กฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ


ความตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน ไทย - ลาว
            ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวต่อไป นี้ เรียกว่า ภาคีผู้ทำสัญญา โดยยอมรับนับถือว่าความร่วมมือฉันท์เพื่อนบ้านที่ดีในสาขาเศรษฐกิจและการค้าโดยผ่านการลงทุนจะส่งเสริมพัฒนาที่ก้าวหน้าสำหรับความอยู่ดีกินดีของประชาชนของรัฐทั้งสองด้วยความปรารถนาที่จะสร้างสรรค์เงื่อนไขที่เป็นการอนุเคราะห์เพื่อให้มีความร่วมมือ ทางเศรษฐกิจกันมามากยิ่งขึ้นระหว่างรัฐทั้งสองและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อให้มีการลงทุนโดยคนชาติ และบริษัทของรัฐหนึ่ง ในอาณาเขตของอีกรัฐหนึ่งโดยยอมรับว่าการสนับสนุนการลงทุนเช่นว่านั้น และการถ้อยทีถ้อยคุ้มครองการลงทุนภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศจะนำมาซึ่งการเร่งรัดการริเริ่มในทางธุรกิจของนักลงทุนและ เพิ่มพูนความไพบูลย์ขึ้นในรัฐทั้งสอง
                ได้ตกลงกันดังต่อไปนี้
ข้อ 1
                เพื่อความมุ่งประสงค์แห่งความตกลงนี้
        1. คำว่า คนชาติให้หมายถึงบุคคลใดซึ่งถือสัญชาติตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในภาคีผู้ทำสัญญาแต่ละฝ่าย
        2. คำว่า บริษัทให้หมายถึงนิติบุคคลซึ่งได้ก่อตั้งหรือจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในอาณาเขตของภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไม่ว่าจะจำกัดความผิดและจะเพื่อกำไร    ที่เป็นเงินหรือไม่ก็ตาม
        3. คำว่า ทรัพย์สินที่ใช้ลงทุนให้หมายถึงทรัพย์สินทุกชนิด โดยให้รวมทั้ง แต่มิใช่เพียงเฉพาะ
           () สังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์และสิทธิในทรัพย์อื่นใดเช่น จำนอง สิทธิยึดหน่วง หรือจำนำ
          () หุ้น  สต็อกและหุ้นกู้ของบริษัท ไม่ว่าบริษัทนั้น ๆ จะได้จัดตั้งเป็นนิติบุคคลขึ้น  ณ ที่ใดก็ตาม หรือผลประโยชน์ในทรัพย์ของบริษัทเช่นว่านั้น
          () ข้อเรียกร้องให้ใช้เงินหรือให้ปฏิบัติตามสัญญาใด ๆ ซึ่งมีมูลค่าทางการเงิน
          () สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า ชื่อการค้าและค่าความนิยม (กู้ดวิลล์)
          () สัมปทานเกี่ยวกับธุรกิจซึ่งได้รับตามกฎหมายหรือสัญญา รวมทั้งสัมปทาน เพื่อการค้นหา เพาะปลูก ขุด หรือแสวงหาประโยชน์ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติ
          4. คำว่า อาณาเขต  ให้หมายถึงอาณาเขตที่ภาคีผู้ทำสัญญามีอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจ ศาลเหนืออาณาเขตนั้น

 

      1.คุณประโยชน์ของความตกลงนี้จะใช้เฉพาะในกรณีซึ่งการลงทุนและบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งในอาณาเขตของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งได้รับความเห็นชอบ เป็นลายลักษณ์อักษร โดยเฉพาะจากเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหลังเท่านั้น
         2. คนชาติและบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะขอความเห็นชอบเช่นว่านั้น เกี่ยวกับการลงทุนใด ๆ ไม่ว่าจะได้กระทำก่อนหรือหลังจากที่ความตกลงนี้เริ่มใช้บังคับ
ข้อ 3
         1. โดยคำนึงกฎหมาย โครงการและนโยบายของตน  ภาคีผู้ทำสัญญาแต่ละฝ่ายจะสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่การลงทุนในอาณาเขตของตนโดยคนชาติ และบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง
         2. การลงทุนของคนชาติและบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งในอาณาเขตของภาคี  ผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งจะได้อุปโภคซึ่งการคุ้มครองและความมั่นคงเป็นเนืองนิจตามกฎหมายของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง
ข้อ 4
         1.   () การลงทุนของคนชาติ หรือบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งในอาณาเขตของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง  รวมทั้งผลตอบแทนจากการลงทุนนั้น ๆ ด้วย จะได้รับผลปฏิบัติที่เป็นธรรมและเที่ยงธรรม และเป็นการอนุเคราะห์ไม่น้อยกว่าผลปฏิบัติที่ได้ประสาทให้ในส่วนที่เกี่ยวกับการลงทุนและผลตอบแทนของคนชาติและบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งนั้นหรือของรัฐที่สามใด ๆ
              () ภาคีผู้ทำสัญญาแต่ละฝ่ายจะประสาทให้ในอาณาเขตของตน ซึ่งผลปฏิบัติแก่   คนชาติ และบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเกี่ยวกับการจัดการ การใช้การอุปโภค หรือกับหลักแห่งกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นการอนุเคราะห์ไม่น้อยกว่าผลปฏิบัติที่ประสาทให้แก่คนชาติและบริษัทของตนเอง หรือแก่คนชาติหรือบริษัทของรัฐที่สามใด ๆ
             () บทบัญญัติทั้งปวงแห่งความตกลงนี้ที่เกี่ยวกับการให้ผลปฏิบัติอันเป็นการอนุเคราะห์ไม่น้อยกว่าที่ได้ประสาทให้แก่คนชาติหรือบริษัทของรัฐที่สามใด ๆ จะต้องตีความให้หมายความว่าผลปฏิบัติเช่นว่านี้จะประสาทให้โดยทันทีและโดยไม่มีเงื่อนไข
             () เมื่อใดก็ตามที่ความตกลงนี้กำหนดให้ มีทางเลือกสำหรับการให้ผลปฏิบัติอย่างคนชาติหรือการให้ผลปฏิบัติอันเป็นการอนุเคราะห์ไม่น้อยกว่าที่ได้ประสาทให้แก่คนชาติหรือบริษัท ของรัฐที่สามใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องหนึ่งเรื่องใด การเลือกเอาทางเลือกใดในระหว่างทางเลือกทั้งสองนี้จะต้องอยู่กับภาคีผู้ทำสัญญาผู้ได้รับคุณประโยชน์ในกรณีเฉพาะแต่ละกรณีไป
         2. ภาคีผู้ทำสัญญาแต่ละฝ่ายจะต้องปฏิบัติตามข้อผูกพันใด ๆ ที่เพิ่มจากข้อผูกพันที่ได้ระบุไว้ในความตกลงนี้ ซึ่งตนอาจจะได้กระทำขึ้นเกี่ยวกับการลงทุนของคนชาติหรือบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง
ข้อ 5
         บทบัญญัติแห่งความตกลงนี้เท่าที่เกี่ยวกับการให้ผลปฏิบัติอันเป็นการอนุเคราะห์ไม่น้อยกว่าที่ได้ประสาทให้คนชาติหรือบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือของรัฐที่สามใด ๆ จะไม่แปลความเป็นการบังคับภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งให้ต้องขยายให้แก่คนชาติหรือบริษัทซึ่งภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายแรกอาจขยายให้โดยอาศัย
          () การก่อตั้งหรือการขยายสหภาพศุลกากร หรือเขตการค้าเสรี หรือเขตซึ่งใช้พิกัดภายนอกร่วมกันหรือสภาภาพทางการเงิน หรือสมาคมส่วนภูมิภาคเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ หรือ
          () การรับเอาความตกลงซึ่งมุ่งหมายที่จะนำไปสู่การก่อตั้ง  หรือการขยายสหภาพหรือเขตเช่นว่านี้ภายในระยะเวลาอันสมควร หรือ
          () ข้อตกลงใด ๆ กับประเทศที่สาม  หนึ่งหรือหลายประเทศซึ่งที่อยู่ในภูมิภาคทางภูมิศาสตร์เดียวกันซึ่งมุ่งหมายที่จะส่งเสริมความร่วมมือส่วนภูมิภาคในด้านเศรษฐกิจ สังคม แรงงานอุตสาหกรรม หรือการเงิน  ภายในกรอบของโครงการจำเพาะต่าง ๆ หรือ
          () การให้สถานภาพเป็น บุคคลผู้ได้รับการส่งเสริมแก่บุคคลหรือบริษัทใดโดยเฉพาะตามกฎหมายของประเทศไทยหรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือ    
          () ความตกลงหรือข้อตกลงระหว่างประเทศหรือกฎหมายภายในใด ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตลอดหรือในประการสำคัญกับการเก็บภาษีอากร
ข้อ 6
        1.() ในกรณีใด ๆ การลงทุนของคนชาติหรือบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งอยู่ในบังคับแห่งมาตรการเกี่ยวกับการเวนคืนใด ๆ จะโดยตรงหรือโดยทางอ้อม คนชาติหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องจะได้รับผลปฏิบัติที่เป็นธรรมและเที่ยงธรรมเท่าที่เกี่ยวกับมาตรการใด ๆ เช่นว่านั้นในอาณาเขตของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ห้ามมิให้ดำเนินมาตรการเช่นว่านั้น เว้นแต่เพื่อความมุ่งประสงค์สาธารณะและโดยมีการจ่ายเงินค่าทดแทนเช่นว่านี้จะต้องเพียงพอ จะต้องบังเกิดผลอย่าง แท้จริง   จะต้องจ่ายให้โดยมิชักช้า และในบังคับแห่งบทบัญญัติในวรรค (2) ของข้อ 7  จะต้องโดยได้โดยเสรี
            () เงื่อนไขอันชอบด้วยกฎหมายในการเวนคืนใด ๆ และจำนวนเงินและวิธีจ่ายเงินทดแทนจะต้องอยู่ในบังคับแห่งการตรวจสอบโดยกระบวนการที่ถูกต้องของกฎหมาย
         2. ในกรณีที่ภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งเวนคืนสินทรัพย์ของบริษัทหนึ่ง ๆ ซึ่งได้จัดตั้งเป็นนิติบุคคลหรือได้ตั้งขึ้นตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในส่วนใด ๆ ของอาณาเขตของตนและซึ่งคนชาติหรือบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าของหุ้นอยู่ในบริษัทนั้น ตนจะต้องประกันว่าจะบทบัญญัติในวรรคหนึ่งของข้อนี้ ในขอบเขตที่จำเป็นเพื่อให้มีการจ่ายค่าทดแทนตามที่ระบุไว้ใน  ข้อนั้นแก่คนชาติหรือบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของหุ้นนั้น
        3. ในกรณีที่การลงทุนของคนชาติหรือบริษัทของ ภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งได้รับความวินาศในอาณาเขตของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง เนื่องจากสงครามหรือการขัดกันทางอาวุธอย่างอื่น การปฏิวัติ สถานะฉุกเฉินของชาติ การจลาจล  การกบฎหรือการก่อความวุ่นวายในอาณาเขตของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง คนชาติหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องจะได้รับผลปฏิบัติเกี่ยวกับการคืนการชดใช้ค่าทดแทน หรือการระงับปัญหาอย่างอื่น อย่างเป็นการอนุเคราะห์ไม่น้อยกว่าที่คนชาติหรือบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งหรือคนชาติหรือบริษัทของรัฐที่สามใด ๆ ควรจะได้รับในพฤติการณ์อย่างเดียวกัน
        4. โดยไม่เป็นการเสื่อมเสียแก่บทบัญญัติข้างต้นของข้อนี้ คนชาติ หรือบริษัทของภาคี   ผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะได้รับผลปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อนี้ในอาณาเขตของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งที่เป็นการอนุเคราะห์ไม่ด้อยกว่าที่ได้ประสาทให้แก่คนชาติ และบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งหรือบริษัทของรัฐที่สามใด ๆ
ข้อ 7
       1. ภาคีผู้ทำสัญญาแต่ละฝ่าย ในอาณาเขตซึ่งได้มีการลงทุนโดยคนชาติและบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งจะประสาทให้แก่คนชาติหรือบริษัท ภายหลังที่ปฏิบัติตามพันธะกรณีทางภาษีอากรแล้ว ซึ่งการโอนโดยเสรีใน
              . เงินปันผล  กำไร  และเงินได้อื่น ๆ
              . ค่าธรรมเนียมจากสิทธิต่าง ๆ
              . เงินชำระคืนเงินกู้เป็นงวด ๆ
              . การชำระบัญชีบางส่วนหรือทั้งหมดของการลงทุน
              . ค่าตอบแทนที่จ่ายตามข้อ 6
              . รายได้ปกติของคนชาติของ ภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่งที่เกี่ยวกับการลง- ทุนในอาณาเขตของภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายแรก
                การโอนใด ๆ ภายใต้ความตกลงฉบับนี้ จะกระทำในเงินตราสกุลที่ได้โดยเสรีในอัตราแลก- เปลี่ยนของทางการที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอน
         2. ในกรณีที่มีการเงินค่าทดแทนเป็นจำนวนมากตามข้อ 6  ภาคีผู้ทำสัญญาที่เกี่ยวข้องการขอให้การโอนเงินค่าทดแทนนั้นกระทำเป็นงวด ๆ ตามสมควรก็ได้
ข้อ 8
         1. ถ้าภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือตัวแทนที่ภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายนั้นตั้งขึ้นได้จ่าย เงินให้แก่คนชาติหรือบริษัทหนึ่ง ๆ ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่คุ้มถึงการเสี่ยงภัยอันมิใช่ในทางพาณิชย์ซึ่งภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายนั้นได้ให้ไว้สำหรับการลงทุนใด ๆ หรือส่วนใด ๆ ของการลงทุนนั้น       ในอาณาเขตของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง  ภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหลังจะยอมรับ
           () การเวนสิทธิหรือข้อเรียกร้องใด   ไม่ว่าจะโดยกฎหมายหรือโดยธุรกรรมทางกฎหมาย ก็ตาม จากคนชาติหรือบริษัทเช่นว่านี้ให้แก่ภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายแรกหรือตัวแทนที่ภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายนั้นตั้งขึ้น และ
           () ภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายแรก หรือตัวแทนที่ภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายนั้นตั้ง ขึ้นมีสิทธิที่จะใช้สิทธิใด ๆ โดยอาศัยการรับช่วงสิทธิ และที่จะบังคับให้เป็นไปตาม ข้อเรียกร้องของ คนชาติหรือบริษัทเช่นว่านั้น
       2. ภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายแรกหรือตัวแทนที่ภาคี ผู้ทำสัญญาฝ่ายนั้นตั้งขึ้นมีสิทธิที่จะแสดงสิทธิ หรือข้อเรียกร้องใด ๆ ได้ ถ้ามีความปรารถนาเช่นนั้นในขอบเขตเช่นเดียวกับผู้ที่มีสิทธิอยู่ก่อนภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายนั้น
      3. ถ้าภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายแรกได้เงินจำนวนใดมาเป็นเงินตราที่ชอบด้วย
กฎหมายหรือเป็นสินเชื่อของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง โดยอาศัยการโอนสิทธิตามอนุวรรค () ของวรรค 1 ของข้อนี้ เงินและสินเชื่อเช่นว่านั้นจะต้องมีไว้ให้ภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายแรกได้ใช้ประโยชน์เพื่อความมุ่งประสงค์ที่จะใช้จ่ายในอาณาเขตของภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหลังโดยเสรี การโอนเงินและสินเชื่อภายนอกอาณาเขตจะต้องอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติของวรรค 2 ของข้อ 7
ข้อ 9
                ผลปฏิบัติอันเป็นการอนุเคราะห์ไม่ด้อยกว่าที่ได้ประสาทให้แก่คนชาติและบริษัทของรัฐที่สามใด ๆ ที่กล่าวถึงในความตกลงนี้จะต้องประสาทให้โดยไม่มีเงื่อนไขและโดยไม่ชักช้า แต่จะไม่แปลความเป็นการผูกพันภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งให้ต้องประสาทแก่คนชาติและบริษัทของภาคีผู้ทำสัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งคุณประโยชน์จากผลปฏิบัติ บุริมสิทธิ์ หรือเอกสิทธิ์ใด ๆ ซึ่งภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายแรกอาจให้โดยอาศัย
           () การก่อตั้งหรือการขยายสหภาพศุลกากร หรือเขตการค้าเสรีหรือเขตที่ใช้พิกัดภายนอกร่วมกันหรือสหภาพทางการเงิน หรือสมาคมส่วนภูมิภาคเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ หรือ
          () การรับเอาความตกลงซึ่งมุ่งหมายที่จะนำไปสู่การก่อตั้งหรือการขยายสหภาพหรือเขตเช่นว่านั้นภายในระยะเวลาอันสมควร หรือ
          () ข้อตกลงใด ๆ กับประเทศที่สาม  หรือหลายประเทศซึ่งอยู่ในภูมิภาคทางภูมิศาสตร์เดียวกันซึ่งมุ่งหมายที่จะส่งเสริมความร่วมมือส่วนภูมิภาคในด้านเศรษฐกิจ สังคม  แรงงานอุตสาหกรรม หรือการเงิน ภายในกรอบของโครงการจำเพาะต่าง ๆ หรือ
          () การให้สถานะภาพเป็น บุคคลผู้ได้รับการส่งเสริมแก่บุคคลหรือบริษัทใดโดยเฉพาะตามกฎหมายของประเทศไทยว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือ
          () ความตกลงหรือข้อตกลงระหว่างประเทศ หรือกฎหมายภายในใด ๆ ซึ่งเกี่ยวกับการเก็บภาษีอากรทั้งหมดหรือเป็นส่วนใหญ่
ข้อ 10
       1. ถ้าเป็นไปได้ ข้อพิพาทระหว่างภาคีผู้ทำสัญญาเกี่ยวกับการตีความ  หรือการใช้ความตกลงนี้ให้ระงับลงโดยการปรึกษาหารือ หรือการเจรจา
      2. ถ้าข้อพิพาทระหว่างภาคีผู้ทำสัญญาทั้งสองฝ่ายไม่อาจระงับลงได้ภายใน
เวลา 6 เดือน เมื่อภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดร้องขอจะต้องเสนอข้อพิพาทนั้นไปยังคณะอนุญาโตตุลาการ
      3. คณะอนุญาโตตุลาการเช่นว่านั้นจะได้ตั้งขึ้นในเฉพาะแต่ละกรณีหนึ่ง ๆ ดังต่อไป นี้
           () ภาคีผู้ทำสัญญาแต่ละฝ่ายจะแต่งตั้งสมาชิกฝ่ายละหนึ่งคน  และสมาชิกทั้งสองนี้จะตกลงลงกันให้คนชาติของรัฐที่สามซึ่งได้รับความเห็นชอบโดยภาคีผู้ทำสัญญาทั้งสองฝ่ายให้เป็นประธานคณะอนุญาโตตุลาการ
           () สมาชิกดังกล่าวทั้งสองจะได้รับแต่งตั้งภายในสามเดือนและประธานภายในสี่เดือนนับแต่วันที่ภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งภายใดจะได้แจ้งภาคีผู้สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งทราบว่าตนประสงค์ที่จะเสนอข้อพิพาทนั้นไปยังคณะอนุญาโตตุลาการ
      4. ถ้ายังไม่มีการแต่งตั้งที่จะเป็นภายในกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในวรรค 3 ของข้อนี้ ภาคี   ผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจเชิญประธานศาลยุติธรรมระหว่างประเทศให้ทำการแต่งตั้งที่จะเป็นนั้นได้ในเมื่อไม่มีข้อตกลงอื่นใดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่  ถ้าประธานฯ เป็นคนของชาติของภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวได้ ให้เชิญรองประธานทำการแต่งตั้งที่จำเป็นต่อไป ถ้ารองประธานฯ เป็นคนชาติของภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวได้อีกก็ให้เชิญสมาชิกศาลยุติธรรมระหว่างประเทศผู้มีอาวุโสในลำดับถัดไป  ซึ่งมิได้เป็นคนชาติของภาคีผู้สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำการแต่งตั้งที่จำเป็นนั้น
       5. () คณะอนุญาโตตุลาการจะทำการชี้ขาดก็โดยอาศัยคะแนนเสียงข้างมาก การชี้ขาดเช่นนั้นจะเป็นข้อผูกพันแก่ภาคีทั้งสองฝ่าย
           () ในบังคับแห่งอำนาจของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่จะวางข้อบังคับเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายให้แตกต่างไปจากนี้  ค่าใช้จ่ายสำหรับสมาชิกและคณะอนุญาโตตุลาการและสำหรับการเข้าร่วมในกระบวนพิจารณาทางอนุญาตโตตุลาการให้ภาคีคู่ทำสัญญาทั้งสองฝ่ายเป็นรับภาระและค่าใช้จ่ายสำหรับประธารและค่าใช้จ่ายใด  ส่วนที่เหลือให้ภาคีผู้ทำสัญญาทั้งสองฝ่ายเป็นผู้รับภาระในส่วนที่เท่ากัน
            ()ในการทั้งปวงที่นอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในวรรค () และ ()  ของวรรคนี้ คณะอนุญาตโตตุลาการจะกำหนดวิธีพิจารณาของตนเอง
ข้อ 11
                ความตกลงนี้จะได้รับการให้สัตยาบันและให้มีการแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารกันโดยเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้  ความตกลงจะเริ่มใช้บังคับเมื่อครบสามสิบวันจากวันแลกเปลี่ยนสัตยาบันสาร และ   ยังใช้บังคับต่อไปโดยไม่มีกำหนด ภายใต้สิทธิของภาคีผู้ทำสัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่จะเลิกความตกลง ได้โดยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้ภาคีอีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 12 เดือน การแจ้ง   ดังกล่าวอาจกระทำในเวลาใดก็ได้หลังจากสิ้นปีที่เก้าแล้ว อย่างไรก็ตาม บทบัญญัติของความตกลงจะคงมีผลบังคับแก่การลงทุนนั้นต่อไปเป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่เลิกความตกลง
                เพื่อเป็นพยานแก่การนี้ ผู้มีนามข้างท้ายซึ่งได้รับมอบอำนาจโดยถูกต้องจากรัฐบาลของตนตามลำดับได้ลงนามความตกลงนี้
                ทำคู่กันเป็น 2 ฉบับ ที่กรุงเทพฯ วันที่ 22 เดือนมีนาคม พุทธศักราชสองพันห้าร้อยสามสิบสาม เป็นภาษาไทย ลาว และอังกฤษ ตัวบททั้งสามฉบับใช้เป็นหลักฐานได้เท่าเทียมกัน ในกรณีมีความแตกต่างกันในการตีความ ให้ใช้ฉบับภาษาอังกฤษบังคับ

 

หมายเลขบันทึก: 43489เขียนเมื่อ 8 สิงหาคม 2006 21:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 09:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
อยากไปเที่ยวจังเลย ที่ลาว
อันนี้ก้อต้องบอกพี่บุญมีให้เป็นคนนำทางให้นะค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท