กับคำสั่งที่ด๊วน ด่วน ที่ไม่น่าจะด่วน แต่ผู้บังคับบัญชาก็อยากเร่งงานของเขาเอง ให้ทันโชว์ผู้ใหญ่ว่า “เจ๋ง” แต่ก็ไม่ทำเอง มาสั่งผู้ได้บังคับบัญชาทำ นี่คือความคิดด้านลบที่ปรากฏขึ้น ณ ขณะ รับฟัง พอได้พุทโธ ๆ หายใจเข้าลึก ๆ ปรับมุมมองใหม่ จะงานใครไม่รู้ จะอะไรก็ช่าง แต่นี่เป็น โอกาสที่จะได้ไปเจอคนหน้างาน จะได้ไปทำงาน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ฝึกทักษะการวางแผน การจัดการงาน การจัดการตนเอง
คำพูดสั้น ๆของครู ก็ดังขึ้นว่า “ภาวนาเป็นก็พัฒนาเป็น”
นี่ไงหล่ะ โอกาสแห่งการพัฒนา
สุดยอดของการพัฒนา คือ พัฒนาใจตนเอง
หากเป็นเมื่อก่อน คงจะต้องเสียเวลาเป็นวัน ๆ หรือ สองวันในการจัดการความรู้สึกขุ่นมัวในตัวเอง แต่ตอนนี้ความขุ่นยังมีค่ะ แต่ไม่ถึงกับแน่น ไม่ต้องเสียเวลาจัดการมากมาย รับรู้ รับฟัง ซักถาม
วางแผน แล้วก็ลงมือทำเลย
กับการต้องไปนิเทศงาน ๕ จังหวัด ๑๐ แห่ง ที่ดูยังไง ๆ ก็ไม่ใกล้กันเลย ให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนเมษายน เหลือเวลาทำงานแค่ ๗ วันทำการ
แต่พอมาแนบแผน วางแผนร่วมกันกับพี่อ้อ ก็พอเห็นทางออก
ด้วยระลึกกับตนเองว่า
“เรามีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย จักทำกรรมอันใดไว้เป็นบุญหรือเป็นบาป จักต้องเป็นทายาท คือว่าได้รับผลของกรรมนั้น ๆสืบไป”
เรื่องบังเอิญไม่มี เหตุเก่านำพามา แต่เราก็สร้างเหตุใหม่ได้ตามกำลังสติปัญญา
อดทน แล้วก็ลงมือทำทันที
ได้แผนงานมา ตั้งแต่ ๒๑-๒๙ เมษายน เว้นแค่เสาร์อาทิตย์ ต้องเดินทาง ทำงานตามหน้าที่
ถามว่า “จะไม่ไปได้ไหม”
คำตอบคือ “ได้”
แต่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำหล่ะ “ไม่ชอบที่ถูกสั่งด่วน ไม่พอใจ ที่ถูกสั่งให้ทำงานของคนอื่น”
เสียงของคำตอบมันคือ อารมณ์แห่งกิเลส เหตุผลของกิเลสเท่านั้น
ทำไมถึงทำหล่ะ “ชดใช้กรรมตามหน้าที่ เพราะมีกรรมร่วมกันมาต้องไปใช้เขา ก็คงมีอะไรต้องให้เรียนรู้หล่ะ”
เมื่อตั้งใจแล้วตั้งมั่นแล้ว ที่เหลือก็ แล้วแต่เหตุและปัจจัย
คือความนอบน้อมแห่งการทำงาน
คือความอ่อนหวานแห่งวิถีชีวิต
คือการเคลื่อนไปแห่งจิต เพื่อพัฒนาตน
ชื่นชอบครับ ที่จะต้องพัฒนาจิตตนให้ดียิ่งขึ้น
ขอบพระคุณค่ะท่าน โสภณ เปียสนิท
โอ้โห ท่านมาแบบ ด๊วน ด่วน เช่นกันค่ะ
หนังสือภาษาอังกฤษน่าสนใจนะคะ
แต่ดูจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับติ๋วทีเดียว (^_^)