Praepattra
ผู้ช่วยศาตราจารย์ Praepattra Kiaochaoum

พระเนมิราช เสด็จไปทอดพระเนตรนรก


พระเนมิราช ผู้ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี ชาดกเรื่องนี้แสดงถึงการบำเพ็ญอธิษฐานบารมี คือ ความตั้งมั่นคง.

พระราชาดำริว่า เราจักไปเทวโลกแน่ แต่จักดูนรกก่อน จึงตรัสติดต่อกันไปว่า เราจะดูนรกอันเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์ผู้ทำบาป สถานที่อยู่ของเหล่าสัตว์ผู้มีกรรมหยาบช้า และคติของเหล่าชนผู้ทุศีลก่อน.


มาตลีเทพสารถีจึงได้แสดงแม่น้ำเวตรณี ซึ่งข้ามยาก ประกอบด้วยน้ำแสบ เผ็ดร้อน เดือดพล่าน เปรียบดังเปลวเพลิง แด่พระเจ้าเนมิราช.


เวตรณีนทีนั้นดาดาษไปด้วยเครือเลื้อย อันมีหนามประมาณเท่าหอก มีเพลิงลุกโพลงข้างบน. สัตว์นรกเหล่านั้นต้องอยู่ในเวตรณีนทีนั้นหลายพันปี เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ ในเพราะเถาวัลย์มีหนามแหลมมีคมอันคมกริบ มีเพลิงลุกโชติช่วง มีหลาวเหล็กลุกโพลงประมาณเท่าลำตาล ตั้งขึ้นภายใต้เถาวัลย์เหล่านั้น. สัตว์นรกทั้งหลายยังกาลให้ล่วงไปนานมาก พลาดจากเถาวัลย์ตกลงที่ปลายหลาว มีร่างกายถูกหลาวแทงไหม้อยู่ในหลาวนาน ดุจปลาที่เสียบไว้ในไม้แหลมย่างไฟ หลาวทั้งหลายลุกเป็นไฟ. สัตว์นรกทั้งหลายก็ลุกเป็นไฟ ก็ภายใต้หลาวทั้งหลาย มีใบบัวเหล็กแหลมคม ดุจมีดโกนลุกเป็นไฟอยู่หลังน้ำ. สัตว์นรกเหล่านั้นพลาดจากหลาวทั้งหลายตกลงในใบบัวเหล็ก เสวยทุกขเวทนานาน. แต่นั้นสัตว์นรกเหล่านั้นก็ตกในน้ำแสบ แม้น้ำก็ลุกเป็นไฟ. แม้สัตว์นรกทั้งหลายก็ลุกเป็นไฟ. แม้ควันก็ตั้งขึ้น ก็พื้นแม่น้ำภายใต้น้ำดาดาษไป ด้วยเครื่องประหารอันคมกริบ. สัตว์นรกเหล่านั้นจมลงในน้ำ ด้วยคิดว่าใต้น้ำจะเป็นเช่นไรหนอ. ก็เป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่เพราะเครื่องประหารอันคมกริบ. สัตว์นรกเหล่านั้นไม่สามารถจะอดกลั้นทุกข์ใหญ่นั้น ก็ร่ำร้องน่ากลัวมาก. กระแสน้ำบางครั้งก็ไหลลอยไปตามกระแส บางครั้งก็ทวนกระแส. ลำดับนั้น นายนิรยบาลผู้อยู่ที่ฝั่งก็ซัดลูกศร มีด โตมร หอก แทงสัตว์นรกเหล่านั้นดุจปลา. สัตว์นรกเหล่านั้นถึงทุกขเวทนาก็ร้องกันลั่น. ลำดับนั้น นายนิรยบาลก็เอาเบ็ดเหล็กที่ลุกเป็นไฟ เกี่ยวสัตว์นรกเหล่านั้นขึ้น คร่ามาให้นอนบนแผ่นดินเหล็ก ที่ลุกเป็นไฟโชติช่วง ยัดก้อนเหล็กที่ลุกแดงเข้าปาก.


พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นชน ซึ่งตกอยู่ในเวตรณีนทีภาค ซึ่งยากจะข้ามได้ จึงตรัสกะมาตลีเทพสารถีว่า แนะนายสารถี ความกลัวมากปรากฏแก่เรา เพราะเห็นสัตว์ตกอยู่ในแม่น้ำเวตรณี. แน่ะมาตลี เราขอถามท่าน สัตว์เหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงได้ตกในเวตรณีนที


มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใดเมื่อยังอยู่ในมนุษยโลกเป็นผู้มีกำลัง มีบาปธรรมเบียดเบียน ด่ากระทบผู้ที่หากำลังมิได้. สัตว์เหล่านั้นมีกรรมหยาบช้ากระทำบาป จึงตกลงในเวตรณีนที.


มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์ ปัญหาแด่พระเจ้าเนมิราชอย่างนี้แล้ว. เมื่อพระเจ้าเนมิราชได้ทอดพระเนตรเห็นเวตรณีนรกแล้ว ก็ทำประเทศนั้นให้ อันตรธานไปแล้ว ขับรถไปข้างหน้า แสดงที่เป็นที่สัตว์ มีสุนัขเป็นต้นเคี้ยวกิน. อันพระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็น สถานที่นั้นแล้วก็ทรงกลัว. ตรัสถามปัญหาได้ทูลพยากรณ์แล้ว


พระราชาตรัสว่า สุนัขแดง สุนัขด่าง ฝูงแร้ง ฝูงกา น่ากลัว เคี้ยวกินสัตว์นรก ความกลัวปรากฏแก่เรา เพราะเห็นสัตว์เหล่านั้นเคี้ยวกินสัตว์นรก. เราขอถามท่าน สัตว์เหล่านี้ที่ฝูงกาเคี้ยวกิน ได้ทำบาปอะไรไว้.


มาตลีเทพสารถีอันพระเจ้าเนมิราชตรัสถามแล้ว ได้ทูลพยากรณ์วิบากของเหล่าสัตว์ ผู้ทำบาปตามที่ได้ทราบ แด่พระเจ้าเนมิราชผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เป็นผู้ตระหนี่เหนียวแน่น มีบาปธรรม มักบริภาษ เบียดเบียน ด่ากระทบสมณพราหมณ์. สัตว์เหล่านั้นมีกรรมหยาบช้ากระทำบาป จึงถูกฝูงกาเคี้ยวกิน.

มาตลีเทพสารถียังประเทศนั้นให้อันตรธาน ขับรถไปข้างหน้า. สัตว์นรกทั้งหลาย เหยียบแผ่นดินเหล็ก ๙ โยชน์ ลุกโชติช่วง. นายนิรยบาลติดตามไป ประหารแข้งด้วยท่อนเหล็ก อันลุกโพลง ประมาณเท่าลำตาลล้มลง โบยด้วยท่อนเหล็กนั้น ให้เรี่ยรายเป็นจุรณวิจุรณ. พระราชาเนมิราชทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ทรงสะดุ้งกลัว เมื่อจะตรัสถามมาตลีเทพสารถี จึงตรัสว่า


สัตว์นรกเหล่านี้มีร่างกายลุกโพลง เดินเหยียบแผ่นดินเหล็ก และนายนิรยบาลโบยด้วยท่อนเหล็กแดง ความกลัวปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปของสัตว์นรกเหล่านั้น. ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ทำบาปอะไรไว้ จึงถูกเบียดเบียนด้วยท่อนเหล็กนอนอยู่.


มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใดเมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก เป็นผู้มีบาปธรรม เบียดเบียน ด่ากระทบ ชายหญิงผู้มีกุศลธรรม. สัตว์เหล่านั้นมีกรรมหยาบช้า กระทำบาปกรรมแล้ว จึงถูกเบียดเบียนด้วยท่อนเหล็กนอนอยู่.


มาตลีเทพสารถีขับรถไปข้างหน้า นายนิรยบาลทั้งหลายทิ่มแทง สัตว์นรกด้วยอาวุธอันลุกโพลง. สัตว์นรกเหล่านั้นก็ตกลงในหลุมถ่านเพลิง. เมื่อสัตว์นรกเหล่านั้นจมอยู่ในหลุมถ่านเพลิงเพียงเอว. นายนิรยบาลก็เอากระเช้าเหล็กใหญ่ ตักถ่านเพลิงโปรยลงบนศีรษะสัตว์นรกเหล่านั้น. สัตว์นรกเหล่านั้นไม่อาจรับถ่านเพลิงก็ร้องไห้ มีกายไฟไหม้ทั่วดิ้นรนอยู่. พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นดังนั้น จึงตรัสว่า

สัตว์เหล่าอื่นร้องไห้ มีกายไฟไหม้ทั่ว ดิ้นรนอยู่ในหลุมถ่านเพลิง ความกลัวปรากฏแก่เรา เพราะเห็นกิริยานี้. ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงมาร้องไห้ ดิ้นรนอยู่ในหลุมถ่านเพลิงนี้.

มาตลีเทพสารถีอันพระเจ้าเนมิราชตรัสถามแล้ว ได้ทูลพยากรณ์วิบากของเหล่าสัตว์ผู้ทำบาป ตามที่ได้ทราบ แด่พระเจ้าเนมิราชผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์นรกเหล่านี้ยังหนี้ให้เกิด เพราะสร้างพยานโกงเหตุแห่งทรัพย์ของประชุมชน ยังหนี้ให้เกิดแก่ประชุมชน มีกรรมหยาบช้าทำความชั่ว จึงมาร้องไห้ดิ้นรนอยู่ในหลุมถ่านเพลิง พระเจ้าข้า.

มาตลีเทพสารถีขับรถไปข้างหน้า เหล่าสัตว์ถูกนายนิรยบาลที่น่ากลัว จับเอาเท้าขึ้นบนเอาศีรษะลงล่าง โยนไปตกในหม้อโลหะอันร้อนแรง. พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็น จึงตรัสว่า

หม้อโลหะใหญ่ไฟติดทั่วลุกโพลงโชติช่วงย่อมปรากฏ ความกลัวย่อมเกิดแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนี้. แน่ะมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ทำบาปอะไรไว้ จึงตกในโลหกุมภี.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใดเป็นผู้มีบาปธรรม เบียดเบียน ด่ากระทบสมณะหรือพราหมณ์ผู้มีศีล. สัตว์เหล่านั้นมีกรรมหยาบช้า กระทำบาปกรรมแล้ว จึงตกในโลหกุมภี.
มาตลีเทพสารถีขับรถไปข้างหน้า นายนิรยบาลเอาเชือกเหล็กลุกโพลง ผูกคอสัตว์นรก ให้ก้มหน้า ดึงขึ้นมาตัดคอให้ชุ่มในน้ำร้อนแล้วโบยตี. พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นดังนั้น จึงตรัสว่า

นายนิรยบาลผูกคอสัตว์นรกด้วยเชือกเหล็กลุกโพลง แล้วตัดศีรษะโยนลงไปในน้ำร้อน ความกลัวเกิดแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนี้. ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์เหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงมีศีรษะขาดนอนอยู่.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมประชาชน สัตว์เหล่าใดเมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก มีบาปธรรม จับนกมาฆ่า สัตว์เหล่านั้นมีกรรมหยาบช้ากระทำบาป จึงมีศีรษะขาดนอนอยู่.

มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป ได้ยินว่า ในประเทศนั้นมีแม่น้ำมีน้ำเจิ่ง น่ารื่นรมย์ไหลอยู่โดยปกติ. สัตว์นรกไม่อาจทนความกระหาย เพราะเร่าร้อนด้วยเพลิง จึงเดินย่ำแผ่นดินโลหะลุกโพลงลงสู่แม่น้ำนั้น. ทันใดนั้นเองฝั่งน้ำทั้งสอง ก็ลุกโพลงทั่ว น้ำควรดื่มก็กลายเป็นแกลบ และใบไม้ลุกโพลง. สัตว์นรกไม่อาจจะทนความกระหาย ก็เคี้ยวแกลบ และใบไม้อันลุกโพลงกินแทนดื่มน้ำ แกลบและใบไม้นั้น ก็เผาสรีระทั้งสิ้นออกทางส่วนเบื้องต่ำ. สัตว์นรกไม่สามารถจะอดกลั้นทุกข์นั้น ก็ประคองแขนทั้งสองร้องไห้. พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นดังนั้น จึงตรัสว่า

แม่น้ำนี้มีน้ำมาก มีตลิ่งไม่สูง มีท่าอันดี ไหลอยู่เสมอ. สัตว์นรกเหล่านั้นเร่าร้อนเพราะความร้อนแห่งไฟ จะดื่มน้ำ ก็แต่เมื่อสัตว์นรกเหล่านั้นจะดื่ม น้ำก็กลายเป็นแกลบไป ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนี้. แน่ะมาตลีเทพสารถี ข้าพเจ้าขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ เมื่อจะดื่มน้ำ น้ำจึงกลายเป็นแกลบไป.
มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใดมีการงานไม่บริสุทธิ์ ขายข้าวเปลือกแท้ เจือด้วยข้าวลีบแกลบแก่ผู้ซื้อ. เมื่อสัตว์เหล่านั้นมีความร้อนยิ่ง เพราะความร้อนแห่งไฟ กระหายน้ำ จะดื่มน้ำจึงกลายเป็นแกลบไป.

มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป นายนิรยบาลทั้งหลายล้อมเหล่าสัตว์นรกในนิรยาบายนั้น เหมือนนายพรานล้อมฝูงมฤคในป่าไว้ แล้วทิ่มแทงข้างทั้ง ๒ แห่งสัตว์นรกเหล่านั้นด้วยอาวุธต่างๆ มีเครื่องประหาร คือลูกศรเป็นต้น ร่างกายของสัตว์นรกเหล่านั้น ปรากฏเป็นช่องปรุไปหมดเหมือนใบไม้แก่ ฉะนั้น. พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นดังนั้น เมื่อจะตรัสถามมาตลีเทพสารถี จึงตรัสว่า

นายนิรยบาลแทงข้างทั้ง ๒ แห่งสัตว์นรกผู้ร้องไห้อยู่ ด้วยลูกศร หอก โตมร ความกลัวปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนี้. ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงถูกฆ่าด้วยหอกนอนอยู่.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใด เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลกเป็นผู้มีกรรม ไม่ยังประโยชน์ให้สำเร็จ ถือเอาของที่เจ้าของไม่ให้ คือ ธัญชาติ ทรัพย์ เงิน ทอง แพะ แกะ ปศุสัตว์ และกระบือ มาเลี้ยงชีวิต. สัตว์เหล่านั้นเป็นผู้มีกรรมหยาบช้าทำบาป จึงถูกฆ่าด้วยหอก นอนอยู่.

มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป แสดงนิรยาบายอื่นอีก นายนิรยบาลผูกคอสัตว์นรกในนรกนั้น ด้วยเชือกเหล็กลุกโพรงใหญ่ คร่าตัวมาให้ล้มลงบนแผ่นดินเหล็กลุกโพลง เที่ยวทุบตีด้วยอาวุธต่างๆ พระเจ้าเนมิราช เมื่อจะตรัสถาม มาตลีเทพสารถีถึงเหตุนั้น จึงตรัสว่า

สัตว์นรกเหล่านี้นายนิรยบาลผูกคอไว้ เพราะเหตุอะไร ยังพวกอื่นอีกพวกหนึ่ง อันนายนิรยบาลตัดทำให้เป็นชิ้นๆ นอนอยู่. ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนี้. ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ทำบาปอะไรไว้ จึงถูกทำให้เป็นชิ้นๆ นอนอยู่.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์นรกเหล่านี้เคยเป็นผู้ฆ่าแกะ ฆ่าสุกร ฆ่าปลา ครั้นฆ่าสัตว์ของเลี้ยง กระบือ แพะ แกะ แล้ววางไว้ในร้านที่ฆ่าสัตว์ขายเนื้อ เป็นผู้มีกรรมหยาบช้าทำบาปจึงถูกตัดเป็นชิ้นๆ นอนอยู่.

มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป แสดงนิรยาบายอื่นอีก พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตร เห็นสัตว์นรกเหล่านี้กินมูตรและคูถ. เมื่อจะตรัสถามมาตลีเทพสารถี จึงตรัสว่า

ห้วงน้ำนี้เต็มด้วยมูตรและคูถ มีกลิ่นเหม็น ไม่สะอาด เน่า ฟุ้งไป สัตว์นรกมีความหิวครอบงำ ก็กินมูตรและคูถนั้น. ความกลัวปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงมีมูตรและคูถเป็นอาหาร.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์นรกเหล่าใดก่อทุกข์ เบียดเบียนมิตรสหายเป็นต้น ตั้งมั่นอยู่ในความเบียดเบียนผู้อื่นทุกเมื่อ. สัตว์นรกเหล่านั้นมีกรรมหยาบช้าเป็นพาล ประทุษร้ายมิตร จึงต้องกินมูตรและคูถ.

มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป ในนรกอื่นๆ สัตว์นรกเหล่านี้อันความหิวถูกต้อง ไม่อาจอดกลั้นความหิวได้ จึงทำเลือดและหนองเป็นก้อนๆ เคี้ยวกิน. พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นดังนั้น จึงตรัสว่า

ห้วงน้ำนี้เต็มด้วยเลือดและหนอง มีกลิ่นเหม็นไม่สะอาด เน่า ฟุ้งไป. สัตว์นรกถูกความร้อนแผดเผาแล้ว ย่อมดื่มเลือดและหนองกิน. ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น. ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงมีเลือดและหนองเป็นอาหาร.

มาตลีเทพสารถีทูลถวายพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์นรกเหล่าใด เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลกฆ่ามารดาบิดาหรือพระอรหันต์ ชื่อว่าต้องปาราชิกในเพศคฤหัสถ์. สัตว์นรกเหล่านั้นมีกรรมหยาบช้าทำบาป จึงมีเลือดและหนองเป็นอาหาร.

มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป นายนิรยบาลที่อุสสุทนรกอื่นอีก เอาเบ็ดเหล็กลุกโพลง โตเท่าลำตาลเกี่ยวลิ้นสัตว์นรก คร่ามาให้สัตว์นรกเหล่านั้น ล้มลงบนแผ่นดินโลหะที่ลุกโพลง ให้นอนแผ่ เอาขอเหล็กสับดุจสับหนังโคฉะนั้น. สัตว์นรกเหล่านั้นดิ้นรนเหมือนปลาดิ้นอยู่บนบก ไม่อาจทนทุกข์นั้นร้องไห้เขฬะไหล. พระเจ้าเนมิราช เมื่อจะแสดงแก่มาตลีเทพสารถีนั้น ได้ตรัสว่า

ท่านจงดูลิ้นของสัตว์นรกที่เกี่ยวด้วยเบ็ด และหนังที่แผ่ไปด้วยขอ สัตว์นรกย่อมดิ้นรน เหมือนปลาที่โยนไปบนบกย่อมดิ้นรนฉะนั้น ร้องไห้ น้ำลายไหล เพราะกรรมอะไร ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น. ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงกลืนเบ็ดนอนอยู่.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์นรกเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นมนุษย์อยู่ในตำแหน่งผู้ตีราคา ยังราคาซื้อให้เสื่อมไปด้วยราคา ทำกรรมอันโกงด้วยความโกง เหตุโลภทรัพย์ปกปิดไว้ ดุจคนเข้าไปใกล้ปลาเพื่อจะฆ่า เอาเหยื่อเกี่ยวเบ็ดปิดเบ็ดไว้ฉะนั้น. บุคคลจะป้องกันช่วยคนทำความโกง ผู้อันกรรมของตนหุ้มห่อไว้ ไม่มีเลย. สัตว์นรกเหล่านั้นมีกรรมหยาบช้าทำบาป จึงมากลืนเบ็ดนอนอยู่.


มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป สัตว์นรกในนรกนั้น ตั้งอยู่ในหลุมใหญ่เต็มด้วยถ่านเพลิงที่ลุกโพลง. ได้ยินว่า สัตว์นรกเหล่านั้นถูกนายนิรยบาลถืออาวุธต่างๆ แทงเข้าถึงนรกนั้น เหมือนนายโคบาลแทงฝูงโคที่ไม่เข้าคอก ฉะนั้น. นายนิรยบาลจับสัตว์นรกเหล่านั้นเอาเท้าขึ้นบนโยนไปในนรกนั้น. พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นสัตว์นรกตกนรกอย่างนั้น เมื่อจะตรัสถามมาตลีเทพสารถี จึงตรัสว่า

หญิงนรกเหล่านี้มีร่างกายแตกทั่ว มีชาติทราม มีแมลงวันตอม เปรอะเปื้อนด้วยเลือดและหนอง มีศีรษะขาด เหมือนฝูงโคที่ศีรษะขาดบนที่ฆ่า ประคองแขนทั้งสองร้องไห้ หญิงนรกเหล่านั้นจมอยู่ในภูมิภาคเพียงเอวทุกเมื่อ. ภูเขาไฟตั้งมาแต่สี่ทิศ ลุกโพลงกลิ้งมาบดหญิงนรกเหล่านั้นให้ละเอียด. ความกลัวปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น. ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน หญิงนรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงต้องมาจมอยู่ในภูมิภาคเพียงเอวทุกเมื่อ ภูเขาไฟลุกโพลงตั้งมาแต่สี่ทิศบดให้ละเอียด.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า หญิงนรกเหล่านั้นเป็นกุลธิดา เมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก มีการงานไม่บริสุทธิ์ ได้ประพฤติไม่น่ายินดี เป็นหญิงนักเลง ละสามีเสียได้ คบหาชายอื่นเพราะเหตุยินดีและเล่น หญิงเหล่านั้นเมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก ยังจิตของตนให้ยินดีในชายอื่น จึงถูกภูเขาไฟอันลุกโพลงตั้งมาแต่สี่ทิศ บดให้ละเอียด.

มาตลีเทพสารถีขับรถต่อไป สัตว์นรกในนรกนั้นตั้งอยู่ในบ่อใหญ่ เต็มด้วยถ่านเพลิงลุกโพลง ได้ยินว่า สัตว์นรกเหล่านั้นถูกนายนิรยบาลถืออาวุธต่างๆ แทง เหมือนนายโคบาลแทงฝูงโคที่ไม่เข้าคอก เข้าถึงนรกนั้นด้วยประการนั้น. ลำดับนั้น นายนิรยบาลจับสัตว์นรกเหล่านั้นให้มีเท้าขึ้นข้างบนโยนลงในบ่อใหญ่นั้น. พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตร เห็นสัตว์นรกตกลงในนรกอย่างนั้น เมื่อจะตรัสถามมาตลีเทพสารถี จึงตรัสว่า

เพราะเหตุไร นายนิรยบาลทั้งหลายจึงจับสัตว์นรกเหล่านี้ อีกพวกหนึ่งที่เท้าเอาหัวลงโยนลงไปในนรก ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น. ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่านสัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงถูกโยนให้ตกไปในนรก.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใดเมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก เป็นผู้มีกรรมไม่ดี ล่วงเกินภรรยาทั้งหลายของชายอื่น. สัตว์เหล่านั้นเป็นผู้ลักภัณฑะอันอุดมเช่นนั้น จึงมาตกนรก เสวยทุกขเวทนาในนรกนั้นสิ้นปีเป็นอันมาก. บุคคลผู้ช่วยป้องกันบุคคลผู้มักทำบาป ผู้อันกรรมของตนหุ้มห่อไว้ ไม่มีเลย. สัตว์นรกเหล่านั้นมีกรรมหยาบช้าทำบาป จึงมาตกอยู่ในนรก.

ก็แลครั้นทูลอย่างนี้แล้ว มาตลีผู้สังคาหกะได้ยังนรกนั้นให้อันตรธานไป ขับรถต่อไป แสดงนรกเป็นที่หมกไหม้แห่งพวกมิจฉาทิฏฐิ ได้พยากรณ์ข้อที่พระเจ้าเนมิราชตรัสถามว่า

สัตว์นรกเหล่านี้ ทั้งน้อยใหญ่ต่างพวกประกอบเหตุการณ์ มีรูปร่างพิลึก ปรากฏอยู่ในนรก ความกลัวย่อมปรากฏแก่เรา เพราะได้เห็นความเป็นไปนั้น. ดูก่อนมาตลีเทพสารถี เราขอถามท่าน สัตว์นรกเหล่านี้ได้ทำบาปอะไรไว้ จึงได้เสวยทุกขเวทนาอันกล้าแข็งเผ็ดร้อนมีประมาณยิ่ง.

มาตลีเทพสารถีทูลพยากรณ์พระดำรัสถาม ตามที่ทราบวิบากแห่งสัตว์ ผู้ทำบาปทั้งหลาย แด่พระราชาผู้ไม่ทรงทราบว่า สัตว์เหล่าใดเมื่อยังอยู่ในมนุษยโลก เป็นผู้มีความเห็นเป็นบาป หลงทำกรรมอันทำด้วยความคุ้นเคย และชักชวนผู้อื่นในทิฏฐิเช่นนั้น สัตว์เหล่านั้นเป็นผู้มีทิฏฐิอันลามกทำบาป จึงต้องเสวยทุกขเวทนาอันกล้าแข็งเผ็ดร้อนมีประมาณยิ่ง.

มาตลีเทพสารถีทูลบอก นรกเป็นที่หมกไหม้ของพวกมิจฉาทิฏฐิทั้งหลาย แด่พระเจ้าเนมิราช ด้วยประการฉะนี้.


แม้หมู่เทวดาในเทวโลก ก็ได้นั่งประชุมกันในเทวสภาชื่อ สุธรรมา นั่นแล คอยพระเจ้าเนมิราชเสด็จมา. ฝ่ายท้าวสักกเทวราชทรงใคร่ครวญดูว่า ทำไมมาตลีจึงไปช้านัก. ก็ทราบเหตุนั้น จึงทรงจินตนาการว่า มาตลีเทพบุตรเที่ยวแสดงนรกทั้งหลายว่า สัตว์เกิดในนรกโน้น เพราะทำกรรมโน้น ดังนี้. เพื่อแสดงความเป็นทูตพิเศษของตน แต่ชนมายุของพระเจ้าเนมิราช ซึ่งมีอยู่น้อยจะพึงสิ้นไป. ชนมายุนั้นจะไม่พึงถึงที่สุดแห่งการแสดงนรก ทรงดำริฉะนี้แล้ว. จึงส่งเทพบุตรองค์หนึ่งซึ่งมีความเร็วมาก ด้วยเทพบัญชาว่า ท่านจงไปแจ้งแก่มาตลีว่า จงเชิญเสด็จพระเจ้าเนมิราชมาโดยเร็ว เทพบุตรนั้นมาแจ้งโดยเร็ว.

 

มาตลีเทพสารถีได้สดับคำเทพบุตรนั้นแล้ว จึงทูลพระเจ้าเนมิราชว่า ช้าไม่ได้แล้ว พระเจ้าข้า. แล้วแสดงนรกเป็นอันมากใน ๔ ทิศพร้อมกันทีเดียว แด่พระเจ้าเนมิราช กล่าวว่า
ข้าแต่มหาราชเจ้า พระองค์ทรงทราบสถานที่อยู่ของเหล่าสัตว์ผู้มีกรรมหยาบช้า และทรงทราบคติของเหล่าสัตว์ผู้ทุศีลแล้ว เพราะได้ทอดพระเนตรเห็นนิรยาบายอันเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์นรก ผู้มีกรรมอันลามก. ข้าแต่พระราชาผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่. บัดนี้ ขอพระองค์เสด็จขึ้นไป ในสำนักของท้าวสักกเทวราชเถิด.
 

จบ กัณฑ์นรก

 

อ่านต่อตอนต่อไปได้ที่นี่ค่ะ

หมายเลขบันทึก: 435946เขียนเมื่อ 19 เมษายน 2011 15:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 19:06 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่ตถาคตออกมหาภิเนษกรมณ์. แม้ในกาลก่อน ตถาคตก็ออกมหาภิเนษกรมณ์เหมือนกัน ตรัสฉะนี้แล้ว ทรงประกาศจตุราริยสัจ ประชุมชาดก.

ท้าวสักกราชเทวราช ในครั้งนั้นมาเป็น ภิกษุชื่ออนุรุทธะ ในกาลนี้.

มาตลีเทพสารถี เป็น ภิกษุชื่ออานนท์.

กษัตริย์ ๘๔,๐๐๐ องค์ เป็นพุทธบริษัท.

ก็เนมิราช คือ เราผู้สัมมาพุทธะ นี่เองแล.

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท