เสวนาจานส้มตำ ๑๒ : จากเด็กสาวใจแตก (เด็กสาวที่มีโอกาส) ที่ผ่านเรื่องราวมากมายในชีวิตถึง


ถ้าแบ่งเวลาและใช้ประโยชน์จากตรงนั้นเป็น ความรู้ที่ได้ จะเป็นสิ่งที่ผลักดันตัวเอง ได้ความรู้ แนวคิดดีๆ นำมาใช้กับตัวเองมากขึ้น
เสวนาจานส้มตำในตอนนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่หยิบบันทึกจากบล็อก อิสรชน เรื่อง
ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ ด้วยความเข้าใจกัน

การพยายามช่วยปลอบโยนความทุกข์ในใจของ "น้อย" แห่งตลาดโต้รุ่งกาฬสินธุ์ ที่มีปัญหาชีวิตหลายเรื่อง ซึ่งเธอเก็บมาคิดจนเครียด และดูเหมือนว่า ช่องทางหนึ่งที่จะช่วยเติมความเข้มแข็งในวันที่อ่อนแอของน้อยได้

คือการให้เธอได้ระบายความรู้สึกบางส่วนของเธอออกมานั่นเอง…..
แม้ว่านายบอนจะไม่รู้เลยว่า ปัญหาในใจของน้อยนั้น คืออะไรก็ตาม..

เลยหยิบบันทึกในบล็อกของอิสรชนเรื่องนี้ มาให้น้อย แสดงความคิดเห็นครับ

อิสรชน - "ไม่ ว่าเราหรือใครก็ตาม ก็ต้องเผชิญหน้า กับ ปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตมากมาย ทั้งปัญหาด้านการเรียน การทำงาน การคบมิตร และปัญหาต่าง ๆ  ที่ เกิดขึ้นมาแล้ว เราจะคิดที่จะกล้าที่จะต่อสู้ หรือว่าจะยอมแพ้ แต่ทุกอย่างมีทางแก้ไข ขอเพียงใช้เวลา และความเข้าใจกัน เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีค่ะ"

น้อย - "ปัญหาบางอย่าง แก้แล้วมันก็ยังวนกลับมาที่เดิม ไม่ว่าจะใช้เวลาแค่ไหน ดูเหมือนว่า จะไม่มีประโยชน์เลยนะ"        & nbsp;    

นายบอน - "แต่ก็ยังดีที่น้อยยังไม่ยอมแพ้ไปเลย วันนี้อาจจะแก้ไขไม่ตรงจุด แต่วันหน้าไม่แน่หรอก มันอาจจะง่ายมากก็ได้"

อิสรชน - "ก่อนอื่นขอพูดถึงสภาพปัญหาของเราทั้งสามเรื่องก่อนค่ะ   & nbsp;         
 เรื่อง แรก ในเรื่องการเรียน นั้น เราเองเป็นคนนึงที่เลือกเรียนตามเพื่อน ตอนนี้เรียนระบบสารสนเทศ อยู่ที่สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง เรารู้ตัวเองว่าเรียนไม่ไหว แต่ก็เกิดความท้อแท้ ที่ไม่คิดอยากที่จะเรียนที่นี่ต่อไปแล้ว จริงอยู่ วันที่ไปเรียน เราก็ไปเรียนนะ แต่ทว่า ไม่คิดที่จะตั้งใจเรียนเท่าที่ควร จนส่งผลกระทบไปถึง……"        & nbsp;    

น้อย - " ขนาดคนที่มีโอกาสได้เรียน ยังเกิดปัญหาเลย แล้วคนที่ไม่มีโอกาสแบบหนูล่ะ"

นายบอน -  !!!

อิสรชน - "เรื่องที่สอง Internet เรา เป็นคนนึงที่ติดอินเตอร์เน็ตมาก ๆ อยู่บ้านเราใช้เน็ตในการเล่นตอบกระทู้ของเว็บบอร์ดของที่นึง และความรู้ต่าง ๆ ที่เรามักจะใช้เว็บบางเว็บเล่นประจำ นอกเหนือจากเว็บอิสรชน วัน ๆ เรานั่งอยู่แต่หน้าจอคอม ไม่สนใจงานบ้านเลย มีบางครั้งติดเน็ตงอมแงม สี่ทุ่มก็แล้ว เที่ยงคืนก็แล้ว ไม่รู้จักพักผ่อน จนส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย ต้องไปนอนที่โรงพยาบาลเสียเงินไปค่อนข้างแพงทีเดียว"   & nbsp;        

น้อย -  "หนูคงไม่มีโอกาสที่จะเล่นเน็ตได้มากแบบนั้น ชั่วโมงละ 15 บาท บางวันเครื่องก็ไม่ว่าง มีแต่คนมาเล่นเกมส์ ไม่น่าเชื่อว่าการหาความรู้มีผลเสียทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลด้วย"

นายบอน -  "อะไรที่มันเกินขอบเขต เกินความพอดี ก็จะมีผลเสียแบบนี้แหละ เหมือนเวลาที่มีปัญหา ถ้าเครียดมากๆ คิดมากๆ ไม่รู้จักพักผ่อน ร่างกายอาจจะอ่อนเพลีย อาจจะต้องไปนอนโรงพยาบาลเสียเงินอีกหลายบาทก็ได้นะ"

น้อย - " เห็นเพื่อนไปนั่งเล่นเกมส์ทั้งวัน ไม่เห็นเป็นอะไรเลย แสดงว่า คนนั้นไม่แข็งแรงเท่าเพื่อนของหนูล่ะสิ"

นายบอน -  "ร้านเกมส์ปิดตอน 4 ทุ่ม เกมส์ที่เล่นกัน ก็จะต้องมีเพื่อนเล่นด้วยเพราะเป็นเกมส์เล่นผ่านเครือข่าย ถึงจะสนุก ถ้าไม่มีคนเล่นก็ไม่ได้เล่นหรอก เห็นเล่นกันตอนบ่ายถึงร้านปิด ก็แค่ครึ่งวัน ยังไงก็ไม่เป็นอะไรหรอก"


น้อย - " บางร้านก็แอบเปิดเกินเวลา บางคนก็อยู่ในร้านตั้งแต่เช้าถึงเย็น"

อิสรชน - "เรื่อง ที่สาม ปัญหาครอบครัว สำหรับครอบครัวเราแล้วนั้น ถ้าถามว่า ครอบครัวอบอุ่นดีไหม ขอบอกได้ว่า ทุกคนในบ้านอยู่กันพร้อมหน้า แต่ เราทุกคนไม่มีเวลาให้กัน คุณพ่อ คุณแม่และพี่ชาย ทำงานข้างนอกบ้านกันหมด ส่วนเราตอนนี้เรียนรอบค่ำ จะเจอหน้ากันพร้อมหน้า ก็แทบไม่มีเวลาสักเท่าไหร่ ไม่ค่อยมีเวลาที่จะพูดคุยกัน ดูเหมือนจะอบอุ่น แต่แล้วก็มีวันนึง ที่คุณแม่ และ พี่ชาย ของเรา ได้มาพูดคุยกับเรา ให้เรารู้จักการแบ่งเวลาให้เป็น ขยันเรียนให้มากขึ้น เพื่ออนาคตที่ดีในวันข้างหน้า ส่วนเรื่องอินเตอร์เน็ต เพลาลงเสีย ควรที่จะแบ่งเวลาให้กิจกรรมทางด้านอื่น ๆ อีกบ้าง ไม่ใช่วันๆ นึง นั่งอยู่แต่หน้าจอคอม จนไม่สนใจว่า คนที่บ้านเค้าต้องการให้เราช่วยเหลือการทำงานที่บ้านบ้าง"

น้อย -  " เค้ายังอยู่ที่บ้าน พร้อมหน้าพร้อมตากับคนในครอบครัว แต่หนูต้องอยู่กับแฟน(สามี) อยู่คนละบ้านกับพ่อแม่แล้วนะ"

นายบอน - "งั้นแสดงว่า น้อยมีความรับผิดชอบมากกว่าเด็กคนนั้นน่ะสิ เพราะน้อยทั้งทำงาน และเรียนด้วย น้อยก็ทำได้ทุกอย่าง แบ่งเวลาได้เองไม่ต้องให้ใครมาเตือนเหมือนเค้าคนนั้นเลย"

อิสรชน - "ครอบครัวแนะนำเรามา     เรื่อง เรียน ให้เรารู้จักรักเรียนให้มาก ๆ คุณพ่อ คุณแม่ ส่งเสียเงินให้เรามาเรียน หาความรู้ เพื่อที่จะไปใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคต ให้เราสู้ที่จะเผชิญหน้ากับความยากของการเรียน ไม่มีอะไรที่ยากเกินความสามารถ หากใครสบประมาทเรา เราควรที่จะขยันเรียนมากขึ้น สู้ต่อไป เพื่อลบคำสบประมาทต่าง ๆ ไปให้ได้…"

น้อย -  "ดีจัง ที่เค้าสามารถทุ่มเทให้กับการเรียนได้อย่างเต็มที่ แต่หนูต้องทำงานด้วย ไม่มีใครคอยมาให้คำแนะนำ ให้กำลังใจ ให้ข้อคิดแบบนี้มั่งเลย กับแฟนก็ไม่ค่อยจะได้คุยกันมากนัก เหมือนหนูอยู่ตัวคนเดียวในบ้านเลยนะ"

นายบอน - "ขนาดเค้าเรียนอย่างเดียว ยังไม่รู้จักแบ่งเวลาเลย แต่น้อยสามารถทำได้ทั้งสองอย่าง และยังอยากที่จะเรียนสูงๆ เพื่ออนาคตข้างหน้าอีก อย่างน้อยตอนนี้ก็คิดเองได้แล้ว ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถหรอกนะ"

อิสรชน - "..เมื่อใดก็ตาม ที่เราได้สำเร็จการศึกษา อาจใช้เวลาอีกประมาณสัก 2 - 3 ปีหน้าก็ตาม เมื่อใดที่เราบอกคุณพ่อ คุณแม่ว่า "พรุ่งนี้ หนูรับปริญญาแล้วน่ะ ไปร่วมงานนี้ด้วยกันกับหนูน่ะค่ะ" สำหรับ เรื่องนี้ คงเป็นความภาคภูมิใจที่ทุกคนในบ้าน รอคอยความสำเร็จทางด้านการศึกษาของเราอยู่ เราจะตั้งใจ หรือ จะทำลายความหวังของพ่อแม่ ไปได้อย่างไร.."

น้อย - " หนูยังไม่เคยพาพ่อแม่มางานรับใบประกาศ (ปวช) เลย ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นรึเปล่า วันที่หนูจะบอกแม่ว่า พรุ่งนี้หนูรับปริญญาแล้วนะ…"
นายบอน -  "เดี๋ยวก็จบ ปวส. แล้ว ค่อยเรียนต่อปริญญาละกัน "


อิสรชน - " เรื่อง อินเตอร์เน็ต ให้เรารู้จักการแบ่งเวลา เวลาไหนควรทำอะไร แบ่งเวลาให้กับการทำงานที่บ้านบ้าง  เน็ตเล่นเข้าไปจริงอยู่ สาระความรู้มากมายที่นี่ ก็มี หากเราใช้เน็ตในสิ่งที่ถูกและควร และการตอบกระทู้ของเราในบอร์ดที่เราเล่นประจำ มันไม่ได้สร้างชีวิตให้เราดีขึ้นเลย เป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ "

น้อย -  "เห็นใน gotoknow หลายคนเค้าจะตอบข้อคิดเห็นบ่อยมากๆ ดูเวลาที่เค้าตอบ แทบจะทุกชั่วโมงเลย มันเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์รึเปล่า ในเมื่ออยู่หน้าจอตลอดทั้งวันแบบนั้นน่ะ เค้าไม่มีอะไรต้องไปทำเลยเหรอ ช่วยงานบ้านคนที่บ้านบ้างหรือเปล่า "

นายบอน -  "เค้าแบ่งเวลาได้ลงตัว หลายคนก็ทำงานในห้องทำงาน และเปิดคอมพิวเตอร์ไปด้วย ช่วงว่างๆแป๊บนึงก็หันมาดูหน้าจอ เปิดอ่าน พิมพ์ตอบนิดหน่อย แล้วก็ลุกไปทำงานต่อ บางคนก็เป็นแบบนี้ทั้งวัน บางคนก็กำลังเรียนหนังสือ มีเวลาว่างมากๆ สามารถพิมพ์ข้อคิดเห็นได้อย่างที่ว่ามานั่นแหละ"

น้อย -  "แล้วมีคนคอยเตือนเค้าไหมว่าควรจะไปทำอย่างอื่นบ้าง นั่งอยู่แต่หน้าจอคอม จนไม่สนใจว่า คนอื่นเค้าต้องการให้เราช่วยเหลือการงานบ้านบ้าง หรืออยากจะพูดคุยด้วย แต่เค้าคุยกับคอมมากกว่า"

นายบอน - "อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน ต้องไปถามเค้าเอง "

อิสรชน - " เรื่องที่สาม สำหรับปัญหาครอบครัวที่มีอยู่ตอนนี้ หากเราทุกคนในครอบครัว คอยปรึกษากัน ด้วยถ้อยคำที่อิงเหตุผล ข้อเท็จจริง พูดด้วยถ้อยคำที่สุขุม ไม่ใช่การกล่าวโทษว่าใครผิด หรือกล่าวด้วยวาจาที่ไม่สมควรนั้น เราและครอบครัว ก็จะคุยกันรู้เรื่อง นำข้อมูล ข้อเท็จจริง มาประยุกต์ใช้ และแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ ยังไม่สายที่จะลงมือทำ คิดได้ ทำได้ "

น้อย - "คนในครอบครัวหนูน่ะเหรอ จะคุยรู้เรื่องรึเปล่ายังไม่รู้เลย"

นายบอน -  "แล้วมาแต่งงานกันได้ยังไง"

น้อย - " แต่ก่อนเค้าเอาใจใส่หนูมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้น"

นายบอน - "แต่เค้าก็ยังอยู่กับน้อยนะ ยังไม่ได้ทิ้งน้อยไปอยู่ที่อื่นเลย แล้วเคยคุยกับเค้าดีๆ ด้วยถ้อยคำที่สุขุม หรือเปล่าล่ะ จะได้คุยกันรู้เรื่องขึ้นมาบ้าง"

น้อย  -  "จะลองพยายามดูค่ะ ไม่รู้ว่า จะเป็นอย่างนั้นรึเปล่านะ"

อิสรชน - "แต่ ถ้าเราคิดที่จะทำในสิ่งที่ดีแล้ว แต่เราคิดอย่างเดียว ไม่ทำอะไรเลยสักอย่าง ถามว่า แล้วมันจะสำเร็จลงไหม แน่นอนตอบได้เลยว่า มันไม่สำเร็จ"

นายบอน - "เห็นมั้ย อย่าคิดอย่างเดียวนะ ลงมือทำด้วย"

อิสรชน - "แต่ ถ้าเราคิดที่จะทำ คิดในสิ่งที่ดี ทำในสิ่งที่ดี พูดในสิ่งที่ดี และที่สำคัญ ไม่ทำให้ตน และผู้อื่นเดือดร้อน ก็ทำไปเสีย เวลาไม่คอยใครหรอกน่ะ สำหรับเราตอนนี้ เราเกิดกำลังใจ คิดและหาคำตอบให้ชีวิต เราปรารถนาให้ชีวิตของเรามีความสุข เรียนให้จบ และหางานการที่ดีทำ เพื่อเป็นกำลังใจให้พ่อแม่ ทำสิ่งใดเพื่อตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ และผู้มีพระคุณ เป็นสิ่งที่ควรที่จะทำเป็นอย่างยิ่ง "

นายบอน -  "แล้วตอนนี้ น้อยกำลังจะหาคำตอบอะไรให้ชีวิตบ้าง"

น้อย-  " อยากให้วันพรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้ "

นายบอน -  "ถ้าหากว่า น้อยเป็นสาวใจแตกคนที่เขียนบันทึกนี้ น้อยจะทำยังไง"

น้อย - " โอกาสไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมีได้ง่ายๆ น้อยจะใช้โอกาสที่มีไขว่คว้าสิ่งดีๆให้มากที่สุด  ไม่อยากจะเชื่อว่า คนเราจะเสียโอกาสเพราะติดเนต อยู่หน้าจอมากมายถึงขนาดนี้ จนหนีออกจากสังคม อยู่กับหน้าจออย่างเดียว"

นายบอน -  "ถ้าแบ่งเวลาและใช้ประโยชน์จากตรงนั้นเป็น ความรู้ที่ได้ จะเป็นสิ่งที่ผลักดันตัวเอง ได้ความรู้ แนวคิดดีๆ นำมาใช้กับตัวเองมากขึ้น น้อยเข้ามาอ่าน gotoknow แค่ไม่กี่สัปดาห์ ความคิดเปลี่ยนไปตั้งเยอะ"

น้อย - "ได้อ่านเรื่องราวดีๆเยอะเลย บางเรื่องอ่านแล้ว รู้สึกว่า เรายังดีกว่าเค้าตั้งเยอะ"

นายบอน - " อย่างบันทึกที่หยิบมาคุยกันนี้ เค้ายังกลับตัวกลับใจได้เลย ตอนนี้แต่งงานแล้ว มีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขได้  ทั้งๆที่มีพร้อมทุกอย่าง อนาคตสวยหรู แต่ก็เกือบจะหมดอนาคตไปเหมือนกัน เพราะความไม่รู้ตัวของเค้านี่เอง  ตอนนี้เค้าก็ยังแก้ตัวได้ใหม่ แล้วน้อยล่ะ ตอนนี้รู้อะไรมากกว่าเค้าซะอีก…"


...
และนี่คือเสวนาจานส้มตำครับ ..
จากตอนแรกที่มาคุยด้วย หน้าแดงก่ำ ทำท่าเหมือนคนเบื่อโลก
ถึงตอนนี้ มีรอยยิ้มแทนคำตอบ และสายตาที่มีความมุ่งมั่นเพิ่มขึ้น….....




หมายเลขบันทึก: 43374เขียนเมื่อ 8 สิงหาคม 2006 12:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 12:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท