ผมคงไม่ต้องแนะนำนักเขียนรางวัลซีไรต์ท่านนี้ คาดว่าทุกท่านน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว มากบ้างน้อยบ้างตามความสนใจ บางทีอาจจะมีผู้รู้จักครูมาลามากกว่าผมก็เป็นได้ ดังนั้นบันทึกนี้ผมจะเขียนเล่าถึงครูมาลา เฉพาะในด้านที่ผมเกี่ยวข้องด้วย
ผมจำไม่ได้แล้วว่ารู้จัก “มาลา คำจันทร์” ตั้งแต่เมื่อใด จำได้แต่เพียงว่ารู้จักจากการอ่าน “เจ้าจันท์ผมหอม” นานมาแล้ว ซึ่งเล่มนี้เป็นงานเขียนที่ได้รับการคัดเลือกให้ครูมาลาได้รับรางวัลซีไรต์เมื่อปี ๒๕๓๔
ผมได้พบครูมาลาตัวเป็น ๆ เมื่อสมัยที่ผมบวชเป็นพระ ช่วงที่เข้าไปช่วยงานในสถาบันโพธิยาลัย วัดสวนดอก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ไม่บอกก็คงรับรู้ได้ว่าผมตื่นเต้นเพียงใดกับการเจอนักเขียนรางวัลซีไรต์
พบกันคราวแรก ๆ ผมมิได้พูดคุยอะไรกับท่าน ผมว่าท่านจำผมในคราวนั้นไม่ได้ด้วยซ้ำไป
ที่ท่านมาเกี่ยวข้องกับงานในสถาบันโพธิยาลัย ด้วยมีพระรูปหนึ่งชักชวนท่านมา และผมเองก็เป็นหนึ่งในทีมงานของสถาบันฯ
ผมได้เริ่มพูดคุยกับท่านหลังจากได้พบท่านในราวครั้งที่สามที่สี่แล้ว จริง ๆ ก็อยากจะเข้าไปหาทักทายท่านอยู่เหมือนกัน แต่ก็เขินอายดุจดังหญิงสาวต้องใจชายหนุ่มรูปงาม
งานที่ครูมาลาเข้ามาช่วยในสถาบันฯ ในช่วงแรก ๆ มิได้เกี่ยวกับผมมากนัก กระทั่งผมได้เริ่มต้นเขียนหนังสือและรับผิดชอบเป็นบรรณาธิการจดหมายข่าวจุลสารโพธิยาลัย ผมก็เริ่มมีเรื่องราวที่จะคุยและปรึกษาท่านมากขึ้น
ในคราวแรกที่ผมเอื้อนเอ่ยให้ท่านให้คำแนะนำในการเขียนหนังสือ ท่านบอกเพียงว่า "ให้เขียนมาเลย" จำได้ว่างานแรกที่ผมส่งให้ท่านเป็นงานเขียนกึ่งนวนิยาย ที่ใช้ชีวิตตัวเองผสมกับชีวิตน้าชายซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์เป็นพล็อตเรื่อง แต่ด้วยความที่งานยุ่งวุ่นวานก็เขียนได้เพียงตอนเดียว
แต่ตอนเดียวที่ผมเขียนให้ครูช่วยดูนั้น ผมได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ และมีผลต่อพัฒนาการเขียนของผมมาก
หลังจากนั้นไม่นานนัก ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับสามเณรชื่อว่า “สามเณร : เด็กชายที่ชายขอบสังคมไทย” ท่านได้กรุณาอ่านให้อย่างละเอียด ให้คำแนะนำ และได้นำงานเขียนของผมชิ้นนั้นส่งให้กับวารสารรายสัปดาห์ “พลเมืองเหนือ” และได้ลงเป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ เหตุการณ์ในครั้งนั้นถือเป็นการแจ้งเกิดในฐานะ “นัก (อยาก) เขียน” ของผม และถือเป็นการจุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าได้ส่งผลมาจนถึงทุกวันนี้
จากนั้นผมก็เขียนงานให้ครูมาลาช่วยดูเป็นระยะ ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ทุกครั้ง พอจะเขียนหนังสือได้ มั่นใจที่จะเขียนก็เพราะท่านนี่แหละครับ...
หลังจากที่ผมผละออกมาจากสถาบันโพธิยาลัย ผมก็ถอยห่างออกไปจากครูมาลาด้วย กระทั่งเมื่อผมไปทำงานที่ศูนย์ส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษแห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์การมหาชนในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปีนั้นผมเป็นผู้ดูแลเรื่องการจัดค่ายส่งเสริมเด็กและเยาวชนที่มีความสามารถพิเศษทั่วประเทศ ค่ายหนึ่งที่ดำเนินการคือค่ายภาษาและวรรณกรรม ผมได้ขอให้ผู้จัดค่ายฯ ติดต่อและร้องขอให้ครูมาลา คำจันทร์ มาเป็นวิทยากรหลักของค่ายฯ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ ครูมาลา รับปากมาช่วยค่ายฯ ด้วยความเต็มใจ
ช่วงจัดค่ายฯ ผมใช้เวลาอยู่ที่ค่ายฯ ราวหนึ่งสัปดาห์และก็ได้อยู่ใกล้ชิดครูมาลาอีกคราวหนึ่ง แหะ แหะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสนั่งร่วมโต๊ะร่ำเมรับกับครู และในวงเมรัยผมได้คำสอนที่มีคุณค่ามากมายจากครู รวมทั้งรู้จักครูมากขึ้นอีกโข...
การจัดค่ายฯ ในครั้งนั้น ครูมาลาทุ่มเทมาก ท่านพักอยู่ในค่ายตลอดจนจบ มีเพียงวันหรือสองวันเท่านั้นที่ท่านกลับมาพักที่บ้าน
คราวนั้นเด็กและเยาวชนที่เข้าค่ายฯ เป็นนักเรียนที่คัดเลือกมา เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านภาษาและวรรณกรรม การได้สอนคนเก่งของครูจึงน่าจะเป็นความสุขใจประการหนึ่ง...
๓ ซีไรต์ในค่ายภาษาและวรรณกรรม
หลังสิ้นสุดค่ายฯ ก็ไม่ได้พบท่านอีก แต่ก็มีการโทรศัพท์คุยกับท่านบ้างเป็นระยะ กระทั่งเมื่อหลายวันก่อนผมเห็นท่านใน facebook ผมรีบขอแอดเป็นเพื่อน ท่านตอบรับมาหลังจากนั้นอีก ๒ วัน ท่านก็ตอบรับกลับมาว่า
ธัมโมสังโฆ นึกว่าไผ พ่อครูไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลใครทั้งสิ้น นึกชื่อออกก็รับๆๆๆ ยังรับไม่หมดเลย ลูกสาวแซวว่าวันเดียวมีคนขอเป็นเพื่อนพ่อพันกว่า เราก็ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร จนวันนี้ก็ยังดูื่อไม่หมด พี่หนานสบายดีนะ
ครูมาลา สนใจงานทำนุบำรุงพระศาสนาเป็นอันมาก เท่าที่ผมรู้จักท่าน ท่านทุ่มเทให้กับเรื่องนี้ไม่น้อย บางทีอาจจะมากกว่าการทุ่มเทเขียนหนังสือซึ่งเป็นงานหลักของท่านเสียอีก
ความทุ่มเทในการทำนุบำรุงพระศาสนา ปรากฏออกมาหลายรูปแบบ เช่น การคัดลอกปั๊บสาซึ่งเป็นพระธรรมคำสอนที่อยู่ในใบลานโบราณ การสอนธรรมผ่านการเรียนการสอนภาษาล้านนา (ตัวเมือง) การหาทุนสนับสนุนการศึกษาเล่าเรียนของพระภิกษุสามเณร เป็นต้น ผมเองก็มีส่วนร่วมในงานกุศลของท่านเป็นบางครั้งคราวเท่าที่โอกาสเอื้ออำนวย
เท่าที่ผมรู้จักครูมาลา ท่านเป็นคนปากคอหนักไม่ค่อยเอ่ยปากขอรับความช่วยเหลือจากใคร ยกเว้นลูกศิษย์ลูกหาที่ค่อนข้างสนิทสนม ผมคิดเอาเองว่าผมก็น่าจะเป็นคนกลุ่มนั้นท่านจึงยอมเอ่ยปาก
ล่าสุดท่านจะหาทุนสักก้อนหนึ่งสำหรับเป็นทุนการศึกษาให้กับสามเณรด้วยโอกาสที่วัดทุ่งโป่ง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน แน่นอนว่าผมต้องมีส่วนร่วมในการนี้ด้วย
ท้ายบันทึกนี้ผมขอชักชวนกัลยาณมิตรที่ต้องการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ด้วยการสนับสนุนการศึกษาสามเณร มาทำบุญร่วมกันนะครับ สนใจเงินโอนเงินเข้าบัญชีนี้นะครับ
ชื่อบัญชี จรรยา พุทธิรินโน เลขที่บัญชี 4550080183 ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อย กาดสวนแก้ว
พ่อครูมาลา คำจันทร์ กับ เฌวา
.