จดหมายถึงครู l ดูเขาเย็บแผลสด


๒๖ เมษายน ๒๕๕๔

กราบสวัสดีค่ะครู

         กับวันนี้ที่ตั้งใจกับตนเอง อย่างที่ได้เขียนไว้ใน BAR กับเช้าวันพระที่ต้องออกไปทำงานในพื้นที่

วันนี้คาดหวังอะไร กับตนเองนั้นหวังจะให้ นอนเป็น ตื่นเป็นสักที ตั้งใจไปวัด แล้วค่อยไปรับพี่อ้อ และน้อง ๆ ฝึกงานเพื่อไปทำงานที่ รพ.สต.ห้วยโพธิ์ จ.กาฬสินธุ์ กลับมารับน้องอะตอมก่อนบ่ายสามโมงเย็น นัดหมายคร่าวๆ ถูกร่างขึ้นดังแผนที่รายวัน

พอได้ลงมือทำอะไรเป็นไปตามคาดหมายบ้างเพราะอะไร พอถึงเวลาหกโมงสี่สิบห้า ข้าวเหนียวที่หุงไว้สุกพอดี แวะซื้อดอกไม้ระหว่างทางไปถวายพระ กำลังยกสำรับพอดี ในตอนเช้าหลวงพ่อจะเทศน์สอนแล้วให้ภาวนา

“ให้เจริญสติ นั่งตามสบาย สร้างความระลึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจเข้าออก.......”

ขณะนั้นระลึกกับตนเองถึงคำที่ครูเคยเอ่ยว่า

“ทาน ศีล ภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา”

แล้วทบทวนกับตนเอง

วันนี้ได้ลงมือทำทาน แล้ว ขณะนี้ที่ยังดำรงอยู่ ศีลก็ไม่ได้ด่างพร้อย ภาวนาดูกาย ดูใจตนเอง คือ สิ่งที่ยังต้องเพียรนะ”

เป็นเสียงที่ดังขึ้นภายใน เสร็จเรียบร้อยลงจากศาลาก็ขับรถกลับเลยค่ะ รู้สึกเบิกบานอยู่ภายใน ขับรถพาน้อง ๆ และพี่อ้อ วันนี้น้องไออ้อนขอพัก จึงไปส่งไว้บ้านเพื่อน การทำงานแม้จะขลุกขลักนิดหน่อย ด้วยผู้รับผิดชอบหลักติดภารกิจไปส่งตัวอย่าง แต่ก็มีพี่หมูมาช่วยทำแทน การที่องค์กรมีใครหลาย ๆ คนที่สามารถทำงานแทนกันได้ ทำให้ลดความล่าช้าได้อย่างชัดเจน

พี่หมูอยู่เวรที่ รพ.สต. มาทำแล็บทดสอบความชำนาญ พร้อม ๆ กับตรวจคนไข้เป็นระยะ ทำให้เห็นว่าที่ รพ.สต.แห่งนี้คนไข้เยอะมาก มีบางรายเกิดอุบัติเหตุมาเย็บด้วยค่ะ ท่านผอ.รพ.สต.ท่านก็ประชุม อสม. กว่าจะเสร็จแล้วได้คุยกันก็เที่ยงกว่า ๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะคุ้นเคยกันดี เจอกันเหมือนพี่น้อง เรื่องทดสอบความชำนาญผ่านไปด้วยความเมตตาของพี่หมู พอได้คุยกับพี่แมว ก็ไฟเขียวเรื่องการจัดตั้งห้องปฏิบัติการขอเพียงว่า ช่วยมาแนะนำว่าต้องอะไรอย่างไรเพิ่มเติม ซึ่งมีทีมดูแลตรงนี้อยู่แล้ว

สิ่งหนึ่งที่ตั้งใจกับตนเองว่า วันพระขอไม่ทานหลังเที่ยง วันนี้เลยนั่งทานน้ำหวานคุยไปด้วยกลางวงส้มตำ ความหิวมันชัดดีค่ะ รู้สึกเหมือนน้ำหวานให้น้ำตาลไม่ทัน แต่พออมลูกอมเข้าไปรู้สึกสดชื่น เหมือนที่เรียนมาเลยว่า

“อมใต้ลิ้นเร็วกว่า กิน ค่ะครู”

ไม่ถึงกับหมดแรงมากแต่ก็พออยู่ได้ การไม่ทานหลังเที่ยงทำให้ติ๋วเกเรนอกเส้นทางน้อยลง ทำหน้าที่เสร็จแล้วก็กลับบ้าน มีอาการล้าทางร่างกายบ้างค่ะ เพราะก่อนหน้านี้กินอย่างไร้ขอบเขต พอมาเจอจัง ๆ บังคับตนเองจัง ๆ มันเลยเดี้ยงไป แต่นิสัยติ๋วมันต้องเจอเฆี่ยนแบบนี้ ไม่งั้นมันก็ไม่ค่อยจำ ทำงานเสร็จก็ขับรถมารับน้องอะตอมบ่ายสามครึ่งพอดี ๆ ถือว่าบรรลุเป้าหมายค่ะ

มีอะไรที่ไม่เป็นไปตามความคาดหมายบ้าง การตื่นนอนที่ตีสามครึ่งเป๊ะ ๆ ดูจะยังเป็นปัญหา แถมสวดมนต์เสร็จก็ยังมีเสียงว่า “ขอแป๊บหนึ่ง”

ดีที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะยุงกัดตอนตีสี่ครึ่ง

ใจแว๊บระลึกว่า “เฮ้ยต้องไปวัด”

มันลุกทั้งท่านอนคว่ำ เหมือนถูกปลุกกระทันหัน

ตกเย็นตั้งใจจะไปวิ่ง กว่าจะเคลียร์งานด่วนเสร็จก็เกือบ ๆ ห้าโมงเย็นมีเรื่องติดขัดเยอะ มาถึงบ้านฝนตก ไฟดับ นั่งดูสายฝนสักพัก จึงตัดสินใจอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วก็เดินจงกรมในบ้านแทนค่ะ พอไฟมาก็ได้ยินเสียงเพลงจากบ้านข้าง ๆ ทำให้ระลึกกับตนเองว่า

“ที่จริง ไฟดับก็สงบดีนะ”

จึงมานั่งพิมพ์จดหมายถึงครู แต่เขียนไปได้ครึ่งหนึ่งก็ลุกไปเดิน ๆ แล้วมีเสียงว่าขอพักแป๊บหนึ่ง แล้วก็หลับยาวมาตื่นอีกที ตีสองค่ะ เลยมาเขียนต่อ

มีอะไรที่เหนือความคาดหมายบ้าง นอกจากตั้งใจกับตนเองในการไปวัด ส่งผลให้ลุกขึ้นมาตอนเช้าทำกิจวัตรแล้วก็ยังสามารถมีเวลาไปวิ่งออกกำลังกาย กิจวัตรที่ครูวางไว้ให้ถูกดึงมาปฏิบัติแบบเป็นเพ็คเกจเลยค่ะ วิ่งเสร็จจัดแจงข้าวแต่ เอ๊ะ ตอนแรกมันไม่สุกดี ต้องคอยเติมน้ำร้อนเป็นระยะ เพื่อให้ค่อย ๆ สุก ได้ดอกไม้ไปถวายพระด้วย แต่แวะซื้อกับข้าวไม่ทันค่ะ

สิ่งที่เหนือความคาดหมายอีกอย่างขอวันนี้คือ ได้ดูพี่ๆ ที่ รพ.สต.เย็บแผล งานนี้เย็บสดเพราะเป็นแผลที่ใบหน้าไม่ใหญ่นักค่ะ แต่พี่เขาพิถีพิถัน คนไข้กลัวเข็มเป็นพื้นฐาน แต่คนที่เย็บให้เป็นญาติ ๆ กัน จึงดูจะคุยกันง่าย พี่เขานิ่งเย็นมากค่ะขณะทำงาน ทำให้ใจติ๋วนึกย้อนตอนไปทดลองฝึกงานสมัยเรียนมัธยมปลายเพราะเด็กที่จะต้องเข้าสอบแพทย์จะต้องผ่านการฝึกงานที่โรงพยาบาลอย่างน้อยสิบห้าวัน ช่วงนั้นไปทำก็รู้สึกสนุกดี พอวันหยุดไม่ได้กลับบ้านเลยขอแวะไปช่วยพี่ ๆ ที่ห้อง ER วันนั้นมีอุบัติเหตุเยอะมาก คนเมาก็เยอะ พี่ ๆ เขาเลยให้ช่วยตัดไหม เหตุการณ์เก่าย้อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ขณะที่เห็นพี่หมูกำลังเย็บแผล พอคนไข้เริ่มโอดโอย ก็เลยเอ่ยว่า

หายใจเข้าลึก ๆ ค่ะ ผ่อนลมหายใจยาว ๆ ช่วยได้นะ หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ”

สังเกตเห็นว่าท้องเขาป่องแล้วก็แป๊บ คนไข้เงียบเสียงลง และก็มีอาการขนลุก ได้แป๊บก็เริ่มคุยแล้วก็เหมือนรอคอยว่า เมื่อไหร่จะเย็บเสร็จ จึงชวนให้หายใจลึก ๆ ใหม่ก็เห็นกะบังลมถูกยกขึ้นยาว ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนยกลง

เป็นการเห็นน้ำเลือดน้ำเหลืองชัดเจน ที่ปนมากับกลิ่นปลาร้าค่ะ เพราะคนไข้ทำงานที่โรงงานทำปลาร้า อุบัติเหตุเกิดจากการสตาร์ทรถเครื่องรถไถเดินตาม ที่ประกอบเข้ากับเครื่องบดปลาร้า จังหวะสตาร์ทผิดจังหวะเหล็กกระเด็นมาฟาดแก้มซ้าย เลยได้แผล เห็นน้ำเลือดน้ำเหลืองชัดเจนค่ะครู ชัด ๆ ตอนที่เข็มเจาะเข้าที่ผิวแล้วก็ร้อยมัด อืม ร่างกายมนุษย์มหัศจรรย์ดี ที่แค่ร้อย ๆ มาไว้ใกล้ ๆ กัน แล้วเขาก็สามารถปรับสมดุลกันเองได้

พี่หมูทำให้ติ๋วได้เรียนรู้ว่า

“คนไข้มาก่อน ท่านเยียวยาผู้คนด้วยจิตวิญาญจริง ๆ ค่ะ” วางงานแล็บปุ๊บ ก็เย็บแผลปั๊บ คนไข้ไม่เสียเวลา ท่านทำงานที่นี่มายี่สิบกว่าปี แล้วท่านบอกกับทีมงานเราว่า พี่มีความสุขที่ได้ทำ ได้เรียนรู้ชัด ๆ ว่า

ศักยภาพมนุษย์ไม่มีขีดจำกัด หากมีความตั้งใจที่จะทำค่ะ

เพราะพอท่านเย็บเสร็จก็ยังยิ้มเบิกบาน คุยกันได้ฮาเหมือนเดิม แต่ทีมเราที่ได้ หน้าซีดไปตาม ๆ กันเพราะกลัวเลือดเฮอะ ๆ

สิ่งที่ได้เรียนรู้วันนี้น่าจะเอาไปทำอะไรต่อได้ เรื่องการเข้านอนและตื่นนอนก็ต้องพยายามหาจุดเหมาะสมในตนเอง อืมเรื่องไม่ทานหลังเที่ยงทำให้ร่างกายอ่อนแรงลงบ้างในวันทำงานค่ะครู แต่พบข้อสังเกตชัดว่า มันเกเรนอกเส้นทางน้อยลง ซึ่งรู้สึกว่า เหมาะสมกับตนเอง ไม่อยากออกไปแม้เอาเช็คไปขึ้นเงิน เพราะพิจารณาว่า ควรพัก กำลังร่างกายที่ดูจะลดน้อยลงเพราะลดอาหารกลับรู้สึกว่า เปิดโอกาสให้เข้าสู่การพักภาวนาได้มากขึ้นค่ะ การตื่น อาจจะต้องใช้การเคลื่อนไหว เข้ามาช่วยตอนตื่นเพราะรู้สึกว่า

“ต้องหุงข้าวไปวัด มันจะกระปี้กระเปร่ามากกว่าตื่นขึ้นมาภาวนาค่ะ”

ส่วนเรื่องงานก็ต้องสรุปและเขียนเรื่องราวส่งสำนักงานเพื่อประเมินและรวบรวมต่อไปค่ะครู

                                  กราบขอบพระคุณค่ะ

หมายเลขบันทึก: 437233เขียนเมื่อ 27 เมษายน 2011 03:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท