ครบรอบ 12 ปี สำหรับการจากไปของ “แม่”


ครบรอบ 12 ปี สำหรับการจากไปของ “แม่”

ครบรอบ 12 ปี สำหรับการจากไปของ “แม่”

วันนี้แล้วสิน่ะ...วันที่ 2 พฤษภาคม แต่ถ้าเป็นเมื่อ 12 ปีที่แล้ว...เป็นวันที่ผู้เขียนได้สูญเสีย “แม่” ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของผู้เขียน...แม่จากผู้เขียนไป 12 ปีเต็ม... แต่ความรู้สึกhttp://gotoknow.org/blog/bussayamas7/383209?refresh_cache=true ณ วันนี้ เหมือนกับ “แม่” ไม่ได้จากลูก ๆ ไปไหนไกลเลย เพราะ เปรียบเสมือนว่า “แม่” ก็ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ลูก (ความรู้สึกเป็นเช่นนั้นจริง ๆ )...เพราะแม่ยังอยู่ในใจลูก นั่นเอง...

ช่วง 2 สัปดาห์นี้ มีเรื่องไม่ค่อยดีต่อครอบครัวของผู้เขียน เนื่องจาก “พ่อ” ซึ่งอายุ 77 ปี เริ่มมีอาการไม่ค่อยดี บางครั้งก็หมดแรงเอาดื้อ ๆ พาไปตรวจ แพทย์ก็ไม่พบสาเหตุ...แพทย์สั่งว่าคงต้องรอดูอาการ เพราะเบาหวานก็ไม่มี ความดันก็ปกติ เคอเรสเตอรอลก็ไม่พบ...ผู้เขียนสังเกตเห็นเวลาผู้เขียนขับรถยนต์พาพ่อไปโรงพยาบาลครั้งใด พ่อจะมีอาการไม่พูด เฉย เวลาแพทย์ถามก็จะสั่นศีรษะอย่างเดียว...ทุกคนลงมติกันว่า "พ่อกลัวหมอ"... (ปกติแล้วพ่อก็เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว ชอบยิ้ม ลักษณะพฤติกรรมของพ่อจึงเหมือนกับผู้เขียน เพราะบางครั้งในความคิดของผู้เขียนก็ไม่ค่อยชอบพูด แต่ชอบคิดมากกว่า...โดยเฉพาะการยิ้ม...พ่อจะมีพฤติกรรมเหมือนกับผู้เขียน คือ ยิ้มง่าย เหมือนคนไม่มีความทุกข์ใจ)...แต่ครั้งนี้ แพทย์กลับถามผู้เขียนว่า “ทำไม!!!...ตาจึงไม่ค่อยพูด มีปัญหากับใครทางบ้านหรือเปล่า?...ผู้เขียนก็ตอบว่า “ไม่มี...ตาจะเป็นคนอย่างนี้เอง...เพราะเป็นคนเงียบ ๆ คุยไม่เก่ง" เรียกว่า “ถามคำ...ตอบคำ”...

เมื่อสมัยตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ พ่อจะป่วยบ่อยมาก ๆ เปรียบเทียบกับแม่ แม่จะไม่ค่อยป่วย แต่พอแม่ป่วยได้ประมาณ 6 เดือน ก็จากพวกเราไปเสียแล้ว...สำหรับพ่อ หลังจากที่แม่เสียได้มา 12 ปีเต็ม...พ่อก็เพิ่งจะเริ่มมีอาการป่วย หรือไม่มีแรงไปเฉยๆ...การไปพบแพทย์ครั้งนี้ ก็เช่นกัน เพราะช่วงนี้ ผู้เขียนวิ่งเข้า วิ่งออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง เพื่อพาพ่อไปพบแพทย์ เนื่องจากอาการดังกล่าวข้างต้น...แต่ก็ไม่ทราบสาเหตุ หรืออาจว่า พ่อแก่ตัวมากแล้ว ความแข็งแรงก็เริ่มลดลง...แต่พอไปโรงพยาบาลก็กลับไม่เป็นอะไร?...ในครั้งนี้ก็เช่นกัน แพทย์วินิจฉัยว่าไม่เป็นอะไร นอกจากหมดแรง จะให้น้ำเกลือ พ่อก็ส่ายหน้า บอกว่า “ไม่” ขอกลับไปนอนพักที่บ้าน...ผู้เขียนจึงต้องพาพ่อกลับไปบ้านที่พรหมพิราม เพราะบ้านที่พิษณุโลก พ่อจะไม่คุ้นเคย บอกว่าอยู่ไม่ได้หรอก...จึงต้องเดือดร้อน “พ่อบ้าน” ต้องไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อที่บ้านพรหมพิรามพร้อมกับน้องเพรียง...

เมื่อวานเย็น วันอาทิตย์ หลังจากประชุมสภามหาวิทยาลัย + ทำงานเกี่ยวกับเรื่องการพิจารณาความดีความชอบเพื่อเตรียมการประชุมในวันนี้...ผู้เขียนก็ขับรถยนต์ไปกับเจ้าตัวโต “พี่ภัคร” ที่บ้านที่พรหมพิราม เนื่องจากต้องการไปดูอาการของพ่อ พอดี “น้าหมู” (น้องสาวของผู้เขียนก็ได้มาจากปทุมธานีเพื่อมาเยี่ยมพ่อเช่นกัน)...ก็ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่อง “พ่อ”...ว่า ปีนี้พ่อเริ่มมีอาการ “จำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว” บางครั้งก็หลง ๆ ลืม ๆ ถามอย่างก็ตอบอย่าง พวกเราก็เข้าใจ + ทราบ ว่า พ่อแก่มากแล้ว...แต่ก็ยังดีที่พ่อบ้านเกษียณแล้ว และขอไปดูแลพ่อที่บ้านที่พรหมพิรามแทน ผู้เขียนยังแซวพ่อบ้านว่า “ใช้คนแก่ ดูแลคนแก่” พ่อบ้านก็ได้แต่ยิ้ม ๆ บอกว่า ไม่เป็นไร?...พวกเราทิ้งพ่อไปเสียนาน (เนื่องจากภาระงานของการรับราชการที่ไกลกับบ้านที่พ่ออาศัย) ...สำหรับตอนนี้ มีเวลาแล้ว พ่อบ้านก็ขอไปดูแลพ่อแทน...นี่ก็คือ “ความดี” ที่พ่อบ้านมีให้กับครอบครัวของเรามาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน...เนื่องจากพ่อบ้านเป็น “เขย” แต่ก็มิได้รังเกียจที่จะดูแล “พ่อ” ซึ่งไม่ใช่พ่อแท้ ๆ แต่ก็รับอาสาที่จะดูแลให้...

สำหรับผู้เขียนไม่ต้องพูดถึง...ใช้วิ่งรอกระหว่างมหาวิทยาลัย – บ้านที่พิษณุโลก – บ้านที่พรหมพิราม เนื่องจากภาระงานที่ ม. มีมาก ๆ ยิ่งปัจจุบันมีการประกันคุณภาพจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาวัดมาจับอีก จึงทำให้ภาระงานที่รับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น...แต่ก็ต้องอดทน...

เมื่อวาน พอกลับไปบ้านที่พรหมพิราม เห็นพ่อตัดผม โกนหนวดเสียเกลี้ยง ถามพ่อบ้านบอกว่าใครตัดผมให้ตา พ่อบ้านบอกว่า “น้องเพรียงพาตาไปตัดผมที่ตลาดมา”... ทำให้ผู้เขียนเห็นพ่อมีอาการที่ดีขึ้น กว่าเมื่อวันเสาร์ที่พาไปหาหมอแล้วพ่อหมดแรง เห็นพ่อตอนนั้น หมดสภาพจริง ๆ...น้องเพรียง + เพื่อน ๆ ก็ล้อมวงทานข้าวกัน พ่อก็ค่อย ๆ เดินมานั่งที่เก้าอี้กับเขาด้วย...บอกว่านั่งคนเดียว “เหงา”...ผู้เขียนก็จึงเห็นว่า พ่อมีอาการที่ดีขึ้น แต่จะให้ดีเต็ม 100 นั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะกาลเวลา...เปลี่ยนแปลงไปทำให้สภาพร่างกายคนเราเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน...พวกเราก็ขอให้พ่อ ซึ่งเหลือเพียงคนเดียวในจำนวนที่แต่เดิมจะมี (แม่ของผู้เขียน + พ่อ - แม่ของพ่อบ้าน + พ่อของผู้เขียน) แต่ปัจจุบันนี้ทั้ง 3 คนแรกจากพวกเราไปแล้ว คงเหลือพ่อของผู้เขียนอีกคนเดียวเท่านั้น...พวกเราลูก ๆ และหลาน ๆ ก็ขอเป็นกำลังใจ + ดูแลพ่อให้เป็นร่มโพธิ์ – ร่มไทร กับลูกหลานให้นาน ๆ ก็แล้วกัน...

หมายเลขบันทึก: 437885เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2011 20:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 เมษายน 2016 15:19 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

แวะมาทักทายลูกกำพร้าเหมือนกันนะคะ

ขอบคุณมากที่แวะไปให้กำลังใจกันที่บันทึก

เราต่างเป็นกำลังใจให้กันและกันนะคะ....

สวัสดีค่ะ...พี่ krugui...Ico48...

  • ค่ะ พี่ krugui...แม่จากไปตั้ง 12 ปี แต่น้องคิดว่าแม่จากเราไปเมื่อวานนี้เองนะค่ะ เพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ ยังติดตา ตรึงใจเราอยู่เลยค่ะ...
  • เป็นกำลังใจให้นะค่ะ พี่..."ชีวิตมนุษย์ไงค่ะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ค่ะ"...
  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ...

สวัสดีค่ะอาจารย์

ร่วมระลึกถึงคุณแม่และเป็นกำลังใจในการดูแลคุณพ่อค่ะ

สวัสดีค่ะ...คุณถาวร...Ico48...

  • การจากไปของแม่ แม้จะเนิ่นนานมาแล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ในความทรงจำของคนที่เป็นลูกอยู่ค่ะ...
  • ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ...
  • ขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจค่ะIco24...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท