พลังความคิดบวก


ปัจจุบันผมไม่เคย คิดย้อนศร ว่าสุขภาพผมไม่ดี …ทำไม่ได้… ผมคิดอย่างเดียวว่า…ใครทำอะไรสำเร็จได้…เราก็เป็นคนหนึ่งที่ทำได้เช่นกัน

พลังการคิดบวก 

 

ณ เมืองแห่งหนึ่งมีพระราชา และมหาดเล็กคู่ใจซึ่งเป็นคนที่คิดบวกสุดๆ เมื่อฤดูแล้งมาถึงชาวนาทำนาไม่ได้เลยพระราชากลุ้มใจมากจึงถามมหาดเล็กว่า… “นายคิดยังไง ?”

มหาดเล็กตอบว่า “ดีพะยะค่ะ 

พระราชา…            ดียังไง? (งง)

มหาดเล็ก…           ก็วัว..ควาย..มันทำงานหนักมาทั้งปีมันจะได้มีโอกาสพักผ่อนบ้าง..พะยะค่ะ 

          พอมาถึงหน้าฝน  มีฝนตกมาตลอดเวลา ชาวบ้านเดือดร้อนมาก ไปไหนมาไหนก็ไม่ได้  

                   พระราชาก็เรียกมหาดเล็กคู่ใจมาถามเช่นเคย

                   มหาดเล็กตอบว่า…   ดีพะยะค่ะ

                   พระราชา…            ดียังไงวะ! ไปไหนมาไหนก็ไม่ได้

                   มหาดเล็ก…          เราจะได้ทำการกักเก็บน้ำเพื่อ

    ใช้ในยามแล้ง..พะยะค่ะ

          อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาอยากออกไปล่าสัตว์  จึงนำดาบมาทำความสะอาด  แต่พระราชาพลาดทำดาบหล่นไปตัดนิ้วหัวแม่เท้าขาด พระราชานึกถึงมหาดเล็กคู่ใจอยากรู้ว่า..มหาดเล็กจะตอบอย่างไร จึงเรียกมหาดเล็กมาถามเหมือนเช่นเคย

                   มหาดเล็กตอบว่า…  “ดีพะยะค่ะ

          พระราชาได้ฟังคำตอบถึงกับโมโหแล้วตะโกนว่าอะไรกันนิ้วหัวแม่เท้าข้าขาด เจ้ายังบังอาจบอกว่าดีอีกพระราชาเลยสั่งให้ทหารเอาตัวมหาดเล็กไปขัง 

          แล้วพระราชาก็ไปล่าสัตว์กับทหารจำนวนหนึ่งอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นกวางตัวสีขาววิ่งหนีเข้าไปในป่าลึก พระราชาสั่งให้ทหารตามไปล่ากวางสีขาวมาให้ได้ พระราชาและทหารได้วิ่งเข้าไปในป่าลึกมาก และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น  พระราชาและทหารเข้าไปพบกับมนุษย์กินคนจำนวนมากในป่าทึบ  ในที่สุดทหารและพระราชาก็ถูกมนุษย์กินคนจับและถูกกินวันละคน  จนวันสุดท้ายเหลือพระราชาองค์เดียว  ขณะที่มนุษย์กินคนกำลังต้มน้ำเพื่อกินพระราชา มนุษย์กินคนก็เหลือบไปเห็นนิ้วหัวแม่เท้าพระราชาขาด มนุษย์กินคนที่ทำพิธีบอกว่า..  “คนนี้กินไม่ได้เพราะนิ้วขาด เป็นกาลกิณี  ต้องปล่อยไปพระราชาจึงเป็นคนเดียวที่รอดจากการถูกกิน  และกลับมาที่พระราชวังได้

          เมื่อกลับมาถึงวังก็นึกถึงมหาดเล็กคู่ใจ  จึงสั่งทหารนำตัวมหาดเล็กเข้าเฝ้า  และถามความคิดเห็นมหาดเล็กว่า อยู่ในคุกเป็นอย่างไรบ้าง..?

                   มหาดเล็กตอบว่า… “ดีพะยะค่ะ

                   พระราชาดียังไงวะโดนขังเนี่ย!(ทำหน้ามึนงง)

                   มหาดเล็ก…      ถ้ากระหม่อมไม่ติดคุก ก็คงถูก

มนุษย์กินคนกินไปแล้วสิพะยะค่ะ

 

            ผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนที่ มีความสุขง่าย แต่มีความทุกข์ยาก  (คำสอนของพระพยอม กัลยาโน)  คือ ทำอะไรได้ผลนิดหน่อย  ก็รู้สึกมีความสุขแล้ว เรียกว่ามีความสุขง่าย   บางครั้งเจอปัญหาหรืออุปสรรคยากๆ ก็ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรมากมาย เพราะว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ  ให้เลือกที่จะมองบวกต่อปัญหาที่เกิดขึ้นเรียกว่ามีความทุกข์ยาก สิ่งเหล่านี้เป็นมรรคผลจากพลังความคิดบวก

           

ผมเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวของคุณ โรเจอร์  ครอฟอร์ด (Roger Crawford) ซึ่งผมใช้เรื่องราวนี้เพื่อเป็นการขับเคลื่อนชีวิตเสมอ  คุณโรเจอร์ เป็นโรคที่เรียกว่า “ectrodactylism”* ซึ่งจะมีปุ่มคล้ายนิ้วหัวแม่มือโผล่ออกมาจากแขนขวาช่วงปลาย มีนิ้วหัวแม่มือหนึ่งนิ้วกับนิ้วก้อยโผล่ออกมาจากแขนซ้ายช่วงแรก เขาไม่มีฝ่ามือ แขนและขาก็สั้น ฝ่าเท้าข้างซ้ายหดสั้นมีนิ้วเพียง 3 นิ้ว (เท้าข้างนี้ถูกตัดทิ้งตอนเขาอายุ 5 ขวบ)  ตอนเด็กๆ พ่อคุณโรเจอร์ จะบอกเสมอว่า  “โรเจอร์นายเดินได้ นายวิ่งได้ นายเรียนหนังสือได้  เพื่อนๆ ทำอะไรก็ตามนายทำได้หมด   นายสามารถเป็นนักกีฬาได้ และนายทำมันได้ดีด้วย” 

ความคิดเชิงบวกที่ คุณโรเจอร์ ครอฟอร์ด ได้รับจากสมาชิกในครอบครัว เมื่อโตขึ้นเขาก็สามารถทำอะไรได้เหมือนกับคนทั่วๆไป เขาเล่นกีฬาได้ เขาเรียนหนังสือจบระดับปริญญา เขาประสบความสำเร็จด้านกีฬาจนสามารถได้รับการยกย่องให้เป็นมืออาชีพจากสมาคมเทนนิสอาชีพของสหรัฐอเมริกา (The United States Professional Tennis Association) และเขายังได้รับเกียรติให้เป็นนักกีฬาโอลิมปิกผู้จุดคบเพลิง 

เขาได้รับรางวัลเกียรติยศมากมายอาทิ  CPAE Speaker Hall of Fame, Loyola-Maymount University Athletic Hall of Fame และ National Hall of Fame for Persons with Disabilities เขาเป็นนักคิด นักเขียน และนักกีฬาและถือว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จสูงในอเมริกา

 

            วันหนึ่งมีชายหนุ่มเขียนจดหมายมาหาคุณโรเจอร์ ในจดหมายมีข้อความว่า ผมมีร่างกายเหมือนคุณโรเจอร์  คุณโรเจอร์เป็นผู้ที่ให้แรงบันดาลใจแก่ผม  ผมอยากพบคุณมาก  คุณโรเจอร์ตอบกลับไปว่า ยินดีที่จะได้พบชายหนุ่มเขียนจดหมายตอบกลับมาอีกฉบับหนึ่งว่า ผมไม่มีเงินค่าเดินทาง  ผมจนมาก”  ในที่สุดคุณโรเจอร์ก็บินไปพบชายหนุ่มคนนี้  เมื่อพบชายหนุ่มคุณโรเจอร์ประหลาดใจมาก  แขนที่ขาดก็ขาดเหมือนๆ กัน  แขนที่เหลือก็มีนิ้วคล้ายกัน  แล้วขาก็ขาด 1 ข้างเหมือนกันด้วย แต่ชายคนนี้เป็นขอทาน

          คุณโรเจอร์ได้ฟังชายหนุ่มเล่าให้ฟังว่า ตอนเด็กๆ พ่อแม่รวมถึงญาติพี่น้อง บอกว่า  นายเกิดมาทำไม  เดินไม่ได้ วิ่งก็ไม่ได้  เรียนหนังสือก็คงไม่ทันเพื่อน  ทำอะไรก็ไม่ได้  นายคงเป็นได้อย่างดีก็แค่ขอทาน” …ในที่สุดสิ่งที่ชายหนุ่มคิดก็เป็นจริงเขาเป็นได้อย่างดีก็ ขอทาน

 

พลังการคิดบวกช่วยส่งเสริมให้เราสามารถค้นหาความสามารถที่ซ่อนเร้นในตัวเองได้ ความคิดของคนเรามันส่งผลต่อความเชื่อ  ความเชื่อส่งผลต่อการกระทำและการกระทำส่งผลต่อความสำเร็จ  ถ้าเราตั้งต้นที่ความคิดที่ดีเราก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูง แต่หากเริ่มต้นด้วยการโปรแกรมความคิดที่ล้มเหลว แน่นอนสิ่งเหล่านั้นก็จะมาเยือน

 

ผลลัพธ์ของการคิดบวก

 

            ผมเป็นโปลิโอ*ที่ขาซ้ายตั้งแต่อายุ 6 เดือน  ตอนเด็กๆ ผมเกลียดวิชาพละศึกษามาก เพราะเวลาเพื่อนเรียนกีฬากัน  ผมวิ่งไม่ได้ก็ต้องนั่งเชียร์เพื่อนอย่างเดียว  โดยเฉพาะวิชาฟุตบอล เป็นเกมส์ที่น่าตื่นเต้นมากแต่มันน่าเบื่ออย่างสุดๆสำหรับผม ผมอยากเล่นฟุตบอลแต่ทำได้แค่เพียงนั่งบนอัฒจันทร์หรือมากสุดก็ขอบสนามและดูเพื่อนๆ เล่นกัน

ตอนผมอยู่ มศ. 3  โรงเรียนผมมีการแข่งขันฟุตบอลโรงเรียน อายุไม่เกิน 16 ปี   ห้องเรียนผมมีตัวแทนนักเรียนที่ร่วมแข่งขันอยู่ 4 – 5 คน    เราตื่นตัวเรื่องฟุตบอลมาก  ผมศึกษาเรื่องกติกาและเกมส์ฟุตบอลรวมถึงเทคนิคการเล่นต่างๆ มีเพื่อนบางคนในห้องเรียนมักจะเข้ามาปรึกษาผมเรื่องกติกา   และ บางครั้งเพื่อนที่ลงสนามซ้อมก็มักมาถามผมว่า เกมส์วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

ผมเริ่มรู้สึกว่าชั่วโมงฟุตบอลไม่ใช่ชั่วโมงที่น่าเบื่ออีกต่อไป  เพื่อนๆ ที่ลงเล่นฟุตบอล ไม่มีโอกาสได้นั่งดูเกมส์การแข่งขันของพวกเขาในสนามเลย มีผมคนเดียวที่มีโอกาสนั้น ผมน่าจะใช้โอกาสที่คนอื่นขาดและผมมีให้เป็นประโยชน์ได้ ผมเริ่มเข้าใจคำว่าค้นหาคุณลักษณะพิเศษของตัวเอง

 

ผมเริ่มมีความรู้สึกในการคิดบวกกับตัวเองมากขึ้น  และไม่เคยยอมแพ้กับชีวิตของตัวเองอีกเลย…เมื่อผมคิดไม่ยอมแพ้กับชีวิต สิ่งดีๆในชีวิตก็แปรเปลี่ยนเป็นผลลัพธ์จากความคิดนั้นๆ

ผมเคยคิดว่าตัวเองว่ายน้ำไม่ได้…เมื่อผมเปลี่ยนความคิด…ผมก็สามารถว่ายน้ำได้ และใช้เป็นกีฬาเพื่อดูแลสุขภาพ

            ผมเคยท้อแท้กับการหัดขี่จักรยาน เพราะเมื่อลงซ้ายทีไรจักรยานและตัวผมเป็นล้มทุกครั้งไป (ผมเป็นโปลิโอที่ขาซ้าย)…เมื่อผมเปลี่ยนความคิด…ผมก็สามารถขี่จักรยานนับสิบกิโลเมตร เพื่อไป-กลับระหว่างบ้านและโรงเรียนได้

ผมเคยเฝ้าคิดแต่เพียงว่า…เพื่อนจะยอมรับในตัวเราหรือไม่ จะมองว่าเรามีความด้อยกว่าเพื่อนๆ หรือไม่ เพราะเราเดินก็ช้า ทำอะไรก็ช้าไม่ทันใจเพื่อนๆ หรือไม่..? เมื่อผมเปลี่ยนความคิด..ผมก็สามารถเป็นหัวหน้าชั้นปี และเป็นประธานนิสิตได้

 

ปัจจุบันผมไม่เคย คิดย้อนศร ว่าสุขภาพผมไม่ดี  ทำไม่ได้ผมคิดอย่างเดียวว่า…ใครทำอะไรสำเร็จได้เราก็เป็นคนหนึ่งที่ทำได้เช่นกัน



* ectrodactylism เป็นโรคที่เป็นมาแต่กำเนิด ได้รับการถ่ายทอดในลักษณะยีนเด่นที่แสดงออก (autosomal dominant trait) ของเนื้อเยื่อชั้นนอก (ectrodermal tissue) และเนื้อเยื่อชั้นกลาง (mesodermal tissue)

* โปลิโอ เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิด Poliomyelitis มีผลทำลายไขสันหลัง มักส่งผลทำให้กล้ามเนื้อที่แขนและ/หรือขาลีบลง

จากหนังสือ "ถอดรหัสความคิดเพื่อชีวิตที่มีคุณค่า"

โดย รศ.ดร.ชัยณรงค์ วงศ์ธีรทรัพย์

ผู้อำนวยการสถาบันฝึกอบรม "The Best Training"

(ศูนย์ฝึกอบรมความเป็นเลิศทางกลยุทธ์ธุรกิจ)

 

หมายเลขบันทึก: 435727เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2011 00:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:41 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

น่าสนใจมากคะ เป็นกำลังใจและข้อคิดที่ดีแก่คนในสังคม ที่กำลังวุ่นวาย พยายามแสวงหาสิ่งมากมาย จนอาจมองข้าม

ความรู้สึกดี ๆ กับสิ่งใกล้ตัว

อ่านแล้วคิดถึงหลวงพ่อ "ดีเน๊าะ" ทันทีเลยครับ

เคยมีเรื่องเล่าแบบนี้เลย

ได้ข้อคิดดีมาก


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท