ลูกสาวของอดีต ปธน. เรแกน เขียนบทความชื่อ Freedom Is Too Good for Hinckley. Thirty years after he shot my father Ronald Reagan, he spends one-third of the years as a (mostly) free man ลงในนิตยสาร ไทม์ ฉบับวันที่ ๔ เม.ย. ๕๔
อ่านแล้วก็เห็นภาพชัดเจนว่า John W. Hinckley Jr. เป็นคนผิดปกติทางจิต ตั้งใจฆ่า ประธานาธิบดีเพียงเพื่ออวดสาวว่าตนเก่ง ตอนนั้นเขาอายุ ๒๕
บทความบรรยายให้เห็นภาพ ว่าคนกึ่งบ้า ๑ คน ทำร้ายคน ๔ คน โดยที่เหยื่อ ๓ คนไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ และมีผลกระทบไปถึงภรรยาและลูก บทความพรรณา ความทุกข์ทรมานของครอบครัวของคน ๓ คนนี้อย่างน่าเห็นใจ
เพราะพ่อแม่ของ Hinckley มีฐานะร่ำรวย จึงว่าจ้างทนายความที่เก่งมาว่าความและหลุดคดี ไม่ต้องถูกจำคุก ด้วยเหตุผลว่าตอนยิงเขาอยู่ในสภาพวิกลจริต แต่ก็ต้องถูกควบคุมตัว ป้องกันเขา ไปทำร้ายคนอื่นอีก ซึ่งสภาพความเป็นอยู่ของเขาเมื่อเทียบกับเหยื่อกระสุนของเขาแล้ว แตกต่างกันฟ้ากับดิน
ผมอ่านแล้วเกิดความรู้สึกว่า Hinckley เป็นคนที่สมองผิดปกติชนิดที่ไม่มีสมองส่วนเห็นใจ คนอื่น (empathy brain) หรือเปล่า
ในนิตยสาร ดิ อีโคโนมิสต์ ฉบับวันที่ ๒ เม.ย. ๕๔ มีบทความเรื่อง Morality and the Brain : Medical diagnosis of malfeasance เป็นการ review หนังสือชื่อ Zero Degrees of Empathy : A New Theory of Human Cruelty เขียนโดย Simon Baron-Cohen อ่านแล้วทำให้ผมคิดว่า เรื่องความเห็นใจคนอื่นนี้ ต้องเป็นส่วนหนึ่งของทักษะที่พัฒนาขึ้นในกระบวนการเรียนรู้ที่บ้านและที่โรงเรียน เป็นส่วนหนึ่งของสำนึกของการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น
วิจารณ์ พานิช
๒ เม.ย. ๕๔ (เวลาไทย) บนเครื่องบินการบินไทยไป แอล เอ
ปรับปรุงเพิ่มเติม ๑๑ เม.ย. ๕๔ ที่บ้าน
ไม่มีความเห็น