประชุมวิชาการที่ปรากฏในฐานข้อมูล Scopus จะมีจำนวนที่สูงกว่าที่ปรากฏในฐานข้อมูลของ ISI WOS นะครับ อย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่าเพราะจำนวนวารสารในฐาน Scopus มีมากกว่าของ ISI WOS จึงทำให้มีโอกาสเจอผลงานตีพิมพ์ต่างๆสูงกว่าไปด้วย หากพิจารณาจากฐาน Scopus จะพบว่าในปี 2552 นั้นมหาวิทยาลัยมหิดลมีจำนวนผลงานวิชาการที่ได้รับการเผลแพร่ในระดับนานาชาติสูงที่สุดรองลงมาคือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ครับ ที่น่าสนใจคือจำนวนผลงานตีพิมพ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในฐานข้อมูลของ Scopus นั้นสูงกว่ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในขณะที่ในฐาน ISI WOS นั้นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะมีจำนวนตีพิมพ์น้อยกว่าทั้งสองแห่งในปี 2552 ครับ นั่นแสดงให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีผลงานตีพิมพ์ระดับนานาชาติที่ปรากฏในฐานข้อมูล Scopus แต่ไม่ปรากฏใน ISI WOS หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือวารสารบางชื่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ส่งผลงานไปตีพิมพ์นั้นเป็นวารสารที่ไม่อยู่ในฐานของ ISI WOS แต่อยู่เฉพาะในฐานของ Scopus เท่านั้นครับ ส่วนในปี 2553 พบว่าจำนวนผลงานวิชาการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ปรากฏในระดับนานาชาติของฐาน Scopus จะสูงกว่ามหาวิทยาลัยมหิดลครับ ตามมาด้วยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในอันดับที่สามและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในอันดับที่สี่ ส่วนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และมหาวิทยาลัยขอนแก่นครองอันดับที่ห้าและหกตามลำดับ ในปี 2554 ผ่านมาช่วงสามเดือนแรกก็พบว่าจำนวนผลงานวิชาการที่ตีพิมพ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสูงกว่ามหาวิทยาลัยมหิดลเช่นกันครับตามมาด้วยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในอันดับที่สามและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในอันดับที่สี่ ส่วนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์อยู่อันดับที่ห้าและมหาวิทยาลัยขอนแก่นครองอันดับหกครับ จะเห็นได้ว่าการอ้างอิงแหล่งฐานข้อมูลนั้นก็มีความสำคัญในการดูศักยภาพของการตีพิมพ์ผลงานวิชาการในระดับนานาชาติของแต่ละมหาวิทยาลัยเทียบกันนะครับ เพราะการอ้างขอ้มูลจากบางแหล่งจะทำให้จำนวนผลงานวิชาการของมหาวิทยาลัยบางแห่งนั้นสูงกว่าของอีกมหาวิทยาลัย ในขณะที่บางแหล่งนั้นจำนวนผลงานวิชาการของมหาวิทยาลัยบางแห่งนั้นอาจต่ำกว่าของอีกมหาวิทยาลัยในบางครั้งครับ
ท่านผู้อ่านคงเห็นเหมือนกับผมนะครับว่า จำนวนผลงานวิชาการของมหาวิทยาลัยไทยแต่ละแห่งนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาด้านการวิจัยและการสร้างผลงานทางวิชาการของอาจารย์และนักวิจัยของไทยที่ดีขึ้นนั่นเองครับ แต่อย่างไรก็ตามควรจะต้องวิเคราะห์ลงไปให้ลึกอีกด้วยว่า จำนวนผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์เฉลี่ยต่อจำนวนนักวิชาการและนักวิจัยเพิ่มขึ้นหรือลดลง และคุณภาพของผลงานที่สามารถตีพิมพ์ในวารสารที่มี Impact Factor มีมากน้อยขนาดไหน และนอกจากนี้ผลงานวิจัยนั้นสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงให้แก่ประเทศชาติมีจำนวนมากน้อยเท่าใด เป็นต้นครับ
ที่สำคัญก็คือในเรื่องของการสร้างงานวิจัยนั้นยังกระจุกตัวอยู่แต่ในมหาวิทยาลัยของรัฐหรือมหาวิทยาลัยในกำกับเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ส่วนมหาวิทยาลัยแห่งอื่นๆและมหาวิทยาลัยเอกชนนั้นมีผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในระดับนานาชาติน้อยมาก ทั้งๆที่จำนวนของมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาเอกชนในประเทศไทยในตอนนี้มีมากกว่า 60 แห่ง แต่จำนวนผลงานวิจัยของสาถบันอุดมศึกษาเอกชนทั้งหมดรวมกันยังน้อยมาก ดังนั้นในการเพิ่มผลงานวิจัยในระดับนานาชาติของประเทศไทยในภาพรวมได้ จะต้องกระตุ้นให้มหาวิทยาลัยเอกชนมีการทำวิจัยกันให้มากขึ้นด้วยครับ
References
1.M.R. Jisnuson Svastia and Ruchareka Asavisanub, "Aspects of Quality in Academic Journals:A Consideration of the Journals Published in Thailand", ScienceAsia 33 (2007): 137-143
2.M.R. Jisnuson Svastia and Ruchareka Asavisanub, "Update on Thai Publications in ISI Databases (1999-2005)", ScienceAsia 32 (2006): 101-106
3.http://www.info.sciverse.com/scopus/about
4.http://wokinfo.com/products_tools/multidisciplinary/webofscience/
5.Impact Factor คืออะไร ? http://stang.sc.mahidol.ac.th/text/impact.htm
6.ผลงานการตีพิมพ์ของนักวิจัยไทย http://th.wikipedia.org/wiki
7.http://www.rdoapp.psu.ac.th/html/rdoth/index.php?option=com_weblinks&view=category&id=114&Itemid=128
ไม่มีความเห็น