กระแส KM ยังคงแรงต่อเนื่อง ไม่แพ้ R2R เพราะเป็นเครื่องมือในการสร้างความรู้ในการพัฒนางานให้ได้ผลดี และเป็นกระบวนการเรียนรู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข คนทำก็มีความสุข คนมาร่วมแลกเปลี่ยนก็มีความสุข สุขที่ได้มาแบ่งปันความรู้ ช่วยกันควักเอาความรู้เชิงปฏิบัติมาแลกเปลี่ยนกัน แล้วกลับนำไปปฏิบัติพัฒนาต่อยอดไป ความรู้จึงสั่งสมเพิ่มพูนไปไม่มีที่สุดสิ้น
..........................................................
วันนี้อากาศสดใส (๕ เมษายน ๒๕๕๔) หลังก่อนหน้านี้ที่ฝนเทลงมาท่ามกลางฤดูร้อนที่น่าจะร้อนตับแตก กลายเป็นหนาวฉับพลัน แต่ในห้องประชุมรวมใจ โรงพยาบาลเวียงสา กลับอบอุ่นไปด้วยรอยยิ้มมิตรภาพและความรักของทีมแกนนำของรพ.ที่ตั้งใจพากันมาเรียนรู้เรื่อง KM โดยการสนับสนุนของคุณเอื้อ(Chief Knowledge Officer-CKO) คือ นพ.สุรเดช บุณยเวทย์ ผู้อำนวยการรพ. และการประสานการจัดกระบวนการเรียนรู้ของคุณอำนวย (Knowledge Facillitator-KF) คือ คุณอรพรรณ คุณเวนิกา และคุณคิม ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการชักชวนคุณกิจ (Knowledge Practitioner-KP) ทั้งหลายซึ่งเป็นระดับแกนนำในรพ.มาเรียนรู้เรื่อง KM ด้วยกัน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่อง KM ไปในทิศทางเดียวกัน ในการที่จะนำมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนางานของตนเองให้ดีขึ้น
..................................................................
ผมได้ชักชวนคุณมาโนชญ์ ชายครอง กลุ่มงานประกันสุขภาพ สสจ.น่าน ไปร่วมแบ่งปันความรู้ร่วมกันกับทีมรพ.เวียงสา กระบวนการจัดในห้องประชุมที่ปรับสภาพจากที่เคยมีโต๊ะและเก้าอี้มาเป็นนั่งพื้น(เสียดายไม่มีเบาะนั่ง แต่ทีมคุณอำนวยก็หาผ้าปูเตียงมาปูพื้นให้พอสบายขึ้นบ้าง บางท่านที่ไม่สะดวกนั่งพื้นก็นั่งบนเก้าอี้) เป็นการทำให้บรรยากาศการเรียนรู้แบบสบายๆ ไม่เน้นวิชาการมากนัก แต่เน้นการเล่าสู่กันฟัง และได้ลองปฏิบัติสกัดความรู้ร่วมกัน
กระบวนการเริ่มต้นด้วยการเปิดของคุณเอื้อ นพ.สุรเดช ที่เริ่มต้นด้วยความหวังในการพัฒนาบุคลากรของรพ.ให้เป็นคนที่ใฝ่เรียนรู้ที่จะนำพาองค์กรไปสู่องค์กรการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ ท่านได้ยกนำเอาพระราชดำรัสของพระสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ความว่า “True success is not in the learning, but in its application to the benefit of mankind”
ผมเริ่มกระบวนการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมอุ่นเครื่องเล็กๆ พอให้ผ่อนคลายและเป็นกันเอง แล้วชักชวนทุกคนดูวีดิทัศน์ “Massages from Water” ของ ดร.มาซารุ อิโมโต แล้วชักชวนทุกคนได้นั่งสมาธิภาวนาเป็นการปลุกการตื่นรู้ให้เกิดขึ้นภายในใจตน แล้วจึงเริ่มชักชวนให้เห็นว่า “ความรู้คืออะไร อยู่ที่ไหน ทำไมต้องจัดการความรู้ ทำแล้วได้อะไร แล้วจะจัดการอย่างไร” ด้วยการให้ทุกคนได้ดูโฆษณาชุด “ชุมชนเป็นสุข” แล้วให้สะท้อนว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากโฆษณาชุดนี้ หลังจากนั้นผมจึงชี้ให้เห็นว่าหัวใจที่เป็นพื้นที่ฐานสำคัญของการจัดการความรู้ คือ การจัดการความรักก่อนจัดการความรู้ รักที่จะเรียนรู้ มีใจแบ่งปัน มีมิตรภาพที่ดี ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ความรู้เมื่อมาแลกกัน ๑+๑ จึงเป็นพลังทีวีคูณที่ได้มากกว่า ๒ เกิดการพัฒนาต่อยอดกลายเป็นนวัตกรรม (Inovation) การเรียนรู้ที่ไม่มีสิ้นสุด และที่สำคัญการจัดการความรู้ต้องการบรรยากาศของคนที่คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี และสร้างบรรยากาศที่ดี เป็นเครือข่ายพลังบวก(Positive Thinking)
แล้วชี้ให้เห็นว่าความรู้นั้นมี ๒ ประเภท คือ ความรู้ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) และความรู้ฝังลึก (Tacit Knowledge) เรื่อยไปจนถึงการจัดการความรู้ในแต่ละประเภท วงจรความรู้ SECI Model ของ Nonaka & Takeuchi กูรู KM เรื่อยมาจนถึง Model ปลาทูตามแบบฉบับของสคส.และบทบาทของคุณเอื้อ คุณอำนวย คุณกิจ และคุณลิขิต
...........................................................
หลังจากนั้นผมเบรกการเล่าเรื่องการจัดการความรู้ไว้ ให้ทุกคนลุกขึ้นยืนแล้วไปจับคู่กับคนที่เราอยากจะคุยด้วย แล้วให้ยกฝ่ามือมาประกบกันส่งความรักให้กันและกันผ่านฝ่ามือแล้วหลับตาลง พาคู่เดินหมุนไปตามเสียงเพลง “พรหมลิขิต” จนเพลงจบลงก็ให้นั่งลงพร้อมเพิ่มจากหนึ่งคู่เป็น ๓ คู่ นั่งล้อมวงกันเป็นวงกลม
คุณมาโนชญ์ ชวนให้ทุกคนลองใช้กระบวนการสุนทรียสนทนา ให้ทุกคนเล่า “วิธีการ/เทคนิคการสร้างความสุขของตนเอง” เป็นการเล่าความรู้เชิงปฏิบัติที่แต่ละคนทำแล้วได้ผลดีจึงนำมาเล่าให้เพื่อนในกลุ่มฟัง (ผมสังเกตว่าบางคนอาจไม่คุ้นเคยกับกระบวนการแบบนี้ มีการพูดแทรกและแซวบ้าง นี่เป็นธรรมดา การฝึกฟังอย่างลึกซึ้งเป็นศิลปะที่ต้องอาศัยการฝึกฝน) หลังจบกระบวนผมได้สรุปปิดท้ายว่าวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้(Community of Practices-CoP) ที่ดีเป็นอย่างไร และข้ออ่อนที่มักพบในการจัดเวทีลป.รร.นี้เป็นอย่างไรบ้างจากประสบการณ์ที่ผ่านมา แล้วปิดท้ายด้วยการฉายวีดิทัศน์ “๓ เทคนิคการนำความสุขมากระแทกตัว” ของคุณภาวุธ พงษ์วิทยภาณ ที่พูดในงาน Ignite Thailand ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทานอาหารกลางวันกันตามอัธยาศัย (หลายคนบอกว่าเสียดายน่าจะชักชวนให้ทุกคนห่อข้าวมากินร่วมกัน จะได้บรรยากาศและมิตรภาพที่ดีเพิ่มขึ้น)
...........................................................
ช่วงบ่ายได้คุณสุจินดา สุภาพ คุณกิจคนสำคัญในคลินิกยาเสพติดและสุขภาพจิต มาช่วยกันร้องเพลง“ใบไม้ต้นเดียวกัน”ประกอบท่าทาง ซึ่งเป็นบทเพลงของหมู่บ้านพลัม พอให้รู้สึกตื่นรู้และกระปรี้กระเปล่าขึ้นมา
แล้วผมเริ่มเล่าเรื่อง Digital KM ที่จะเป็นพลังจาก CoP ให้ขยายออกไปในวงกว้าง แล้วชักชวนให้ดูตัวอย่างการจัดการความรู้โรงพยาบาลบ้านตากด้วยการฉายวีดิทัศน์ หลังดูเสร็จ คุณมาโนชญ์ ได้ชักชวนให้แบ่งกลุ่มย่อย ถอดบทเรียนจากวีดิทัศน์ว่า “รพ.บ้านตากมีกระบวนการจัดการความรู้อย่างไร” หลังจากนั้นก็ให้คิดต่อว่า “แล้วเราจะจัดการความรู้ในรพ.ของเราอย่างไร” แล้วนำเสนอแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน มีแนวปฏิบัติที่เกิดจากแรงขับภายในของทุกๆ คนที่อยากจะนำเอา KM มาเป็นเครื่องมือในการพัฒนางานและองค์กร เป็นความกระสันที่เกิดจากภายในของคุณอำนวยและคุณกิจทั้งหลาย มีแนวทางที่อยากทำร่วมกันหลากหลายประเด็น แต่สำคัญคือเริ่มจากตัวเอง จากหน่วยงานตนเอง แล้วค่อยขยายไป หลังจากจุดเชื้อไฟให้เกิดขึ้นในใจแล้ว คงเหลือแต่ว่าจะช่วยให้ไฟนี้ลุกโชนขึ้นโดยไม่มอดดับได้อย่างไร เป็นสิ่งที่ต้องติดตามและกระตุ้นกันต่อไป
..........................................................
ช่วงท้ายผมได้ชักชวนให้ทุกคนได้ร่วม AAR(After Action Review) แบบง่ายๆ แล้วปิดท้ายด้วยการฉายวีดิทัศน์ “บทเพลงความสุขและการแบ่งปัน” ของดร.อาบทิพย์ ธีรวงศ์กิจ เป็นการปิดท้ายการเรียนรู้ที่มีความสุขสำหรับผมวันหนึ่งเลยทีเดียว
........................................................
คุณหมอสุรเดช ได้มาปิดกระบวนการเรียนรู้ในวันนี้ด้วยความหวังเช่นกันตอนหนึ่งว่า “....วันนี้ทุกคนมีความรู้และทักษะเพิ่มขึ้นแล้ว เหลือเพียงแต่ว่าจะนำความรู้ทักษะนี้ไปลงมือปฏิบัติการจริงอย่างไร อยู่ที่คุณอำนวยและคุณกิจทุกๆ คน ไม่ใช่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ผมพร้อมเอื้ออำนวยสนับสนุนการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ หวังว่าเราจะพากันนำพาองค์กรนี้ไปสู่องค์กรแห่งความสุขและเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง…..”
...........................................................
ผมได้ประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีในการจัดกระบวนการเรียนรู้เรื่อง KM ในวันนี้
ขอบคุณคุณเอื้อ คุณอำนวย และคุณกิจทั้งหลายที่ทำให้ผมมีเรื่องราวดีดีมาบันทึกอีกหน้าหนึ่งของการเรียนรู้
ขอบคุณมิตรภาพ รอยยิ้ม และพลังช่วยกันสรรค์สร้างสิ่งดีดีให้กับตนเองและองค์กร
ขอบคุณจริงๆ
.............................................................
พ่อน้องซอมพอ
วันหลังอยากไปร่วมด้วยจัง ทำไงดีค่ะ แจ้งด้วยค่ะ จะพักผ่อนไปเจ้า อยากพบบรรยากาศแบบนี้จริงๆๆๆๆ เวียงสา - แพร่ ใกล้แค่นี้เอง
ขอบคุณที่ได้แบ่งปันสิ่งดีๆ ขอเป็นกำลังใจ
ขอบคุณที่มีวันนี้...
ขอบคุณวิทยากร..พ่อน้องซอมพอ กับคนไม่หล่อแต่ล้นความสามารถอย่างคุณต่อ...จากสสจ.น่าน
เหลือแต่เวลา...ข้างหน้าที่พวกต้องก้าวต่อไป