เรื่องเล่าระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๕ เมษายน ๒๕๕๔


  
๑๖  เมษายน  ๒๕๕๔
 
เรียน เพื่อนครู ผู้บริหารและท่านผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่าน

วันจันทร์ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๔
  ถึงสำนักงานแต่เช้าก็ได้รับโทรศัพท์จากผอ.สำนักอำนวยการ สพฐ. ขอให้ช่วยบริจาคเงินช่วยน้ำท่วมภาคใต้ซึ่งหนักหนาสาหัสมาก  อนุมัติเงินสวัสดิการไป ๑ หมื่นบาทเพื่อการนี้ส่วนจะให้หาผู้มีจิตกุศลไปร่วมบริจาคในเวลาอันสั้น หมดปัญญาจริง ๆ   เวลา  ๑๐.๐๐ น. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาขอเหรียญลูกเสือสดุดีประจำปี๒๕๕๓ ระดับจังหวัด มีท่านรองฯครรชิต หิรัณยหาด  มาประชุมด้วย เที่ยงจึงชวนกันไปทานข้าวที่ร้านเว้งสามโคกเจ้าตำรับเป็ดพะโล้คั่วเกลือ ผัดปลาซิว  พร้อมท่านรองฯมานะ พุ่มบัว พบ ดร.นารี คูหาเรืองรอง พาครูมาทานด้วย ตามกติกาใครชวนใครจ่ายงานนี้ไม่มีใครชวนใครก็ต่างคนต่างจ่าย บ่ายกลับมาทำงานที่ห้อง ลงสโมสรตอนเย็นมีผู้บริหารมาขอพรปีใหม่ไทยก็ให้พรเขาไปเพราะอายุก็มากพอที่จะให้พรลูกน้องได้แล้วต่างกับสมัยดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ ตอนนั้นอายุเพิ่ง ๒๕ ปี ใคร ๆก็มองว่าเป็นเด็ก กว่าจะทำให้คนเชื่อได้ต้องใช้เวลามาก เดินทางไปรับเสด็จทูลกระหม่อมฟ้าหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดีที่เดอะไพน์รีสอร์ท แต่สับสนเรื่องเวลาไปถึงท่านเสด็จมาถึงก่อนแล้ว จึงกลับที่ตั้ง

วันอังคารที่ ๑๒ เมษายน  ๒๕๕๔  ได้อนุมัติเงินสวัสดิการให้จัดอาหารการกินมาฉลองเทศกาลสงกรานต์กันที่เขต ๑หมื่นบาท  ซึ่งกำหนดจัดวันนี้  เขาสั่งก๋วยเตี๋ยว และอาหารหวานคาวมาเลี้ยงกันตั้งแต่ยามสาย มีผู้บริหารโรงเรียนทราบข่าวสงเคราะห์เพิ่มเติมมาอีก   ปีนี้ไม่มีรดน้ำ แต่ก็นั่งรับมาลัยน้ำใจ พร้อมอวยพรปีใหม่ให้มีความสุขปลอดภัยในเทศกาลและตลอดปี  มีการร้องรำทำเพลงกันตามสมควร  แม้สโมสรจะไม่กว้าง แต่ก็เป็นห้องที่อบอุ่นลงตัวในการจัดกิจกรรมสำหรับพวกเรา วันนี้ตั้งใจจะนั่งไปจนมืดค่ำก็จะไม่หนี  เพราะกลุ่มบริหารงานบุคคลกำลังระดมจัดทำรายละเอียดประกอบคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนครั้งที่ ๑ ประจำปี๒๕๕๔ เรียกว่าอยากให้เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับเพื่อนข้าราชการในสังกัดโดยเฉพาะครู จะได้ปรับเพิ่มเข้าโครงสร้างเงินเดือนใหม่ ได้เงินเพิ่มประมาณ ๘ % บวกกับการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีก็หลายเงินอยู่สำหรับที่แต่จะคนจะได้รับสิ้นเดือนนี้ ยังไม่รวมเงินเพิ่ม ๕ %ตามนโยบายรัฐบาล   ท่านรองฯสมมาตร ชิตญาติ เป็นแม่งานใหญ่
    
ก่อนเที่ยงเดินทางไปจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อร่วมพิธีรดน้ำดำหัวท่านผู้ว่าฯ และนายกเหล่ากาชาดจังหวัด เข้าคิวกันยาว แต่ก็ชื่นมื่นกันดี  กลุ่มบริหารงานบุคคลทำงานตั้งแต่เช้ากว่าจะเรียบร้อยประมาณ ๓  ทุ่ม หลังออกคำสั่งแล้วจึงเดินทางกลับที่พัก ตั้งแต่พรุ่งนี้จนถึงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นช่วงวันหยุดราชการตั้งใจว่าจะพักผ่อน ไม่เดินทางไปไหนให้ลำบาก กับการแย่งพื้นที่จราจรกัน  สำหรับกลุ่มบริหารงานบุคคลมีนัดหมายมาทำงานต่อเนื่องต่อไปอีกจนกว่าจะแล้วเสร็จเช่นเดียวกับกลุ่มบริหารงานการเงินและสินทรัพย์ที่ต้องวางฎีกาเบิกเงินเดือนตามคำสั่งล่าสุดให้ทันจ่ายสิ้นเดือนนี้
วันพุธที่ ๑๓  เมษายน ๒๕๕๓   เกร็ดความรู้ด้านกฎหมายเรื่องที่ ๑ ในกรณีที่มหาวิทยาลัยได้อนุมัติให้บุคคลที่สำเร็จการศึกษาตามข้อบังคับและระเบียบของมหาวิทยาลัยและบุคคลดังกล่าวได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้วหากต่อมาภายหลังปรากฎข้อเท็จจริงใดที่ทำให้บุคคลดังกล่าวขาดคุณสมบัติหรือมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน หรือไม่เหมาะสมที่จะสำเร็จการศึกษาได้นั้น 
มหาวิทยาลัยโดยสภามหาวิทยาลัยซึ่งเป็นผู้มี่อำนาจอนุมัติปริญญาตามกฎหมายจะมีอำนาจเพิกถอนปริญญาบัตรที่เคยอนุมัติให้แก่บุคคลดังกล่าวได้หรือไม่ และจะดำเนินการกับกรณีนี้อย่างไร  คณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ ๘ พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกำหนดให้เป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัย ในการอนุมัติการให้ปริญญาแก่บุคคล การอนุมัติการให้ปริญญาดังกล่าวสภามหาวิทยาลัยจะต้องพิจารณาให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ  ระเบียบและข้อบังคับของมหาวิทยาลัยซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นและเมื่อได้พิจารณาเห็นว่าบุคคลใดมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะสำเร็จการศึกษาได้สภามหาวิทยาลัยย่อมมีมติอนุมัติการให้ปริญญาแก่บุคคลนั้น ประกอบกับมติสภามหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการอนุมัติการให้ปริญญามีลักษณะเป็นคำสั่งทางปกครองตามบทนิยามมาตรา๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙  ดังนั้น หากต่อมาปรากฎว่าบุคคลที่สภามหาวิทยาลัยได้มีมติอนุมัติการให้ปริญญาไปแล้วนั้น ขาดคุณสมบัติหรือมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนที่จะสำเร็จการศึกษาตามที่กฎหมาย ระเบียบหรือข้อบังคับของมหาวิทยาลัยกำหนดไว้ ซึ่งมีผลให้มติสภามหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการอนุมัติการให้ปริญญาแก่บุคคลดังกล่าวเป็นไปโดยไม่ชอบ สภามหาวิทยาลัยซึ่งเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติการให้ปริญญามีอำนาจที่จะเพิกถอนมติสภามหาวิทยาลัยที่ได้อนุมัติการให้ปริญญานั้นได้ตามมาตรา๒๑(๕)แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัย ประกอบกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในมาตรา ๕๓ แห่งพระราชพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ 

วันพฤหัสบดีที่ ๑๔  เมษายน ๒๕๕๔  เกร็ดความรู้ด้านกฎหมายเรื่องที่ ๒ การหักเงินบำเหน็จบำนาญเพื่อชำระหนี้ตามคำขอ การที่ส่วนราชการหักเงินบำเหน็จบำนาญปกติของผู้กู้เงินเพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้บุคคลที่สาม มิได้เกิดจากการใช้อำนาจในทางปกครอง แต่เป็นไปตามคำขอของผู้รับบำเหน็จบำนาญปกติเท่านั้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวไม่มีกฎหมายใดให้อำนาจหรือกำหนดเป็นหน้าที่ของส่วนราชการที่จะต้องหักเงินบำเหน็จบำนาญปกติเพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ของผู้รับบำเหน็จบำนาญปกติ ดังนั้นการที่ส่วนราชการไม่แจ้งกรมบัญชีกลางให้หักเงินบำเหน็จบำนาญปกติของผู้กู้เพื่อชำระหนี้ให้สมาคมสโมสรกรมการขนส่งทหารบกหรือได้แจ้งกรมบัญชีกลางแล้วแต่มิได้มีการหักเงินบำเหน็จบำนาญปกติของผู้กู้เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว จึงมิใช่กรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติอันเป็นการกระทำละเมิดตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ(คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่๓๓๑/๒๕๔๘)

วันศุกร์ที่ ๑๕ เมษายน  ๒๕๕๔  เกร็ดความรู้ด้านกฎหมายเรื่องที่ ๓ หลักการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  การที่การรถไฟแห่งประเทศไทยอนุญาตให้มีการติดตั้งป้ายโฆษณาที่กระจกหน้าต่างตู้โดยสารรถไฟจนทำให้ผู้โดยสารไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีหน้าต่าง  ทำให้ไม่อาจเรียกได้ว่ารถโดยสารแต่เป็นรถขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์เป็นกรณีที่ถือว่าผู้ให้บริการรถโดยสารสาธารณะปฏิบัติต่อผู้โดยสารเยี่ยงวัตถุซึ่งเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และถือว่าเป็นการละเลยต่อหน้าที่สำคัญที่ใช้ในการจัดทำบริการสาธารณะในกิจการรับขนส่งผู้โดยสารตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  สรุปข้อเท็จจริง  ผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้โดยสารรถไฟขบวนด่วนพิเศษกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นประจำฟ้องว่าได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(ผู้ถูกฟ้องคดี)อนุญาตให้เอกชนดำเนินการติดตั้งแผ่นป้ายโฆษณา (มีลักษณะเป็นรูพรุนเพื่อให้แสงผ่านได้) บริเวณกระจกหน้าต่างภายนอกตู้รถโดยสารของขบวนรถไฟทำให้มองผ่านกระจกหน้าต่างดังกล่าวไม่อาจมองเห็นทิวทัศน์สองข้างทางรถไฟได้อย่างชัดเจนและยังทำให้เกิดอาการตาพร่ามัวและคลื่นไส้ ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องทุกข์ต่อผู้ถูกฟ้องคดีเพื่อให้ขูดลอกแผ่นป้ายโฆษณาดังกล่าวออกจากหน้าต่างตู้รถโดยสารแล้วแต่ไม่ได้รับการแก้ไข ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าการที่ผู้ถูกฟ้องคดีไม่ดำเนินการตามคำร้องเรียนของผู้ฟ้องคดีนั้น เป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ  จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล ขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีดำเนินการลอกแผ่นป้ายโฆษณาออกจากกระจกหน้าต่างของตู้รถโดยสารทุกสายทั่วประเทศและทำความสะอาดกระจกหน้าต่างตู้โดยสารของขบวนรถไฟทุกขบวนให้สะอาด  คำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ตามมาตรา ๙  แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทยพ.ศ. ๒๔๙๔ กำหนดให้ผู้ถูกฟ้องคดีมีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำกิจการรับขนส่งผู้โดยสาร  สินค้า พัสดุภัณฑ์และของอื่น ๆที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการรถไฟซึ่งบริการสาธารณะ โดยในการจัดทำกิจการสาธารณะดังกล่าวนอกจากจัดให้มีขบวนรถไฟสำหรับขนส่งผู้โดยสาร สินค้า พัสดุภัณฑ์ และของอื่น ๆอย่างเพียงพอแก่ความต้องการของประชาชนแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีจะต้องดูแลรักษาส่วนต่าง ๆของตู้รถโดยสารของขบวนรถไฟซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการจัดทำบริการสาธารณะดังกล่าวเช่น ที่นั่ง ที่นอนของผู้โดยสาร รวมทั้งประตูหน้าต่างของตู้รถโดยสารให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดีและสามารถอำนวยความสะดวกสบายในการเดินทางให้แก่ผู้โดยสารได้ตามสมควร  ซึ่งในส่วนของหน้าต่างนั้นรถโดยสารทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารส่วนบุคคล หรือรถโดยสารสาธารณะและไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารปรับอากาศหรือรถโดยสารไม่ปรับอากาศ  จะต้องมีหน้าต่างโดยหน้าต่างรถโดยสารมิได้มีไว้เพียงเพื่อให้แสงสว่างจากภายนอกรถเข้าไปในรถได้เท่านั้น  แต่ยังมีไว้เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถมองเห็นสรรพสิ่งที่อยู่นอกรถเพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินในระหว่างที่อยู่ในรถและระแวดระวังภยันตรายที่อาจจะมีจากภายนอกรถอีกด้วยรถโดยสารที่ไม่มีหน้าต่างจึงไม่อาจเรียกได้ว่ารถโดยสารแต่เป็นรถขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ และต้องถือว่าผู้ให้บริการรถโดยสาธารณะที่ไม่มีหน้าต่างปฏิบัติต่อผู้โดยสารเยี่ยงวัตถุซึ่งเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้โดยสาร  ดังนั้นผู้ถูกฟ้องคดีจึงต้องมีหน้าที่ที่จะต้องจัดให้ตู้รถโดยสารของขบวนรถไฟทุกขบวนมีหน้าต่างและดูแลรักษาหน้าต่างตู้รถโดยสารทุกคันให้อยู่สภาพที่สามารถใช้การได้สมวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีหน้าต่างการที่ผู้ถูกฟ้องคดีทำสัญญาเช่าติดตั้งป้ายโฆษณาที่กระจกหน้าต่างรถโดยสารได้ด้วยจึงเป็นการใช้หน้าต่างรถโดยสารแสวงหารายได้จนทำให้ผู้โดยสารไม่อาจใช้ประโยชน์จากหน้าต่างรถโดยสารตามวัตถุประสงค์ของการจัดให้มีหน้าต่างได้ตามที่ควรจะเป็น  ถือเป็นการละเลยต่อหน้าที่ในการจัดทำกิจการรับขนส่งผู้โดยสารซึ่งเป็นการบริการสาธารณะตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติศาลพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีดำเนินการขูดลอกแผ่นป้ายโฆษณาออกจากกระจกหน้าต่างตู้รถโดยสารและทำความสะอาดกระจกหน้าต่างตู้รถโดยสารรถไฟทุกคันให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ อ. ๒๓๑/๒๕๕๐)

 
 
 
กำจัด  คงหนู
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๑
                                     
หมายเลขบันทึก: 435431เขียนเมื่อ 15 เมษายน 2011 11:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2014 09:00 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะท่านผอ. คิดว่าท่านจะไม่มีเรื่องเล่าสัปดาห์นี้เสียแล้วค่ะ เห็นเงียบๆหลายวันได้พักแล้วท่านคงสุขกายสบายใจขึ้นบ้างนะคะ อากาศร้อนเหลือเกิน แม้จะมีฝนมาดับร้อนไปได้บ้าง ขอบพระคุณสำหรับเกร็ดความรู้ด้านกฎหมายที่มอบให้กับผู้อ่าน ทำให้ได้ความรู้เพิ่มขึ้นค่ะ ขอให้ท่านผอ.และท่านผู้อ่านทุกท่านสุขภาพแข็งแรงค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท