วิถีชีวิตชาวเขา..ที่ชาวเราได้เรียนรู้
วิถีชีวิตชาวเขา : ส่วนหนึ่งของสิ่งที่เห็นและเรียนรู้ระหว่างการเดินทาง
(ต่อจากhttp://gotoknow.org/blog/global/429652)
ที่วัดละอูป แม่ลาน้อย ได้มีเวลาคุยกับนายจอ (จันตา วงกชวิชิต) อายุ 60 เศษ มีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก เพราะ meepole เดินแยกออกมาจากส่วนของวัดเพื่อจะหามุมถ่ายภาพวิวบนดอยสูง ก็หันไปเห็นนายจอ เดินไต่ขึ้นมายิ้มแย้มแจ่มใสทักทายเราก่อน ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการคุย
นายจอ (ถ้านายจอได้เห็นรูปบนนี้ คงดีใจ เพราะเวลาถ่ายรูปแต่ละคนจะเอารูปให้เขาดูทุกครั้ง ว่าเราถ่ายอะไรเขา และบอกว่าจะเอาไปโชว์ให้คนอื่นดูนะ เขาจะหัวเราะน่ารักกันทั้งนั้น)
นอกจากสภาพภูมิศาสตร์ ที่รู้ว่าที่นี่ส่วนมากแล้วเป็นชาวเขาเผ่าลั๊วะ มีประมาณ 200 บ้าน ประมาณ 1000 คน อาชีพหลักคือปลูกผัก แล้วก็ชี้ให้ดูแปลงผักบนยอดดอยที่เห็นเป็นชั้นๆ
ที่เห็นสีเทาๆ เพราะหมอกยามเช้า เป็นอีกฟากดอยเป็นอีกบริเวณที่ชาวลั๊วะตั้งรกราก และทำเรือนเพาะชำด้วย
เดินคุยมาเรื่อยๆ ตาเราก็ไปเห็นอะไรบางอย่างที่ถูกล้อมอยู่รอบต้นไม้ ถามนายจอ เขาก็พาเดินออกมาแล้วพูดเสียงเบาลงว่า ตรงนั้นน่ะ เป็นที่เลี้ยงผี วัดล้อมเขตให้ หลังเก็บเกี่ยวข้าวทุกปี จะมีการทำพิธีเซ่นไหว้ผี บ้านใครบ้านคนนั้น โดยมีไก่ต้ม 1ตัว ข้าวนึ่ง เกลือโรยบนข้าว เหล้า ใส่เข่งที่เห็นไปวางที่ๆจัดให้เท่านั้น ส่วนมากจะมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ เขาบอกว่าชาวลัวะจะเลี้ยงไว้ 2 ที่ อธิษฐานให้อยู่ดีมีสุขทั้งหมู่บ้าน เสร็จเอาไก่กลับไปกิน (เหมือนกันทุกแห่ง ท้ายสุดที่ได้กินอิ่มจริงๆคือคน )
หมายเหตุ "ผี" ของเขาคือบรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย
สนใจเรื่องนี้ ติดตามได้ใน รายการพันแสงรุ้ง ทีวีไทย วันอาทิตย์ที่ 27 มีค. 54 เวลา 16.35-17.00 น.
เข่งตะกร้าที่เห็นซ้อนๆกันนั้นคือส่วนที่ใส่ของมาทำพิธีไหว้ ผี ของเขา (เอาไก่กลับ เหลือเข่งไว้)
จากตรงนี้ก็แวะไปคุยกับสิงห์อมควันทั้งหลายที่นั่งพ่นควันสบายอารมณ์ ที่สนใจเพราะส่วนมากเขาไม่ค่อยสูบมวนบุหรี่กัน แต่ที่นี่รวยมาก เขาสูบไปป์กัน ตามมาดูเลยค่ะ ทั้งหญิงและชายเขาก็ทำไปป์ที่ใช้สูบกันเอง ทำด้วยไม้ไผ่แบบที่เห็น
ว่าแล้วเขาเอาใบยาสูบออกมาอวดด้วยว่านี่เขาทำเอง ปลูกเอง แล้วก็อธิบายดังนี้
ใบยาสูบสด เก็บแล้วนำมาใส่กระสอบบ่มไว้ 2 วัน หั่นฝอย ตากแดดจัด 3 วัน แล้วเก็บใส่ถุงค่อยๆเอาออกมากิน ส่วนมากทำแต่ละครั้งจะกินได้ปีกว่า พอจะหมดก็ปลูกใหม่ (ปลูก 3 เดือนจะเก็บใบได้) ที่เขาใช้มวนใบยาสูบคือ กระดาษ สำหรับใช้มวนใบยา ซึ่งจะบาง ขายห่อละ 1 บาท 50 แผ่น เขาบอกว่าใช้ใบตองตากแห้ง ใบชุมเห็ดมวนก็ได้ กลิ่นหอม แต่กระดาษง่ายและราคาถูก
ใบยาสูบเขาพกพาติดตัว เอาออกมาอวดว่าของเขาจะหอมกว่าของอีกคน ว่าแล้วก็ส่งให้ดมด้วย แต่ meepole สูบไม่เป็นดมไปก็กลิ่นใบไม้อยู่ดี
ก็ถามเขาว่านี่ทำเผื่อเมียๆไหม เขาบอกว่าทำเองของใครของมัน หั่นกันเอง ผู้หญิงส่วนมากที่เห็นก็สูบไปป์ก็น่ารักไปอีกแบบ ว่าแล้วก็เอาใบยาสูบวางบนตะแกรงในไปป์แล้วจุดสูบ
จากนั้นก็ไปสังเกตเห็นต่างหู ที่นี่คงต้องเรียกว่าตุ้มหู มันเป็นตุ้ม ใหญ่จริงๆ ก็เลยถามปรากฏว่าต่างคนต่างฟังกันไม่รู้เรื่อง เลยต้องใช้ภาษาใจ กับมือ ในที่สุดก็สำเร็จเธอเลยถอดออกให้ดู พอถอดออกมา รูที่หูใหญ่จริงๆ เอาตุ้มที่เห็นใส่ในรูที่เจาะ แล้วเอาสร้อยเส้นที่เห็นมาแขวนเกี่ยวไว้ข้างหลัง
ตุ้มหูเอาไว้เกี่ยวสร้อยลูกปัด ที่ร้อยกันเอง (สีเจ็บปวดแสบตาสดใสจริงๆค่ะ)
นี่ขอให้เธอช่วยถอดให้ดูว่าเป็นยังไง
อีกภาพประทับใจที่มองเห็นคือ ความรักของยายหลาน ที่ไม่ต้องมีคำบรรยายค่ะ
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องราวนี้นะคะ :)
สวัสดีค่ะ
พี่คิมเคยไปเรียนรู้ชีวิตชาวเขาเผ่ามูเซอดำค่ะ อยากจะบอกว่าเขาเป็นชนเผ่าอุดมคติมากค่ะ เคยเขียนเล่าไว้ มีคำสำคัญ "บ้านห้วยปลาหลด" ค่ะ
สำหรับการบริจาคราวตากผ้า เจ้าหน้าที่แนะนำว่าควรบริจาคเป็นวัสดุเช่นเหล็ก เสาปูน และปูนซิเมนต์ค่ะ
หากอาจารย์จะบริจาคผ่านพี่คิมก็ได้ ยินดีรับใช้และจะไปเลือกวัสดุให้ สถานที่นี้อยู่ห่าจากบ้านพี่คิมประมาณ ๒ กม.ค่ะ และร้านขายวัสดุก็อยู่ห่างประมาณ ๒ กม.เช่นกันค่ะ รายละเอียดจะแจ้งผ่านบันทึกค่ะ
ดีใจมากค่ะที่ได้ทราบเจตนาอันเป็นกุศลของอาจารย์ พี่คิมได้รับเงินจากเพื่อน ๆ มาส่วนหนึ่ง จะนำไปซื้อผงซักฟอกค่ะ
สวัสดีค่ะ
จำนวนราวตากผ้าที่ต้องการคงมากค่ะ เพราะปัจจุบันมีจำนวนผู้เข้ารับบริการทั้ง ๒๐๐ คนมีราวตากผ้าที่เห็นในภาพค่ะ
อย่างอื่นก็ต้องการผงซักฟอก ยาสระผม เสื้อผ้าหน้าร้อน ของเก่าใช้แล้วก็ได้ค่ะ บางคนก็ต้องการเครื่องสำอางค่ะ
ได้ชมภาพ บรรยากาศ และเรื่องเล่า ยอดเยี่ยมมากครับในการสื่อสาร ขอบคุณมากครับที่ได้นำเรื่องราวดี ๆ มานำเสนอ
สวัสดีค่ะคุณครู
ยินดีมากและขอบคุณค่ะ ที่ให้มีโอกาสได้ช่วยเหลือ บรรเทาความลำบากให้ผู้ที่มีโอกาสน้อยกว่าเรา
จะตามบันทึกต่อค่ะ ยังไงรบกวนครูคิมแวะบอกด้วยนะคะ เผื่อตก blog อีก เพราะบางวันเขียน post แต่ไม่ได้ตามอ่านตอนนั้น แต่หากจะให้โอนเงินไปช่วยก่อนก็ยินดีนะคะ เพราะภาระนี้ต้องรบกวนครูคิมช่วยเลือกจัดการวัสดุให้ และอยากให้เขาได้มีใช้เร็วๆ
สวัสดีค่ะคุณเนิ่ม ขมภูศรี
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนค่ะ ได้ติดตามทัวร์ของคุณเนิ่มพร้อมกิจกรรมดีๆที่ได้ทำมาตลอดค่ะ
สวัสดีค่ะ
พี่คิมยินดีรับใช้ค่ะ หากจะให้จัดการก่อน มีทางเลือก ๒ แบบค่ะคือ
๑.พี่คิมไปสั่งวัสดุและแจ้งใบเสร็จ (แต่ไม่ทราบความต้องารของอาจารย์นี่คะ)
๒.อาจารย์ส่งเงินตามที่อาจารย์ศรัทธาจะบริจาคและให้พี่คิมไปจัดการให้ตามจำนวนเงินดีคะ ขาดเหลือหรืออย่างไรก็ว่ากันอีกทีค่ะ
หมายเลขบัญชี นพวรรณ พงษ์เจริญ 060 - 1 - 57135 - 9 ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาพิษณุโลก
มือถือ 0845794848 ค่ะ
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์....✿อุ้มบุญ✿ แวะมาทักทาย....
อรุณสวัสดิ์ค่ะmee_pole
สวัสดีค่ะคุณยาย
เป็นเช้าที่สดใสเพราะได้ดอกกุหลาบดอกแรกจากคุณยายคนสวย
แต่ชุ่มฉ่ำไปหน่อยค่ะ ฝนตกมา 2 วัน 2 คืนแล้ว ไม่ไหวค่ะ มากไป น่าจะพักบ้าง
สวัสดีค่ะอจ.
สวัสดีครับอาจารย์ เผ่าลัวะ อยู่กระจัดกระจายหลายพื้นที่ ฟังจากตำนานว่า ขุนมังคละ รบแพ้พระนางจามเทวี จึงล่มสลายเพราะไปท้าทายกันไว้
ทางการเอาเปรียบคนลัวะ โดยการเก็บภาษี ภาษีที่แปลกประหลาดคือภาษีเต้านม
"คนลัวะเก่าแก่ มักจะชอบเล่าว่าเวลาเจ้านายขึ้นมาเก็บภาษี มาเกณฑ์แรงงานหรือมาเอาหมูเอาไก่ ผู้หญิงลัวะทั้งสาวทั้งแก่จะต้องวิ่งหนีเข้าป่ากันอย่างไม่คิดชีวิต มิฉะนั้นจะถูกจับไปลวนลามตามใจชอบ สำหรับภาษีจะมีเจ้าหน้าที่ขึ้นมาตระเวนเก็บ(ภาษีเถื่อน)เป็นประจำ บางเดือนมาถึง 3 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นภาษีที่เรียกเก็บตามอำเภอใจ ดังเช่น
- ภาษีตอไม้ เก็บหลังฟันไร่
- ภาษีที่ดิน
- ภาษีเหล้า
- ภาษีฤดูหนาว
- ภาษีไฟฉายและถ่านไฟฉาย
- ภาษีเสาไฟฟ้า สมัยนั้นบนภูยังไม่มีไฟฟ้าใช้ เจ้าหน้าที่อ้างว่าเพื่อเป็น ค่าเสาไฟฟ้าในเมือง
- ภาษีขายควาย
- ภาษีขายหมู
- ภาษีเต้านม (ข้อนี้เจ้าหน้าที่คงเหลือบไปเห็นแม่ให้นมลูก เลยคิดภาษีเต้านม ขึ้นมาได้อีกหนึ่งรายการ) คนลัวะบางคนพูดว่า “ค่าโป๊ะก็เอิด โป๊ะเจ๊าะถูกโป๊ะดั้วแพง มันดูถูกอาเมจังนิ” แปลว่า “นมสั้น (เต้าเล็ก) เก็บถูก นมยาว (เต้าใหญ่) เก็บแพง มันดูถูก ผู้หญิงขนาดนี้” )
(จากงานวิจัยของ ศาสตราจารย์ ชลธิรา สัตยาวัฒนา ในหนังสือ “ลัวะเมืองน่าน”)
ขอบคุณทุกท่านที่มอบดอกไม้ให้กำลังใจเต็มเปี่ยมเกิน100 ค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
ต้องขอประทานอภัยมากค่ะ ที่เป็นคนละเลยต่อโทรศัพท์ วางไว้เรื่อยไปโดยไม่ใส่ใจ เพียงแต่ตั้งใจว่า "วันที่ ๒๘ จะนำโทรศัพท์ติดตัว เพื่อรับสายจากอาจารย์ค่ะ"
หากจะโทรหาใครก็ไปหามา โทรเสร็จแล้วก็เหมือนเดิมค่ะ นอกจากมีนัดกับเพื่อนว่าจะโทรหากันก็นำมาไว้ใกล้ ๆ ค่ะ
วันพรุ่งนี้จะรีบไปดำเนินการให้อาจารย์ค่ะ ขอขอบพระคุณแทนผู้คนในสถานสงเคราะห์เป็นอย่างมากค่ะ
สวัสดีครับ ได้อ่านเรื่องราวที่ได้ความรู้เพิ่มขึ้น ชมภาพประกอบที่ทำให้เข้าใจได้ง่าย
ขอบคุณครับสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้
สวัสดีค่ะmee_pole
คุณยายมาส่งกำลังใจอีกรอบค่ะ
ภาพสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใด ท้องถิ่นไหน ก็สื่อความหมายได้ดี ประทับใจ ขอบคุณค่ะสำหรับภาพซึ้งๆ อย่า่งนี้
เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย สงบ อยู่กับธรรมชาติ มีความสุขดีนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
บันทึกนี้ดีมากครับ ให้กำลังใจและคงยังติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องขอรับ
ได้รสชาติของวิถีชนบทจริงๆครับ
ชอบมุมมองการใช้ชีวิตของอาจารย์มากค่ะ อาจารย์มีความใส่ใจในผู้คนและสถานที่ที่อยู่ ที่ไปเยือนเสมอ รายละเอียดที่นำมาแบ่งปันจึงมีคุณค่ามากค่ะ
การที่จะสามารถใช้ชีวิตเป็น คือช้าลงบ้างให้ได้เก็บรายละเอียดชีวิตกับสรรพสิ่งรอบข้างนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะคะ ต้องมีเหตุปัจจัย และภาวะที่เหมาะสมมากๆ
เขียนpocket book เรื่องอะไรอยู่คะ เสร็จแล้วส่งข่าวกันบ้างนะคะ
สวัสดีครับ
ผมเคยไปที่ละอูปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ตอนที่ยังบวชเป็นพระ
ตอนนี้คงเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว
สมัยนั้นทางไปวัดถือว่าโหดมาก ๆ
ชาวลัวะที่นี่น่ารักและน้ำใจงามมากครับ...
สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่หมีขั้วโลก
ขอบคุณที่ไปทายทัก บอกว่า ... :)
ชาวเขา ชาวเรา ก็อยู่ใต้หล้า ฟ้าเดียวกัน
เชื่อมั่น ศรัทธา ในคุณค่าความเป็นมนุษย์ ที่คุณความดีค่ะ
ขอพี่มีพลังกาย ใจ ในการรังสรรค์สิ่งดีๆ ต่อไป ขอบคุณค่ะ