ตอบคำถามนี้ได้ไหมว่า “ท่านเกิดมาเพื่อทำอะไร?”


ถ้าเราได้ทำงานที่เรารัก ถ้าเรามีความรักในงานที่เราทำ เราก็จะทำอย่างถึงพร้อม (Be Total) ทำอย่างเป็นปัจจุบัน (Be Present) แล้วการทำงานนั้นย่อมจะพาเราไปสู่นิพพาน (ความสงบเย็น) ได้เป็นแน่

          เมื่อสองวันก่อนผมพาผู้บริหารองค์กรแห่งหนึ่งไปดูงานเรื่องการเรียนรู้ที่โรงเรียนชาวนา พี่เดชา ศิริภัทร (ผอ.มูลนิธิข้าวขวัญ) และชาวนาอีก 3 ท่าน (พี่ดำ คุณสุรัตน์ และคุณน้ำผึ้ง) ได้มาร่วมกันเป็นครูให้ความรู้พวกเรา นอกจากความรู้ที่ได้พวกเรายังได้ธรรมะและศิลปะของการใช้ชีวิตติดมาอีกด้วย ในตอนหนึ่งของการสนทนาพี่เดชาได้กระตุ้นให้ทุกคนหาคำตอบให้ได้ว่า . . เราเกิดมาเพื่อทำอะไร? อะไรคืองานที่เราทำแล้วรู้สึก “อิน” ไปกับมัน อะไรที่ทำแล้วรู้สึกดีมีพลัง ผมกลับมานั่งคิดดู ทบทวนคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า อะไรนะที่เราทำแล้วรู้สึกดี ในที่สุดก็ค่อยๆ มีคำตอบผุดขึ้นมา อาทิเช่น . . ถ่ายรูป . . ตกแต่งรูป . . ลงรูปใน facebook . . เขียน blog . . เรียบเรียงความคิดผ่าน powerpoint . . หาวิธีทำเรื่องที่เข้าใจยากให้เป็นเรื่องที่ง่ายผ่านการนำเสนอ . . ตั้งวงพูดคุยให้พูดออกมาจากใจ ตั้งวง dialogue . . หาสิ่งใหม่ๆ ด้วยการท่อง web อ่านหนังสือ . . แปลหนังสือ Osho . . ฝึกภาวนาเทคนิคต่างๆ . . ดูหนังฟังเพลง . . ร้องเพลง (คาราโอเกะ) เป็นต้น

         หลังจากที่ได้ลอง List รายการเหล่านี้ออกมา ในที่สุดผมก็เห็นลางๆแล้วว่า ผมเกิดมาเพื่อทำอะไร? . . ผมเกิดมาเพื่อทำเรื่อง “การสื่อสารที่สร้างการเปลี่ยนแปลง” นั่นเองครับ การสื่อสารที่ว่านี้มีสองระดับด้วยกัน คือ (1) เป็น “การสื่อสารกับตัวเอง” ผ่านเส้นทางของการแสวงหา ผ่านเส้นทางของการพัฒนาความรู้ในตัว จนสามารถสร้าง Model สำหรับตรวจสอบความเข้าใจของตัวเองได้ และ (2) เป็น “การสื่อสารกับผู้อื่น” โดยใช้ประเด็นที่ได้เรียนรู้ในระดับแรกมาเป็นแนวทางในการกระตุกกระตุ้นคนอื่นให้ฉุกคิดได้บ้าง แต่ประเด็นที่ว่าตัวเขาจะเปลี่ยนไปหรือไม่นั้นคงย่อมขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยอีกหลายอย่างประกอบ

          ผมได้ลองจัดกลุ่มประเภทของการสื่อสารเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ พบว่าที่ผมมีความถนัด (ชอบ สนใจ สุขใจที่ได้ทำ) สามารถจัดเป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ

  1. การสื่อสารผ่านภาพ ซึ่งหมายถึงการถ่ายรูป (ไม่ได้หมายความว่าทำได้ดี แต่หมายถึงชอบและพร้อมที่จะพัฒนา) การใช้สื่อเพื่อนำเสนอ (powerpoint, clip video, etc.)
  2. การสื่อสารผ่านตัวหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบันทึกใน facebook ใน blog gotoknow การเขียนหนังสือ หรือการแปลหนังสือ Osho ก็ตาม
  3. การสื่อสารผ่านเสียง ซึ่งได้แก่ การชวนพูดชวนคุยในวง Dialogue การใช้เสียงเพลง หรือคำพูดที่กินใจในการนำเสนอ หรือแม้แต่สิ่งที่ยังไม่มีโอกาสได้ทำแต่มีความสนใจ อาทิเช่น การจัดรายการวิทยุโทรทัศน์ เป็นต้น

          คนเราเกิดมาเพื่อทำอะไร? ผมขอพูดซ้ำคำถามของพี่เดชา บางคนอาจด่วนตอบ (อย่างกว้างๆ) เพื่อให้ฟังดูดีว่า . . เกิดมาเพื่อพัฒนาให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ หรือไม่ก็ตอบในเชิงเป้าหมายสูงสุดของการเป็นมนุษย์ว่า . . เกิดมาเพื่อพัฒนาตนเอง (ฝึกปฏิบัติภาวนา) ไปสู่การหลุดพ้น (นิพพาน) อะไรทำนองนี้ ซึ่งผมว่านี่ก็เป็นคำตอบเดียวกันนั่นเอง เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ผมค่อนข้างจะเชื่อว่า “ถ้าเราได้ทำงานที่เรารัก ถ้าเรามีความรักในงานที่เราทำ เราก็จะทำอย่างถึงพร้อม (Being Total)  ทำอย่างเป็นปัจจุบัน (Being Present) แล้วการทำงานนั้นย่อมจะพาเราไปสู่นิพพาน (ความสงบเย็น) ได้เป็นแน่” ซึ่งตัว “หนทาง” นั้นแต่ละท่านคงจะไม่เหมือนกัน พี่เดชาทำผ่านเรื่องพันธุ์ข้าวเรื่องเกษตรอินทรีย์ อาจารย์ระพี (สาคริก) ทำผ่านเรื่องกล้วยไม้ อาจารย์ประเวศ (วะสี) ทำผ่านเรื่องการพัฒนาสังคม หรือบางคนอาจมาพบตัวตนในภายหลังว่า อยากเป็นครูโยคะ . . อยากจะทำงานด้านศิลปะ . .  แล้วตัวท่านล่ะได้คำตอบหรือยังกับคำถามที่ว่า “ท่านเกิดมาเพื่อทำอะไร?” 

หมายเลขบันทึก: 433688เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2011 14:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:40 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

  การค้นพบที่แท้จริงคือการพบตัวเอง

สวัสดีครับอาจารย์

อ่านบันทึกนี้ไปมาหลายรอบ
ว่าจะตอบคำถามกลับตอบไม่ได้ครับ.... 

ต้องให้เวลามันหน่อยครับ . . แต่เพื่อกันลืม ต้องคอยถามบ่อยๆ ถามแล้ว "ปล่อยวาง ปล่อยให้มันว่าง" เดี๋ยว "คำตอบ" ก็จะค่อยๆ มาเองครับ . . 

  • สวัสดีค่ะ
  • ลำดวนค้นพบว่า ตัวเองเกิดมาเพื่อเป็นนักอ่าน
  • และต่อมาพบว่าชอบคิด...ด้วย
  • แต่ขณะนี้คิดได้ว่าถ้าทำแค่ ๒ ด้านนี้เท่านั้น
  • เราจะไม่มีการสื่อสารสิ่งที่เราอ่านเราคิด...
  • จึงนำมาสู่การเริ่มฝึกเขียนบล็อคค่ะ

ถามบ่อยๆ . . รอคอยคำตอบ (เล็กๆ) ที่ค่อยๆ โผล่มา . . จดเก็บไว้เรื่อยๆ ครับ . . จนในที่สุดมันอาจจะประกอบกันเป็นอะไรบางอย่างที่ตอบคำถาม "My Life Mission" ขึ้นมาก็ได้ครับพี่เดชาใช้คำพูดว่า "อะไรที่เป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิต" ซึ่งในกรณีของพี่เดชาก็คือ . . "การช่วยชาวนาและการเดินอยู่บนเส้นทางแห่งสัมมาทิฏฐิ" . . ผมอยากถามทุกท่านว่า "What is your Life Mission?"  

มีหลายเรื่องในทางธรรมที่ผมยังไม่รู้และยังทำไม่ได้ ผมคิดว่าผมต้องเรียนรู้ต่อไป จนกว่าจะบรรลุครับ (คิดว่าน่าจะเกิดอีกหลายชาติ)  

ผมว่า "ทางโลก" กับ "ทางธรรม" จริงๆ แล้วมันคงเป็นสิ่งเดียวกัน (คิดเอา ไม่ใช่ประสบการณ์ตรง) . . ในทางโลกทุกอย่างอาจเห็นเป็นสอง (ทวิภาวะ หรือ Duality เช่น ทุกข์-สุข ร้อน-เย็น) ทั้งๆ ที่ในทางธรรมแล้วมันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (Whole, Oneness ในร้อนมีเย็น ในสั้นมียาว ในขาวมีดำ) . . ผมชอบที่ท่านอาจารย์พุทธทาสพูดบ่อยๆ ว่า "นิพพาน ที่นี่ เดี๋ยวนี้" . . เนื่องจากเป็นคนที่ใจร้อน ไม่ชอบรอคอยอะไรนานๆ . . แต่ก็ยังไม่ได้ลิ้มชิมรสนิพพานนะครับ (เดี๋ยวจะเข้าใจผิดไป)

เกิดมารอวันตายครับ

ตามความรู้สึกของผมนะ ผมว่าที่เรายังอยู่หรือมีชีวิตอยู่ในตอนนี้ การกระทำต่างๆนี่เป็นแค่ส่วนประกอบอย่างหนึ่งสำหรับฆ่าเวลาให้หมดไปเฉยๆมีประโยชน์บ้างไม่มีบ้างแล้วแต่กรณี

 

บางครั้งเราก็หลงไปยึดถือมันเป็นจริงเป็นจังจนไม่สามารถที่จะแยกออกจากมันได้เลยแบบไม่รู้ตัวเสียด้วย  แต่เราก็ต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้เพื่อรอเวลา  เวลาที่เราต้องเจอ

 

มันเป็นเวลาที่เราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะต้องเจอกับอะไรบ้าง  ผมเองบางครั้งก็รู้สึกว่าน่าตื่นเต้นถ้าสามารถก้าวข้ามสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้โดยที่ไม่ต้องกลับมาในสภาวะเช่นนี้อีก ถ้าผมทำได้และมีโอกาสแค่ครั้งเดียวในเสี้ยววินาที

 

แต่ถ้าผมทำไม่ได้........ก็สุดแสนจะเสียดายโอกาสนี้มากเหมือนกัน

 

ขออภัยท่านเจ้าของคอลัมน์ด้วยนะครับถ้าผมเขียนผิดไปจากวัตถุประสงค์ของท่าน

                                                                     ขอยคุณครับ

 

"ถ้าเราได้ทำงานที่เรารัก ถ้าเรามีความรักในงานที่เราทำ เราก็จะทำอย่างถึงพร้อม (Be Total) ทำอย่างเป็นปัจจุบัน (Be Present) แล้วการทำงานนั้นย่อมจะพาเราไปสู่นิพพาน (ความสงบเย็น) ได้เป็นแน่"

ชอบประโยคข้างบนมากๆเลยค่ะ จริงด้วยคนเรามักจะไม่อยู่กับปัจจุบัน ถึงได้ไม่มีความสุข

 

เป็นคำถามที่น่าสนใจครับ หากจะตอบแบบผมนะครับ มันอาจต้องแยกเป็น 2 กรณีครับ หากยังไม่เข้าใจทางธรรม (แบบพุทธนะครับ) "เกิดมาเพื่อทำอะไร" ก็อาจจะหมายถึงสิ่งที่ต้องทำในโลกนี้ และทำให้ดีที่สุด (ดีคามความคิดของเรานะครับ) ทำเพื่อคนอื่นบ้าง ทำเพื่อตัวเองบ้าง แต่หากเข้าใจทางธรรมมากยิ่งขึ้น (ซึ่งผมก็อาจจะยังไม่เข้าใจเท่าไหร่) "เกิดมาเพื่อทำอะไร" ก็อาจจะหมายถึงทำอะไรก็ได้เพื่อโลกหน้า เพราะการเกิดมาเป็นมนุษย์ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ แต่จะให้ดีที่สุดผมคิดว่าเกิดมาเพื่อทำอะไรก็ได้ที่จะ "ไม่ต้องเกิดมาเพื่อทำอะไรอีก" ครับ ในร้อนมีเย็น ในสั้นมียาว ในขาวมีดำ แต่ในนิพพานไม่มีนิพพานครับ

ผมเกิดมาเพื่อทำประโยชน์ให้กับโลกนี้ให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ชดเชยให้กับทุกสิ่งที่ต้องสูญสลายไปเพื่อให้ผมได้เกิดมา

จาก Humanized KM WS (http://gotoknow.org/blog/uackku/436999)วันนี้มีกิจกรรมนี้ สรุปว่า เกิดมาเพราะ

  1. ความรักของคนสองคน
  2. เพื่อสืบสาน
  3. เพื่อสร้างความดี

ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยคนนะครับ

ผมคิดว่าคนเราเกิดมาเพื่อสำรวจตัวเองว่ามันมีข้อบกพร่องอะไรบ้าง

ที่มันทำให้คิดผิด พูดผิด และทำในสิ่งที่ผิดพลาดไปในบางครั้ง

ูแล้วมันทำให้เกิดผลเสียหายขึ้นต่อตนเองหรือรวมถึงผู้คนรอบข้าง

เช่นปิ๊งใครก็เข้าไปข้องเกี่ยวด้วยทั้งๆที่ตนเองมีคู่ครองอยู่แล้ว

หรือเห็นสิ่งมีค่าของคนอื่นก็อยากได้ พอเขาเผลอก็ลักเอามาเป็นของตน

หรือไม่พอใจใครก็พูดจาด่าทอหยาบคาย บางทีก็ทะเลาะกัน ลงไม้ลงมือกัน

หรือมัวแต่หลงอยู่กับการเที่ยวเสเพล เล่นการพนัน ดื่มสุรา ติดยาเสพติด

เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งผมคิดว่าข้อบกพร่องของคนเราทุกคนก็คงมาจากมูลเหตุ

พื้นฐานเหมือนกันหมด นั่นก็คือสติมาไม่ทัน ปัญญาที่มีอยู่ก็ไม่เพียงพอ

เราจึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ความอยาก ไม่สามารถพิจารณาว่า

อะไรควรอะไรไม่ควร อะไรถูกหรือผิด มัวแต่ปล่อยให้เป็นไปตามอารมณ์

ที่มีกิเลสเข้าครอบงำนำพา ดังนั้นผมมีความเห็นว่าสมควรแก้ไขโดยการ

ฝึกสติให้มีความรวดเร็วฉับพลันและเจริญปัญญาให้ฉลาดแหลมคมเฉียบขาด

เพราะผมเชื่อว่าการมีสติคอยควบคุมไม่ปล่อยให้อารมณ์ความอยากนำทาง

โดยมีปัญญาคอยกลั่นกรองว่าสมควรทำได้หรือไม่เพียงใดแล้ว มันจะ

ทำให้เราทำหน้าที่ต่างๆในชีวิตประจำวันได้โดยถูกต้องไม่บกพร่อง

ไม่สร้างปัญหาใดๆให้กับตัวเองและคนรอบตัว สังคมก็จะดีและน่าอยู่

จริงไหมครับ นอกจากนี้แล้วผมยังเห็นว่าคนเราเกิดมาเพื่่อศึกษาว่า

ตัวเราเอง และโลกที่เราอยู่นี้จริงๆแล้วมันเป็นอะไร เพื่อที่จะได้

พิจารณาว่าเราสมควรต้องตั้งจุดมุ่งหมายอย่างไร และด้วยวิธีใดจึงจะ

ทำได้สำเร็จตามจุดมุ่งหมาย ขออนุญาตเอาไว้ต่อภาคสองนะครับ

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท