วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๔ เกร็ดความรู้ด้านกฎหมายเรื่องที่ ๒ การหักเงินบำเหน็จบำนาญเพื่อชำระหนี้ตามคำขอ การที่ส่วนราชการหักเงินบำเหน็จบำนาญปกติของผู้กู้เงินเพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้บุคคลที่สาม มิได้เกิดจากการใช้อำนาจในทางปกครอง แต่เป็นไปตามคำขอของผู้รับบำเหน็จบำนาญปกติเท่านั้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจหรือกำหนดเป็นหน้าที่ของส่วนราชการที่จะต้องหักเงินบำเหน็จบำนาญปกติเพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ของผู้รับบำเหน็จบำนาญปกติ ดังนั้นการที่ส่วนราชการไม่แจ้งกรมบัญชีกลางให้หักเงินบำเหน็จบำนาญปกติของผู้กู้เพื่อชำระหนี้ให้สมาคมสโมสรกรมการขนส่งทหารบกหรือได้แจ้งกรมบัญชีกลางแล้วแต่มิได้มีการหักเงินบำเหน็จบำนาญปกติของผู้กู้เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จึงมิใช่กรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติอันเป็นการกระทำละเมิดตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ(คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่๓๓๑/๒๕๔๘)
วันศุกร์ที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๔ เกร็ดความรู้ด้านกฎหมายเรื่องที่ ๓ หลักการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การที่การรถไฟแห่งประเทศไทยอนุญาตให้มีการติดตั้งป้ายโฆษณาที่กระจกหน้าต่างตู้โดยสารรถไฟจนทำให้ผู้โดยสารไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีหน้าต่าง ทำให้ไม่อาจเรียกได้ว่ารถโดยสารแต่เป็นรถขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์เป็นกรณีที่ถือว่าผู้ให้บริการรถโดยสารสาธารณะปฏิบัติต่อผู้โดยสารเยี่ยงวัตถุซึ่งเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และถือว่าเป็นการละเลยต่อหน้าที่สำคัญที่ใช้ในการจัดทำบริการสาธารณะในกิจการรับขนส่งผู้โดยสารตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ สรุปข้อเท็จจริง ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้โดยสารรถไฟขบวนด่วนพิเศษกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นประจำฟ้องว่าได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(ผู้ถูกฟ้องคดี)อนุญาตให้เอกชนดำเนินการติดตั้งแผ่นป้ายโฆษณา (มีลักษณะเป็นรูพรุนเพื่อให้แสงผ่านได้) บริเวณกระจกหน้าต่างภายนอกตู้รถโดยสารของขบวนรถไฟทำให้มองผ่านกระจกหน้าต่างดังกล่าวไม่อาจมองเห็นทิวทัศน์สองข้างทางรถไฟได้อย่างชัดเจนและยังทำให้เกิดอาการตาพร่ามัวและคลื่นไส้ ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องทุกข์ต่อผู้ถูกฟ้องคดีเพื่อให้ขูดลอกแผ่นป้ายโฆษณาดังกล่าวออกจากหน้าต่างตู้รถโดยสารแล้วแต่ไม่ได้รับการแก้ไข ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ดำเนินการตามคำร้องเรียนของผู้ฟ้องคดีนั้น เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล ขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีดำเนินการลอกแผ่นป้ายโฆษณาออกจากกระจกหน้าต่างของตู้รถโดยสารทุกสายทั่วประเทศและทำความสะอาดกระจกหน้าต่างตู้โดยสารของขบวนรถไฟทุกขบวนให้สะอาด คำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทยพ.ศ. ๒๔๙๔ กำหนดให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำกิจการรับขนส่งผู้โดยสาร สินค้า พัสดุภัณฑ์และของอื่น ๆที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการรถไฟซึ่งบริการสาธารณะ โดยในการจัดทำกิจการสาธารณะดังกล่าวนอกจากจัดให้มีขบวนรถไฟสำหรับขนส่งผู้โดยสาร สินค้า พัสดุภัณฑ์ และของอื่น ๆอย่างเพียงพอแก่ความต้องการของประชาชนแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีจะต้องดูแลรักษาส่วนต่าง ๆของตู้รถโดยสารของขบวนรถไฟซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการจัดทำบริการสาธารณะดังกล่าวเช่น ที่นั่ง ที่นอนของผู้โดยสาร รวมทั้งประตูหน้าต่างของตู้รถโดยสารให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดีและสามารถอำนวยความสะดวกสบายในการเดินทางให้แก่ผู้โดยสารได้ตามสมควร ซึ่งในส่วนของหน้าต่างนั้นรถโดยสารทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารส่วนบุคคล หรือรถโดยสารสาธารณะและไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารปรับอากาศหรือรถโดยสารไม่ปรับอากาศ จะต้องมีหน้าต่างโดยหน้าต่างรถโดยสารมิได้มีไว้เพียงเพื่อให้แสงสว่างจากภายนอกรถเข้าไปในรถได้เท่านั้น แต่ยังมีไว้เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถมองเห็นสรรพสิ่งที่อยู่นอกรถเพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินในระหว่างที่อยู่ในรถและระแวดระวังภยันตรายที่อาจจะมีจากภายนอกรถอีกด้วยรถโดยสารที่ไม่มีหน้าต่างจึงไม่อาจเรียกได้ว่ารถโดยสารแต่เป็นรถขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ และต้องถือว่าผู้ให้บริการรถโดยสาธารณะที่ไม่มีหน้าต่างปฏิบัติต่อผู้โดยสารเยี่ยงวัตถุซึ่งเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้โดยสาร ดังนั้นผู้ถูกฟ้องคดีจึงต้องมีหน้าที่ที่จะต้องจัดให้ตู้รถโดยสารของขบวนรถไฟทุกขบวนมีหน้าต่างและดูแลรักษาหน้าต่างตู้รถโดยสารทุกคันให้อยู่สภาพที่สามารถใช้การได้สมวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีหน้าต่างการที่ผู้ถูกฟ้องคดีทำสัญญาเช่าติดตั้งป้ายโฆษณาที่กระจกหน้าต่างรถโดยสารได้ด้วยจึงเป็นการใช้หน้าต่างรถโดยสารแสวงหารายได้จนทำให้ผู้โดยสารไม่อาจใช้ประโยชน์จากหน้าต่างรถโดยสารตามวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีหน้าต่างได้ตามที่ควรจะเป็น ถือเป็นการละเลยต่อหน้าที่ในการจัดทำกิจการรับขนส่งผู้โดยสารซึ่งเป็นการบริการสาธารณะตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติศาลพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีดำเนินการขูดลอกแผ่นป้ายโฆษณาออกจากกระจกหน้าต่างตู้รถโดยสารและทำความสะอาดกระจกหน้าต่างตู้รถโดยสารรถไฟทุกคันให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ. ๒๓๑/๒๕๕๐)
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะท่านผอ. คิดว่าท่านจะไม่มีเรื่องเล่าสัปดาห์นี้เสียแล้วค่ะ เห็นเงียบๆหลายวันได้พักแล้วท่านคงสุขกายสบายใจขึ้นบ้างนะคะ อากาศร้อนเหลือเกิน แม้จะมีฝนมาดับร้อนไปได้บ้าง ขอบพระคุณสำหรับเกร็ดความรู้ด้านกฎหมายที่มอบให้กับผู้อ่าน ทำให้ได้ความรู้เพิ่มขึ้นค่ะ ขอให้ท่านผอ.และท่านผู้อ่านทุกท่านสุขภาพแข็งแรงค่ะ