beeman 吴联乐
นาย สมลักษณ์ (ลักษณวงศ์) วงศ์สมาโนดน์

เรื่องเล่า "วิชาชีวิต"<๑๑> เปิดกรุแสตมป์


   เมื่อ 3-4 วันก่อน ไปเที่ยวงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ แวะไปที่บูธของ ปณท (บริษัทไปรษณีย์ไทย) เสียเงินไป

  1. 4,200 บาท เป็นค่าแสตมป์และสิ่งจำหน่ายร่วมคือสมุดตราไปรษณียากรประจำปี 2539+2551+2552)
  2. 1,800 บาท (เป็นค่าเพิ่มเงินบัญชีเงินฝากและสมัครวารสารตราไปรษณียากร)
  3. 759 บาท (เป็นค่าสมุดตราไปรษณียากรปี 2553)

   รวมแล้วเสียเงินไป 6,759 บาท เฉพาะส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับแสตมป์และสิ่งจำหน่ายร่วม..ได้ของแถมเป็นวารสารตราไปรษณียากร 2 ปี คือ ปี 2552 และ 2553 มาอ่านหาความรู้

   ก่อนหน้านี้ 3 ปี คิดว่าจะเลิกสะสมแสตมป์เพราะว่ายังไม่เห็นผู้ใดจะมาสืบทอดงานสะสมต่อ แต่พอมาที่บูธไปรษณีย์ก็อดหลงเสน่ห์ไม่ได้...

   พอได้มาอ่านหนังสือวารสาร ได้อ่านมุมมองต่างๆ ไปได้ 2-3 เล่ม เหมือนเป็นการเคาะสนิมออก เพราะมีแสตมป์ที่ยังไม่ได้จัดเรียงอยู่อีกถึง 5 ปี เมื่อลองดูราคาแสตมป์ที่ลงวารสารไว้ เห็นราคาสูงขึ้นมาก เพราะเวลาผ่านไปกว่า 30 ปี แล้ว นับแต่เริ่มสะสมอย่างจริงจังเมื่อตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ ๒ 

   ผมมีแสตมป์ที่รับช่วงมาจากพวกพี่ๆ ลองเปิดดูราคา ชุดหนึ่งก็ขึ้นหลักพันทั้งนั้น..ดวงที่แพงที่สุดในราคาดวงเดียวคือ แสตมป์ชุดแรกราคาเฟื้องหนึ่ง ราคาดวงละ 6 หมื่นบาท และแสตมป์ชุดที่ราคาแพงที่สุดชุดละ 4 แสน คือ ฤชากร (ที่กล่าวมานั้นผมไม่มี..อิอิ)

   พอเปิดคู่มือสะสมแสตมป์ เพื่อจัดเรียงหัวข้อการสะสม เช่น แสตมป์ชุดวันเด็ก, แสตมป์ชุดวันสหประชาชาติ, แสตมป์ชุดอนุรักษ์มรดกไทย, แสตมป์ชุดดอกไม้ปีใหม่... รวมทั้งแสตมป์ชุดชั่วคราวตัวแก้ต่างๆ

   เปิดไปพบ แสตมป์ชุด 100 ปี กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร พบแสตมป์ที่มีการพิมพ์ผิดพลาด ดังภาพ

ภาพจาก wikipedia

    ตรงกรอบสีแดงแสดงลายกนกที่ออกแบบเวียนขวา แต่มีที่พิมพ์ผิดพลาดเวียนซ้ายอยู่ 25 เปอร์เซ็นต์ (1 ล้านจาก 4 ล้าน) 

   ราคาตลาด แสตมป์ปกติ ดวงละ 15 บาท

   แต่แสตมป์กนกเวียนซ้าย ดวงละ 150 บาท

   แต่ถ้าขายเป็นคู่อย่างในภาพ คู่ละ 750 บาท เลยทีเดียว

   ไปสำรวจในกรุแสตมป์ของตัวเองแล้ว พบว่า มีแบบเวียนซ้ายอยู่ 2 ดวง แต่ยังอาจมีอีกหลายดวงเพราะได้เก็บเป็นแผ่นอยู่เหมือนกัน

   ลองนึกเล่นๆ ดู หากย้อนกลับไปเป็นเด็กใหม่ ถ้าหากเราเป็นคนที่ไม่ชอบเรียนหนังสือ แต่ชอบสะสมแสตมป์ ถ้าไปคุยกับพวกนักสะสมแล้วเราได้ความรู้เรื่องเหล่านี้ เราอาจยึดอาชีพเป็นพ่อค้าแสตมป์ก็ได้

   เห็นพ่อค้าแสตมป์หลายคน ยึดอาชีพนี้ ไม่ต้องเรียนสูงๆ ก็ได้ หาเงินมาเซ็งร้านแถวไปรษณีย์กลางและยึดสิ่งนี้เป็นอาชีพ ผมก็เห็นหลายคนทำอาชีพนี้มาจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง หาเงินได้ปีละหลายแสนถึงหลักล้าน

   ถ้าเราได้ทำสิ่งที่เราชอบ มีความสุข และมีรายได้เลี้ยงชีพอย่างสบาย เราก็ไม่ต้องมาเรียนหนังสือให้ลำบาก (สำหรับคนที่ไม่ชอบ)

   คนที่ศึกษาเล่าเรียน ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าเรามาเรียนเพื่ออะไร..อย่างบันทึกที่แล้วเรามาเรียนเพื่อ อัตตา,ชีวา หรือปวงประชา..

   อาจมีคำตอบอื่นๆ ที่ต่างจากนี้ แต่ที่สำคัญเราต้องตอบตัวเองให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็เป็นความสูญเปล่าทางการศึกษา เป็นภาระของทั้งพ่อแม่ และประเทศชาติ

หมายเลขบันทึก: 433702เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2011 17:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2013 23:36 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • การตอบตัวเองให้ได้
  • เป็นเรื่องลำบากของคนหลายคน
  • จึงทำให้พ่อแม่ หรือแม้แต่ตัวเองต้องผิดหวังที่ไปไม่ถึงฝั่งค่ะ

เรียน ท่านลำดวน

  • ผมเคยคิดว่าควรมีการตั้งโรงเรียนสำหรับผู้ที่จะเป็นพ่อแม่ครับ
  • แต่ก็คงไกลเกินฝัน
  • เลยคิดว่าตัวเองจะต้องไปสอนเด็กเล็กๆ เพื่อช่วยกระตุ้นการคิด เริ่มจากมหาวิทยาลัยและลดระดับไปเรื่อยๆ
  • แต่ไม่ค่อยมีสนามให้ได้ลงไปเล่น
  • ตอนหลังคิดได้ เอาแบบที่ง่ายที่สุด คือ เราสอนนิสิตในมหาวิทยาลัย ซึ่งอีกไม่กี่ปีก็จะไ้ด้เป็นพ่อแม่
  • ดังนั้นจึงสอนวิชาชีวิตแทรกเข้าไปวิชาที่สอน..เพื่อให้มีภูมิต้านทานในชีวิตและมีวิธีคิด ที่จะถ่ายทอดไปยังลูกๆ ของตน ครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท