นายแพทย์ปรีชา
นายแพทย์ นายแพทย์ปรีชา งามสำโรง

ดอกส้ม...สีทอง


บทวิจารณ์ละครเรื่อง ดอกส้ม...สีทอง

                                                                                         

     เป็นประเด็น Hot Issue เรื่องการวิพากษ์วิจารณ์  ละครเรื่อง

“ดอกส้มสีทอง” มีทั้งผู้ที่เห็นด้วย(Agreement) และไม่เห็นด้วย (Disagreement) หลากหลายความ
คิดเห็น  เมื่อเป็นการแสดงความคิดเห็นยอมมีอัตตา ความรู้สึกนึกคิด เจตคติ รวมถึงมุมมองที่ผู้วิจารณ์เคยพบมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้     จึงขาดความเป็นกลาง  (Neutral)           โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ ภาษาพระ  เรียกว่า ความชอบ ความชัง (ตัณหา คือ ความอยากให้เป็นอย่างนี้ ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้) การวิจารณ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความคิดเห็นส่วนตัว  ความรู้สึก  ทัศนคติ  และมุมมองที่มองต่อละครซึ่งเป็นการสะท้อนความคิด  โลกทัศนะของแต่ละคน  อันเกิดจากการมีอคติโดยไม่รู้สึกตัว  ต่อตัวละครใน  “ดอกส้มสีทอง”  ที่บอกว่า  “มี Bias”  โดยไม่รู้ตัว    เพราะมันมีที่มาที่ไปของแต่ละผู้วิจารณ์ ประเด็นบางประเด็น เรื่องบางเรื่อง อาจไปกระตุ้นปมในใจ (Conflig) ของผู้วิจารณ์  จากจิตใต้สำนึกของบุคคลนั้น ๆ  อันเกิดจากการขาดการเข้าถึง  สัมมาสติ (การรู้สึกตัว, การรับรู้สิ่งต่าง ๆ ผ่าน  หู  ตา  จมูก  ลิ้น กาย  ใจ  แบบไม่ลืมเนื้อลืมตัว ) 
                การไม่ตระหนักรู้ในความคิดของตัวเอง  หรือไม่มีความสามารถเข้าถึง  สัมมาทิฐิ  ดังนั้น  ผู้ที่วิจารณ์ควรตระหนักรู้  ถึงการมี Bias  ครับ  หากไม่นึกถึง  หรือมี  อัตตาตัวตนสูง  Ego สูง แล้วก็จะก่อให้เกิด  ความขัดแย้ง  ทางความคิดเห็นของแต่ละฝ่าย  นำไปสู่ความรุนแรงทางด้านความคิด  ของผู้วิพากษ์วิจารณ์เองทั้ง  2 ฝ่าย  ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม  และเยาวชน  เป็นการทะเลาะกัน  เอาชนะกันทางด้านความคิดเห็นส่วนตัวของคน  2  กลุ่มนั้นเอง 
                 ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่  จะหาข้อสนับสนุน  หาข้อโต้แย้ง  หรือปกป้องความคิดเห็นของเขา  จนลืมประเด็นปัญหาจริงๆ  ของตัวเรื่องที่จะมาพิจารณา  คือ “ละครดอกส้มสีทอง” เขาต้องการสื่ออะไรไปอย่างน่าเสียดาย  ไม่ใช่ว่า  ฉันเห็นด้วย  หรือไม่เห็นด้วย   เลยกลายเป็นเวทีโต้วาที  หรือคู่มวยระหว่างคนที่เห็นด้วยและคนที่ไม่เห็นด้วย  กลับกลายมาเป็นการทะเลาะกันเอง   (ซึ่งเป็นปัญหาซ้อนปัญหาอีกขั้นหนึ่ง)  คนแต่ละฝ่ายก็จะหาเหตุผลของตัวเอง  มา  Blub หรือทำลายความน่าเชื่อถือของอีกฝ่ายหนึ่ง  Discredit  อีกฝ่าย      ซึ่งในที่สุดแล้ว      ก็จะไม่ก่อประโยชน์อะไรต่อเยาวชนและสังคมไทย  555  เพียงแค่ฟองน้ำลายพัดผ่าน  ไม่เกิดการเรียนรู้  หรือ  การเข้าใจในประเด็นปัญหาที่เกิดจากตัวละคร  ไม่มีการคิดเสนอแนะแนวทางการป้องกัน  แก้ไข  ปกป้อง  หรือส่งเสริม  รวมถึงทำอย่างไรจะชะลอปัญหาที่จะเกิดขึ้นเหมือนละคร ที่กำลังนำเสนอได้อย่างไร  อันเกิดจากการ “สะท้อนปัญหาเรื่องราวเหล่านี้ผ่านตัวละครเรื่อง   “ดอกส้มสีทอง”   น่าเสียดายผู้วิจารณ์บ้านเรา  Commentator หรือ  Cretinism   พอใจเพียงแค่วิจารณ์อย่างผิวเผินครับ
                จริง ๆ แล้วการวิจารณ์ต้องมองแบบองค์รวม มองรอบด้าน ไม่มองด้านใดด้านหนึ่ง เพราะจะทำให้ขาดการเรียนรู้และประโยชน์ต่อสังคม มีเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยเราได้คือ  OPV 
( Other  People View)    
               มุมมองของนักแสดง  เข้าจะรู้สึกอย่างไร จุดที่เขายืนเขาคิดอย่างไร เขามีความคิดเห็นออย่างไร ถ้าเราเป็นเขา เราจะทำอย่างไร เราจะตัดสินใจอย่างไร  เขามีสิทธิที่จะปฏิเสธบทบาทที่เล่นได้จริงหรือ  เข้าเป็นนักแสดงนะ..
                 มุมมองของคนสร้างหนัง  เขาคิดถึงอะไร เขามองเรื่องเหล่านี้อย่างไร เขาต้องการสื่ออะไรออกมาให้สังคมเรียนรู้บ้าง เราไม่ควรด่วนตัดสินคนเพียงแค่ภาพที่เราเห็น 
                 มุมมองของนักธุรกิจ เจ้าของเรื่อง เขาคิดถึงอะไร   มันซับซ้อนและละเอียดอ่อนมากครับ การจะที่จะทำให้ลงตัวหรือสมดุล นับเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร  ระหว่างผลกำไร ความมีคุณค่าและประชาชนผู้บริโภคสื่อข่าวสารเอง ก็ยังไม่เคยแสดงความรับผิดชอบต่อตัวเองให้เห็นเลยครับ ออกกฎอย่างไรก็ควบคุมได้ยากครับ ไม่ว่าจะเป็น น หนู อะไรก็ตาม จะแนะนำ 13+ หรือ 18+ ก็ไม่ช่วยได้เลย  หากประชาชนชาวไทยเรายังขาดการตระหนักรู้และเข้าใจจริงกับสิ่งเหล่านี้ ละครสะท้อนออกมา ในรูปของ ความโลภ ความโกรธ ความหลง  ตามความเป็นจริง (อริยสัจ 4 ใบไม้กำมือเดียว) เพราะขาด “สติ”  การบริโภคสื่อ ข่าวสาร ละครอย่างขาดสติ   
                เอาละ พูดมาตั้งนาน เรามามองและแยกแยะประเด็น ปัญหาของละครเรื่อง ดอกส้มสีทอง
ดูกันดีไหม เรื่องนี้มีประเด็นไหนบ้างที่เป็นข้อดี ข้อเสีย หรือมีประเด็นที่น่าสนใจ  ตามวิธีการ PMI (Plus Minus Interesting)  เพื่อลด อคติต่อละครเรื้องนี้  (เป็นกลาง) และเป็นการกำหนดทิศทางในการคิด โดยเครื่องมือ PMI
 
 1.  ข้อดีของละครเรื่องนี้ คืออะไร Plus (ประเด็นด้านบวกหรือข้อดี)
     เป็นการสะท้อนปัญหาทางสังคมออกมาอย่างดี เป็นรูปธรรมชัดเจน และทำให้คนตระหนักถึงปัญหาของสังคมผ่านตัวละครมากขึ้น เพราะเรื่องเหล่านี้มีจริงในสังคมไทยครับ  เช่น  เรามองเห็นว่า
     1.1  การกดขี่ทางเพศ ผู้ชายมีภรรยาได้หลายคน ผู้หญิงต้องทนเพราะอะไร ทำไมถึงต้องยอมทน เป็นภรรยาน้อย ทุกสิ่งที่เกิดต้องมีเหตุและปัจจัย  มันน่าคิดนะ
     1.2  การมักมากในกามรมณ์  ทั้งผู้ชายและผู้หญิงขาดการยับยั้งชั่งใจ ไม่มีทักษะการปฏิเสธที่ดี ไม่รู้เท่าทันความเสี่ยงของการใช้ชีวิตคู่ ไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจว่า จะต้องเจอแล้วจะปฏิบัติอย่างไร ขาดการตระหนักการดำเนินชีวิตคู่ ว่าชีวิตคู่ คือ ความเสี่ยงที่ป้องกันได้
      1.3  การขาดความซื่อสัตย์ระหว่างชีวิตคู่ ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เป็นหัวใจของการใช้ชีวิตคู่ หากขาดซึ่งความไว้วางใจแล้วจะเกิดความหวาดระแวงกัน คอยจับผิดกันตลอดเวลา แล้วชีวิตคู่จะมีความสุขได้อย่างไร ครอบครัวจะอบอุ่นได้อย่างไร ปัญหาสังคมย่อมตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เกิดการหย่าร้าง ไม่ว่าโดยพฤตินัยหรือนิตินัย แม้ว่าจะอยู่ด้วยกันก็ตาม อยู่อย่างชาเย็น เย็นชา เด็กที่อยู่กับสิ่งแวดล้อมแบบนี้เราลองคิดดูซิว่า เกิดปัญหามากครับสภาวะอย่างนี้ ที่พ่อและแม่ไม่พูดไม่จากัน ไม่สื่อสารกัน สื่อสารอย่างไร้คุณภาพ
       1.4  การไม่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน การไม่เคารพในคุณค่าความเป็นคนของคนด้วยกัน ตัดสินคนด้วยวัตถุ เงินตรา หรือตำแหน่ง ซึ่งสังคมเราทุกวันนี้ก็คงเข้าใกล้จุดนี้ทุกทีครับ คนเราเคารพกันตรงที่เงิน เหมือนเพลงคุณนันทิดาร้องครับ (อำนาจเงิน) ชอบมากครับเวลาร้องไห้พวกผู้หลักผู้ใหญ่ฟังในห้องประชุม มันกระแทกความรู้สึกดีครับ
       1.5  การติดยึดวัตถุ ฟุ้งเพ้อ เงินซื้อได้ ทั้งคนรวยและคนจน มองคนที่ภายนอก มองที่เฟอร์นิเจอร์ รถยนต์ บ้าน ไม่ได้มองคนที่ความดี ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ ความมีวินัย ซึ่งเกิดกับสังคมปัญญาอ่อนครับ

 โดยสรุป

       -  ชี้ให้เห็นปัญหาของสังคมไทย สะท้อนปัญหา ผ่านตัวละครเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น  เรยา, นัท,เจ้าสัว, คุณชายใหญ่, เด่นจันทร์, สามีเด่นจันทร์ (สิน), ลำยองและคุณนายทั้ง 4 ของเจ้าสัว  คนเหล่านี้  ตัวละครเหล่านี้เขาสะท้อนอย่างไรบ้าง มีที่มาอย่างไร ทำไมถึงมีนิสัยใจคอ บุคลิกภาพแบบนี้ เป็นประเด็นที่น่าศึกษาเรียนรู้และป้องกันเยาวชนของเราครับ  เดี๋ยวค่อยมาแยกแยะเป็นคน ๆ ทีหลัง
 
2.  ประเด็นด้านลบหรือข้อเสีย Minus
        ทำให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบอันเกิดจากการขาด วุฒิภาวะ (Maturity) วุฒิภาวะทางจิตใจและวุฒิภาวะทางศีลธรรม  ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูงมากในสังคมบ้านเรา  เพราะโดนครับ ใช่เลย และขณะที่เยาวชนของเรากำลังเสพละครอยู่นั้น เสพแบบขาดสติ ไม่มีผู้ปกครองคอยแนะนำแน่นอนครับ เพราะทั้งผู้ปกครองและเยาวชนก็เสพแบบลืมเนื้อลืมตัวเหมือนกัน อินเข้าไปในบทละครครับ ขณะที่ดูละคร ลืมว่าตัวเองเป็นคนดู (ผู้ชมส่วนใหญ่แต่ไม่ใช่ทั้งหมดครับ) เพราะไม่ได้เห็นความสำคัญและก็ไม่สนใจด้วยครับที่จะแนะนำ      วุฒิภาวะผู้ปกครองและเด็กพอ ๆ กัน     ทำให้เป็น Model ที่ไม่ดี  
แบบอย่างไม่ดี เพราะง่ายต่อการเลียนแบบ  ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ อันเนื่องจากขาดซึ่งประสบการณ์
เลยอยากลอง ทอดลองตามนิสัยของวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยที่พร้อมที่จะแสดงทางเพศ หากไม่มีเวที  จัดให้เขาแสดงออกครับ
-  เป็นเรื่อง Talk of the town  ยิ่งพูดยิ่งมันส์ครับ
-  เป็นเรื่อง Fashion ฟุ้งเพ้อ เห็นเงินเป็นพระเจ้า ยอมขายชีวิตและวิญญาณ ไม่ว่าคุณนายทั้ง 4 ครับ
คำถาม   จะมีกี่คน เยาวชนกี่คน ดูแล้วได้ข้อคิดจากละครเรื่องนี้ ถ้าพูดตามตรรกะ
            น่าจะได้ข้อคิด   แต่ในโลกความเป็นจริงยังสงสัยครับ  ถ้ามันง่ายอย่างที่เราพูดหรืออย่างที่เราอยากจะสื่อให้เยาวชนได้รับ ประเทศไทยเจริญไปตั้งนานแล้วครับ  เด็กไทยคงไม่เป็นแบบนี้หรอกครับ
 
  3.  ประเด็นที่น่าสนใจ (Interesting)
       เราจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร ผ่านตัวละครและสอนสังคมเราได้อย่างไร ที่จะไม่ให้เกิดคนอย่าง  เรยา   เจ้าสัว   เด่นจันทร์  คุณชายใหญ่  สิน ลำยอง และบรรดาเมียน้อยทั้งหลายซึ่งมีมากมายเหลือเกินครับ แบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย
        เราจะมีวิธีการอย่างไร มีกระบวนการ (Process )          อย่างไรที่จะป้องกันไม่ให้เยาวชนของเราเลียนแบบละครเรื่องนี้ ทำอย่างไรเราจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้     ในสังคมไทยให้หมดสิ้นไป
ทำสงครามกับความยากจนในด้านสติปัญญา การศึกษา สถาบันครอบครัวที่แสนจะบอบบาง โดยมี
ทั้งยุทธศาสตร์ทั้งระยะเฉพาะหน้า ระยะสั้น ระยะกลาง ระยายาว โดย FOCUS ที่ ผลลัพธ์  และกระบวนการ  ( FOCUS ON RESULT AND PROCESS )  โดยมีเครื่องมือของเอ็ดเวิดร์ เดอโบโน มาช่วยคิด  APC  (  ALTERNATIVE POSSIBILITIES CHOICES ) มีทางเลือกอะไรบ้าง  สิ่งที่เป็นไปได้ในขณะนี้ในเมืองไทยเรา  ตัวเลือกที่จะเลือก ทางเลือกที่จะทำหรือแก้ปัญหา ความเป็นไปได้และการเกิดผลได้ผลเสีย และมียุทธศาสตร์การแก้ไข มีทิศทางชัดเจนหรือไม่ (Direction) รวมถึง (Mission)   ใครควรรับผิดชอบและเราจะประเมินเรื่องเหล่านี้ว่าสำเร็จได้อย่างไร ถึงว่ามันยากแต่ก็ควรคิดและควรทำ และมีการคิดแบบ  AGO หรือยัง aim goal objective  เป้าหมายชัดเจนไหม วัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมาย และขณะที่เราตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่งในการปฏิบัตินั้น ให้คิดว่า มีผลที่เกิดขึ้นและสิ่งที่ตามมาหรือไม่  C/S Consequence and Sequel  ผลที่เกิดขึ้นจากละครเรื่องนี้เป็นอย่างไรหากเราปล่อยไปโดยไม่มีการแก้ไข 5555   ถ้ามี ......และ เราจะชะลอปัญหาอย่างนี้ได้อย่างไร    ส่งเสริมคนแบบคุณนัทให้มีมาก ๆ ได้อย่างไร ส่งเสริมคนดีให้มีมากๆได้อย่างไร น้ำดีล้างน้ำเสียครับ หวังครับ มีความหวังครับ Hope ไม่ Hopeless ครับ เราจะ Promote ส่งเสริมคนดีโดยวิธีไหนดีครับ ต้องคิดครับ ต้องคิด  ย้ำครับ   กระทรวงครู ครับ รับไปครับ กระทรวงพัฒนาความมั่นคงมนุษย์จับมือกับครูครับ อย่าอายครับ และอย่าลืม ดึงแนวร่วมกับพ่อแม่มาช่วยกันครับ อย่ามา จัดการแข่งขันความเก่งเลยครับ จัดการแข่งขันคนดีซิแจ๋วกว่า แต่มันนามธรรมนะ เราสามารถแปลงนามธรรมเป็นรูปธรรมได้ครับ จับต้องได้ครับ ทำได้ไม่ยากครับ ถ้าตั้งใจคิดครับคุณครูครับ เก่งแต่นิสัยไม่ดีอันตรายร้ายแรงครับกับประเทศชาติเรา  ผมไม่อยากให้ภาครัฐแก้ปัญหาแบบวิธีง่ายๆครับ โดยการแบน ไม่ให้ออกอากาศ เป็นการแก้ปัญหาที่ฉาบฉวยมากครับ Superficial ครับขอบอก ต้องแก้แบบสมศักดิ์ศรีครับ สมกับเป็นเจ้ากระทรวงเสนาบดีครับ ต้องเหนือชั้นแบบเซียนครับ ผมเชื่อว่า รัฐบาลไทยเราจะทำก็ทำได้ครับ มันไม่ยากเกินไปหรอกครับ(เดียวชาวบ้านเขาจะดูถูกเอาครับ หรือต่างประเทศเขามองเราว่า....ครับ) เอา ถ้าใครแก้ได้ผมขอเป็นลูกน้องก็เอาครับ เป็นทาสยังเอาเลยครับ ฮิฮิ....
 
คุณชายใหญ่ เกิดอะไรกับคนดี คนซื่อ สิ่งที่สะท้อนออกมา คือ
1.  การยับยั้งชังใจ การรู้ทันความรู้สึก โดยสามารถ  อดทนต่อความรู้สึก ซึ่งจะเผลอตัวเผลอกาย จนทำให้เกิดครอบครัวแตกแยก    หย่าร้าง การไม่สามารถควบคุมความต้องการได้ จิตใจอ่อนไหว ไม่มั่นคง ไม่ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง จึงเกิดปัญหาครองครัวแตกแยก แค่พลาดพียงครั้งเดียวก็เกินพอสำหรับการใช้ชีวิตคู่เรื่องความซื่อสัตย์      จนทุกข์ไปตลอดชีวิต หากเราเลือกที่จะมีความสุขเพียงชั่วคราว เราต้องสูญเสียสิ่งที่เราไม่ได้เลือกเช่นกัน
2.  ความไม่รู้เท่าทันตัวกระตุ้น  ไม่ศึกษาความรู้รอบตัว จึงต้องตกเป็นเหยื่อของผู้หญิง เพราะไม่มีความเฉลียวฉลาดในการมองโลก จึงถูกเรยาหลอก   ชีวิตคู่ ชีวิตคู่คือ ความเสี่ยงที่ป้องกันได้ ต้องศึกษาและเตรียมแนวทางป้องกันไว้ครับ
3.  การไม่พาตัวเข้าไปเสี่ยงในสถานที่ไม่เหมาะสมสิ่งที่เป็นความเสี่ยง
4.  ข้อสำคัญ คุณชายใหญ่ เกิดในครอบครัวที่ไม่รู้จักพอในกามรมย์ กดขี่เพศหญิงของพ่อ นิยมความรุนแรง จึงมีบุคลิกแบบเก็บกด (Introvert)
5.  คุณชายใหญ่ไม่เคยตระหนักรู้ว่า ชีวิตคู่คือความเสี่ยง มันไม่ได้ขึ้นอยู่ว่า เรารักกันมากแค่ไหน แต่มันขึ้นอยู่ว่า เราอยู่กันอย่างไร เราพยายามเพียงไรที่จะแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างกัน ที่จะสื่อสารกันให้ดีมีความซื่อสัตย์ ให้เกียรติต่อกันและอุทิศตนต่อกัน  เพราะฉะนั้น ชีวิตคู่ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ คือ

                  1)  ความรัก

                  2)  ความพยายามที่จะใช้ชีวิตคู่

             การใช้ชีวิตคู่ต้องมีเป้าหมายชัดเจน ว่าเราจะอยู่กันอย่างมีความสุขจนวันตาย และต้องมีแนวทางปฏิบัติที่เหมาสม และวิธีการป้องกันความเสี่ยงบนเส้นทางของการใช้ชีวิตคู่

             จำไว้ ชีวิตคู่ไม่ดีขึ้นเองหรอก เราจะรอให้ชีวิตคู่ของเราดำเนินไปเรื่อย ๆ แล้วคิวว่ามันจะดีขึ้นเองนั้นไม่ได้  ชีวิตคู่จะมีความสุขและประสบผลสำเร็จได้ ก็ต่อเมื่อเราต้องทำงานหนัก (ผมขอแนะนำให้ไปอ่านหนังสือของอาจารย์ ศาสตราจารย์ พ.ญ. อุมาพร ตรังคสมบัติ สร้าง EQ ให้ชีวิตคู่) ดีแน่นอนครับ เล่มนี้ OK มากครับ  เราไม่ได้แต่งงานเพื่อมีความทุกข์นะ หรือเพื่อจะอยู่อย่างเหงา และโดดเดี่ยว  REMEMBER ไม่มีใครวางแผนให้ชีวิตคู่ ล้มเหลวหรอก แต่คนส่วนใหญ่   “ลืมวางแผน”  ที่จะทำให้ชีวิตคู่ประสบผลสำเร็จมากกว่าครับ  การแต่งงานและการใช้ชีวิตคู่ ไม่ใช่แค่งานรื่นเริง งานสังสรรค์มาแสดงความยินดีแค่นั้นเองนะ  แต่เป็นงานหนักและต้องใช้ความพยายามอย่างสูงเพื่อให้เกิดความสุขอย่างมีคุณภาพ ไม่ใช่งานเฉลิมฉลองหรืองานรื่นเริงครับ  เป็นงานที่ต้องทำต่อเนื่อง อย่างมีสติตลอดเวลา รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองตลอดเวลา หากประมาทชีวิตคู่พังได้ทุกเวลา ครับ  ความไม่ประมาท  คือ  ทางแห่งความสุขครับ
                 หัวใจของการมีชีวิตคู่ SO BASIC ครับ พระพุทธเจ้าสอนไว้ครับ  หลักการวางรากฐานชีวิตและครอบครัวให้มั่นคง นั้นคือ ฆราวาสธรรม ครับ ได้แก่ สัจจะ ทมะ ขันติ และจาคะ ทั้ง 4 ข้อเป็นหัวใจครอบครัว มีความสำคัญและป้องกันปัญหาครอบครัวได้ครับ
1.  สัจจะ แก้ปัญหาความหวาดระแวงกันและกัน แปลว่า ความจริงใจ ความซื่อตรงต่อกันและกัน ในทางปฏิบัติ เพื่อให้เห็นภาพชัด ๆ สัจจะ คือความรับผิดชอบ หรือนิสัยรับผิดชอบ เพราะใครขาดนิสัยรับผิดชอบความหวาดระแวงต่อกันจะเกิดขึ้นทันที เพราะฉะนั้นเวลาใครจะเลือกคู่ครอง ต้องมองที่ความรับผิดชอบของคน ๆ นั้นครับ ต้องมีความรับผิดชองมากพอที่จะรับผิดชอบความเป็นความตายของเรา ความรุ่งเรืองของครอบครัว ความล่มสลายของครอบครัวได้หรือไม่
2.  ทมะ  แก้ปัญหาความโง่เขลา ปัญญาอ่อน ไม่ทันคนไม่ทันโลก ทันกิเลส หรือแปลว่า ข่มจิตข่มใจ
ตัวเองได้ การไม่ตามใจตนเอง
         ในทางปฏิบัติ หมายถึง การกระตือรือร้นในการเคี่ยวเข็ญฝึกฝนตนเอง หรือแปลว่าอย่าปล่อยให้ตัวเองโง่ และงี่เง่า
 3.  ขันติ   แก้ปัญหาความเบื่อหน่ายกันเอง หรือแปลว่า ความอดทน ต้องอดทนต่อการกระทบกระทั่ง คืออดทนคนอื่น ความจริงเราก็มีข้อบกพร่องที่ทำไปแล้ว ยังรู้สึกขัดใจ   ไม่พอใจ      ไม่ได้ดังใจ
ตั้งหลายอย่าง  ฉะนั้น ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก ต้องมีข้อเสียครับ   เพราะลิ้นกับฟันต้องกระทบกันอยู่แล้ว  และที่สำคัญเราต้องสามารถอดทนต่อนิสัยไม่ดีของเราเอง  เพราะเรามีความอยากต่างๆมากมาย หรือเรียกว่ากิเลส ถ้าเราทนไม่ไหว จากสิ่งเร้า จะเกิดอะไรขึ้น คงรู้นะ อดทนต่ออบายมุข อดทนต่อสิ่งยั่วเย้า    ไม่ว่า สาว สวย หมวย  อึม ต้องรู้เท่าทัน
4.  จะคะ  แก้ปัญหาความเห็นแก่ตัว ในทางปฏิบัติ ความเสียสละความสะดวกสบายของตัวเราเอง สิ่งที่เคยทำบางครั้งก็ต้องลด ละ เลิก เมื่อมีครอบครัวแล้ว ความเสียสละ หมายถึง ความมีน้ำใจต่อการออยู่ร่วมกัน นึกถึงส่วนรวมของครอบครัวเป็นใหญ่ ต้องแยกให้ออกระหว่าง ความอยากได้เอาแต่ใจกับ ความจำเป็นของครอบครัว  ยกตัวอย่าง ครอบครัวที่มีกันสองสามีภรรยา ยังไม่มีลูก แล้วรายได้มีจำกัด  แค่ค่าน้ำหอมหรู ๆ ขอบภรรยา ค่าเหล้า ค่าไวน์ของสามี ก็จะกระทบค่ากินค่าอยู่ทั้งเดือนทันที  ความรู้สึกถูกเอาเปรียบเกิดขึ้น เพราะแยกแยะไม่ได้ว่า อะไรเป็นความอยากส่วนตัว และอะไรเป็นความจำเป้นของครอบครัว  ความเห็นแก่ตัว เป็นหายนะของครอบครัว  (ให้ไปอ่านครอบครัวอบอุ่น ของ ส .ผ่องสวัสดิ์     ก็สอนได้ดีครับ )
 
            ลำยอง   
          ไม่ทำหน้าที่แม่ที่เหมาะสมกับความเป็นแม่ (บทบาทความเป็นคนใช้ จึงทำให้ การเลี้ยงลูกมีปัญหา เติบโตแบบไร้ทิศทาง ไม่เป็นตัวอย่าง  ที่ดี ตามใจลูกเกินไปอันเนื่องจากความรู้สึกของคุณลำยองเองว่า ขาดแคลน ไม่สามารถให้สิ่งของแก่ลูกได้ จึงพยายามชดเชยกับสิ่งที่คิดว่าขาดแคลนคับ ( OVERCOMPENSATE )  การที่จะมีใครเป็นสามี ไม่ใช่เรื่องผิด แต่การที่จะมีลูก โดยตัวเองไม่มีความพร้อมในการเลี้ยงลูกนี้ซิคือ ความผิด ความรับผิดชอบ ความพร้อมจะต้องประกอบด้วย
1.  ฐานะ รวมถึงการมีความรู้ที่จะใช้ชีวิตคู่รวมถึงความสามารถทักษะการเลี้ยงดูลูกอย่างถูกวิธี ไม่ใช้เลี้ยงลูกแบบใช้สัญชาติญาณอย่างเดียว ซึ่งไม่พอครับ ขอบอก
2.  ความรักที่เหมาะสมไม่มากและไม่น้อยไปตั้งอยู่บนทางสายกลาง และทักษะการอบรมลูกเป็น Skill ครับ ฝึกได้ครับ หากได้รับคำแนะนำที่ดีพอ ต้องมี Coaching ครับจะปล่อยตามมีตามเกิด หรือเป็นสัญชาติญาณไม่ได้ครับ อันตรายครับ
3.  ความมีวุฒิภาวะของความเป็นแม่  คุณลำยอง คุณแม่ของเรยา  (แม่วัยรุ่นต้นแบบ) ได้เสียกับยาม จึงเกิดปัญหาเด็กหญิง ชื่อ   เรยา จากแม่วัยรุ่น ที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ระวัง จึงเกิดปัญหาต่อสังคม ดังเช่นทุกวันนี้
             คำถามว่าเด็กหญิงที่ชื่อ  เรยา  ผิดจริงหรือ  เป็นคำถามที่ชวนคิดให้หนัก  ๆ    เธอเกิดมาเพราะความมักง่ายและความไม่ระมัดระวังของวัยรุ่นที่ชื่อลำยอง   ตัวเธอเองก็ถูกกระทำ  เป็นผู้ถูกกระทำจากสังคม  จากครอบครัวของเธอเอง  ไม่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม  ไม่มีต้นแบบที่ดี  ไม่มีคนคอยแนะนำ  อบรมสั่งสอน  และยังถูกดูแคลน  จาคนรอบข้าง  แล้วเด็กหญิงที่ชื่อเรยา จะมีความรักและความศรัทธาต่อตัวเธอเองหรือ ขาดความศรัทธาต่อตัวเอง ไม่รักตัวเอง ขาดความเคารพตัวเอง   ( Low Self esteem )  เธอเติบโตบนสังคมแบบนี้  เธอจึงถูกหล่อหลอมเป็นคนแบบนี้  เธอจึงไม่รู้ผิดชอบ  เธอก็เป็นเหยื่อคนหนึ่งเช่นกัน
                อันที่จริง  ในสังคมไทยมีคนแบบ  เรยา  เยอะมากครับ  ลูกที่เกิดจากความไม่พร้อมของพ่อแม่  วัยรุ่น  พอคลอดออกมาก็ขาดการเลี้ยงดูที่เหมาะสม  (เด็กนักเรียนที่มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน)  ดูจากสถิติแต่ละจังหวัดซิครับ  มีมากเหลือเกิน  ฉะนั้น  เรากำลังจะมี  เรยา     เต็มไปหมดในสังคมบ้านเรา  (ผลผลิตของพ่อแม่วัยรุ่น)  กระทรวงพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์จะทำอย่างไร  ที่จะป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นครับ  มีแผนระยะสั้น  ระยะกลาง  หรือ  ระยะยาว  เป็น  Policy  แล้วหรือยัง  ที่จะดำเนินการอย่างเร่งด่วน  ได้โปรดคิดเถอะก่อนที่สังคมจะเลวร้ายกว่านี้  อย่าแก้ปัญหาเพียง BAN หนังเลยครับ เสียศักดิ์ศรี ฉาบฉวย   ไปครับ
  คุณเรยา
         ทำไมเธอถึงชอบแย้งสามีชาวบ้านเขานัก  เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเธอ  หากดูแบบฉาบฉวย   Superficial  เธอคงอยากได้เงิน  อยากได้ความสะดวกสบาย  อยากมีรถมีบ้าน (คล้าย ๆ เด็กวัยรุ่นในสังคมเราเลยนะใจแตก) โดยไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถ  อยากรวยเร็ว อยากมีเงินเร็ว  ๆโดยไม่เกี่ยงวิธีได้มา  อันเนื่องจากผลสะท้อนสังคมทุนนิยม  ยกย่องคนมีเงิน  มีวัตถุ  เสมือนเป็นบุคคลสำคัญมามากกว่า ความดี ความซื่อสัตย์
          แนวโน้มทิศทางของประชาชนชาวไทย ก็น่าจะเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้อันตรายเป็นปัญหาเรื่องจริยธรรมตามมา จะเกิดปัญหา corruption  เพื่อได้มาซึ่งเงินครับ เด็กสมัยนี้ จะอับอายมากกับความยากจนของพ่อแม่ กลัวคนจะรู้ฐานะทางบ้านว่ายากจน ไม่กล้าบอกถึงรากเหง้าของตัวเอง ถ้ามองในเชิงลึก ”deep” เรยา ไปเป็นภรรยาน้อย หากเทียบกับคุณชายใหญ่ คุณสิน อายุน่าจะต่างกันมาก  
เรยา อายุ 20 ปี คุณชายใหญ่น่าจะ อายุ 40 ปี คราวพ่อกับลูกแน่นอน   ทำไม ?  เพราะ เรยา  กำพร้าพ่อ  ขาดพ่อ  โหยหาความมีพ่อ  การที่เรยา มีสามีและพ่อในเวลาเดียวกัน  มันจึงสามารถตอบสนองความรู้สึก  ภายในจิตใต้สำนึกได้  “Full  Fill”  เธอเองก็คงไม่รู้ตัวหรอก  สังเกตเวลาเรียก  สามี  ครับ  “พ่อ”  ต้องรัก  เรยา  นะ  พ่อ  พ่อ  พ่อ  นั่นแหละ  เพียงเพราะเธอขาด  Deprivation ความรัก  ความผูกพัน  ความไว้วางใจในวัยเด็ก  (Trust and mistrust , intimacy)  เธอจึงไม่สามารถสร้างความรักและความผูกพันกับใครได้นาน  ๆ  ไม่สามารถไว้วางใจใครได้   เธอจึงพยายามแสดงกิริยาก้าวร้าว  ครอบครองผู้ชายตลอดเวลา  เนื่องจาก เรยา กลัวการสูญเสีย พลัดพราก มองคนเป็นเพียงสิ่งของ เหมือนวัตถุ  จึงไม่คอยผูกพันกับใครได้นาน  พยายามยื้อแย่งสามีชาวบ้านเพราะเติบโตกับสังคมที่ขาดมากเกินไป คนรวยก็ให้มากเกินไป Overcompensate
            อันที่จริง สังคมไทย มีเด็กที่ถูกเลี้ยงแบบ ด.ญ. เรยา  อีกมาก ถูกละเมิด ละเลย ตั้งแต่ยังเด็ก จากผู้ที่เป็นพ่อแม่ หรือคนที่เลี้ยงดู ขอยกตัวอย่าง ครอบครัวที่พ่อแม่ทะเลาะกัน ตบตีกันต่อหน้าเด็ก เด็กเกิดในครอบครัวนี้  จะรู้สึกอย่างไร เมื่อพ่อและแม่ใช้ความรุนแรงให้เห็นเป็นประจำ   และเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีอยู่ตลอดเวลา ดื่มเหล้า ใช้ลูกไปซื้อสุราครับ  มีมากในบ้านเรา  เมาแล้วทำร้ายลูกก็มี  เห็นบ่อยครับในสังคมไทย 555  แต่ก็มีนะ ครอบครัวที่ฐานะดี ก็ไม่ต่างจากฐานะยากจน เลี้ยงลูกด้วยเงิน ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยอาหารใจ  มีเงินแต่ไม่มีเวลาครับ มัวไปทำอย่างอื่นหมด  คิดแล้วกลุ้มครับ... เดี๋ยวค่อยเขียนต่อครับ เมื่อยแล้ว คอยดูตอนต่อไปครับ 
  วันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ  ยังเหลือ เด่นจันทร์  สิน  คุณนายที่สอง  นัท  เพื่อน ๆ คุณชายใหญ่และเจ้าสัว
  คำถามมีอยู่ว่า
1 เจ้าทุยอยู่ไหน เจ้าทุยอยู่ไหน... ใครเห็นช่วยบอกหน่อย
2 ควรควรรับผิดชอบเรื่องนี้บาง แล้วหายไปไหน
3 การแบนเป็นการแก้ปัญหาใช่หรือไม่
4 เรามีวิธีการอย่างไรที่จะชะลอปัญหาสังคมทุกวันนี้
 
หมายเหตุ
     นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ ไม่เกี่ยวกับสถาบันที่ผมสังกัดอยู่หรือองค์กรที่ทำงานครับ หากผิดพลาดผมขอรับไว้เองไม่เกี่ยวกับครูบาอาจารย์ของผมครับ แค่ขอคิดด้วยคน แชร์ความเห็นและมุมมองครับ
                                 
หมายเลขบันทึก: 438610เขียนเมื่อ 9 พฤษภาคม 2011 11:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ในสังคมยังมีทั้งคนดีคนไม่ดี ในตัวบุคคลแต่ละคนก็ยังมีดีบ้างไม่ดีบ้างปะปนกัน
ถ้าละครทั้งเรื่องมีแต่ความดี คนดี ดีบริสุทธิ์ ถ้าให้เด็กดูเฉพาะเรื่องดีๆ ปิดกั้นไม่ให้รู้เลยว่าความไม่ดีเป็นอย่างไร โตเขึ้นเขาอาจเป็นเหยื่อของคนไม่ดีได้ จึงสำคัญว่า "อย่าปล่อยให้เด็ดดูละครตามลำพัง" ก็ให้ดูได้แต่ต้องแนะนำ แม้แต่การ์ตูนบางเรื่องก็ยังไม่เหมาะสมให้เด็กดูตามลำพังเลยค่ะ 
          หลายปีมาแล้วดูละครเรื่องหนึ่ง มีฉากผู้หญิงส่งเสียงด่าทอเสียงดังและตบตีกันแย่งผู้ชาย สังเกตว่าหลานชายวัย 6 ขวบ จ้องดูอย่างสนใจ จึงเปลี่ยนช่องทันทีเพราะคิดว่ามันไม่เหมาะสำหรับเด็ก ปรากฏว่าเจ้าหลานชายหันมาต่อว่าว่าเปลี่ยนช่องทำไม เขากำลังสนใจดูอยู่ จึงบอกเขาว่าไม่อยากให้เขาดูเพราะผู้หญิง 2 คนนั้นพูดจาหยาบคายไม่น่าฟัง เจ้าหลานชายตัวน้อยตอบว่า เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงไม่ดีจะพูดอย่างไร โตขึ้นเขาจะได้ไม่รักผู้หญิงแบบนี้ ทำเอาเรางง!!! ไปเลย  

  • ประเด็นสำคัญนั้นไม่อยู่ที่คนสื่อว่าจะสื่ออะไร
  • แต่ความสำคัญมันอยู่ที่ผู้รับสื่อได้รับอะไร
  • ก็เหมือนกับการสอนหนังสือ ที่ผู้สอนตั้งเป้าหมายหรือต้องการสื่อไว้อย่างหนึ่ง แต่ผู้รับหรือนักเรียนอาจจะเข้าใจไปอีกแบบ . . . นั้นเพราะบุคคลมีความแตกกันค่ะ ^___^

สวัสดีครับ

การส่องและอับแสงแห่งปัญญา มีที่มาจากโยนิโสมนสิการ (ปัจจัยภายใน) และปรโตโฆสะ เสียงจากคนรอบข้าง สิ่งแวดล้อม (ป้จจัยภายนอก) ละคร ก็คือ ละคร เป็นสิ่งประโลมโลกทุกยุค ปัญญา เป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ

หวาดดี

ถ้าคุณเชื่อมั่นว่าคุณซื่อตรงพอ ก็ลองนี่เลย

เขียนคำตอบของคุณในกระดาษ (ห้ามขี้โกงด้วย)และตอบคำถามต่อไปนี้

คำถาม

1. เขียนชื่อคนที่มีเพศครงข้ามกับคุณ

2. คุณชอบสีไหนที่สุด – แดง – ดำ – ฟ้า – เขียว – เหลือง -

3. อักษรภาษาอังกฤษตัวแรกในชื่อคุณ

4. เดือนเกิดของคุณ

5. ขาว – กับ – ดำ – ชอบสีไหนมากกว่ากัน

6. ชื่อของคนที่มีเพศเดียวกับคุณ

7. ตัวเลขที่คุณชอบที่สุด

8. แคลิฟอร์เนีย – กับ – ฟลอริดา – คุณชอบอะไรมากกว่ากัน

9. คุณชอบ – ทะเลสาบ – หรือ – มหาสมุทร

10. เขียนคำปรารถนาที่อยากจะให้เป็นจริง 1 ข้อ

ตอบตรงๆ นะ ห้ามโกง ใครโกงขอให้เป็นเป็ด

พร้อมแล้ว ดู ” เฉลย ” ได้เลย

เฉลย

เฉลย ข้อ 1

1. คุณกำลังตกหลุมรัก คนๆนี้

————————————————————————-

เฉลย ข้อ 2

2. ถ้าคุณเลือก

แดง – คุณช่างระมัดระวัง และชีวิตก็เต็มไปด้วยความรัก

ดำ – คุณช่างเปลี่ยนแปลง และ เปี่ยมด้วยพลัง

เขียว – คุณรักกีฬา และชอบที่จะส่งจูบหรือแสดงความรักกับคนที่ คุณรัก

ฟ้า – คุณผ่อนคลาย และมีจิตใจที่สูงส่ง

เหลือง- คุณเป็นคนที่มีความสุขมาก และสามารถให้คำแนะนำดีดีกับใครต่อใคร

ที่เป็นทุกข์

————————————————————————-

เฉลย ข้อ 3

3. ถ้าอักษรตัวแรกในชื่อของคุณ คือ

A-K-คุณมีความรัก และมิตรภาพมากมายในชีวิตของคุณ.

L-R-คุณพยายามที่จะสนุกสนานกับชีวิตคุณอย่างมาก

และชีวิตความรักของคุณก็จะเต็มไปด้วยดอกไม้บาน ในไม่ช้า

S-Z-คุณชอบที่จะช่วยเหลือ และอนาคตความรักของคุณ ก็จะดูดีทีเดียวหล่ะ

————————————————————————-

เฉลย ข้อ 4

4. ถ้าคุณเกิดใน

Jan-Mar: ปีนี้จะเป็นปีที่ดีสำหรับคุณ

คุณจะพบว่าคุณจะตกหลุมรักใครบางคนที่คุณไม่ได้คาดหมาย

April-June: คุณจะมีความรักความสัมพันธ์ที่มั่นคง มันไม่ยาวนานหรอก

แต่ความทรงจำนั้นจะอยู่ ตลอดไป

July-Sep: นี่จะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของคุณ

และตกหลุมรักใครคนหนึ่งที่ใกล้ชิดคุณ

Oct-Dec: ชีวิตความรักของคุณจะไม่ยิ่งใหญ่, แต่ที่แน่ๆ

คุณจะค้นพบจิตวิญญาณที่แท้จริงของตัวเอง

————————————————————————-

เฉลย ข้อ 5

5. ถ้าคุณเลือก….

ดำ : ชีวิตของคุณเป็นหนทางที่แตกต่าง,บางทีมันก็ดูยุ่งยาก

แต่มันก็จะมอบสิ่งดีๆให้กับคุณ

ขาว : คุณจะมีเพื่อนที่คอยห่วงใย แต่ก็จะกังวลเกี่ยวกับคุณด้วย

————————————————————————-

เฉลย ข้อ 6

6. นี่คือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ

————————————————————————-

เฉลย ข้อ 7

7. ส่งบทความนี้ไปให้ใครๆตามจำนวนตัวเลข

————————————————————————-

เฉลย ข้อ 8

8. ถ้าคุณเลือก:

California: คุณชอบที่จะผจญภัย

Florida: คุณเป็นคนที่เปิดเผย

————————————————————————-

เฉลย ข้อ 9

9. ถ้าคุณเลือก:

มหาสมุทร: คุณเป็นนักกีฬา

ทะเลสาบ: คุณไม่เป็นนักกีฬา

————————————–

เฉลย ข้อ 10

10. ความปรารถนาจะเป็นจริงถ้าคุณแนะนำบทความนี้ถึงคน 5 คน ในเวลา 1 ชม

ท๊ดๆกูโดนมาเหมิลๆมุง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท