กราบสวัสดีค่ะครู
ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๔ ช่วงนี้ร่างกายถูกใช้หนักอย่างต่อเนื่องกับการจดจ่อและการทำงาน เหมือนเป็นการสนุกกับงาน ห้วงเวลาผ่านไปเร็วและเร็วมากค่ะครู เมื่อคืนกว่าจะหลับก็เกือบ ๆ ตีสอง ตีสี่ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เช้านี้พี่อ้อและติ๋วนัดน้อง ๆ ฝึกงานไปคุยกับหมอพื้นบ้าน ที่ รพ.สน.ต.ในเมือง การทำงานเป็นปกติที่ลงไปที่นี่อยู่แล้วค่ะครู แต่ หลังจากคุยกับท่าน ผอ.เสร็จเกือบ ๆ เที่ยงกำลังจะออกไปทานข้าวกัน ติ๋วขอให้แม่สำรองช่วกดไหล่ให้นิดหน่อย จากแค่ยืน ๆ ก็ลงนั่ง อืม รู้สึกดีที่ตลอดช่วงแขนชา
พอขยับจะลุกหน้ามืด จึงนั่งลง ณ ขณะนั้นไม่ได้ดิ้นรนอะไรทำแค่เพียงหายใจ
เป็นการหายใจที่เรียกว่า “อยู่เพื่อหายใจ”
รับรู้ว่าลมหายใจแผ่ว เข้า-ออกเป็นจังหวะลึก ช้า
แล้วดับวูบอยู่ภายในปรากฏเป็นดวงสว่างสีน้ำเงิน
เหมือนตอนนั่งสมาธิแล้วรู้สึกคล้ายตกจากที่สูงค่ะครู
แต่ก็มีสติอยู่ กลับมาที่ลมหายใจที่ยังแผ่ว
สัมผัสแรงลมที่มีการพัดด้านซ้าย
สัมผัสถึงมือน้องนี ที่จับชีพจรอยู่ด้านขวา
แค่รู้สึกไปเรื่อย ๆ
แล้วก็ปรากฏความคิดขึ้นมาว่า “เดี๋ยวคนอื่นจะหิวข้าว”
จึงขยับพูด รับรู้ว่าการพูดจะใช้พลังมากขึ้นมีการสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วพูดว่า
“ไปซื้อกับข้าวมากินที่นี่ก็ได้”
พอเริ่มสบายขึ้นจึงขยับไปนอนที่เตียงนวด แม่สำรองมาเช็ดตัวให้ ติ๋วเพียงแค่นอนดูลมไปเรื่อย ๆ
มีลมดันอยู่ภายในท้อง คล้ายอยากจะเข้าห้องน้ำ ที่นี่ห้องน้ำไกลมากต้องเดินออกไปข้างนอก แต่ก็ยังดีที่มี แล้วก็เดินกลับมานอนพักต่อ พอกับข้าวมาจึงทานข้าว แล้วก็ขอน้ำหวานทาน อาการค่อย ๆ ดีขึ้น เหมือนพึ่งตื่นนอน
ตอนแรกว่าจะขอนอนพัก แต่สำรวจแล้วทำงานต่อได้ จึงขับรถพาทุกคนไปเยี่ยมคุณตาที่ท่านเป็นกังวลหลังจากเอาน้ำสมุนไพรมาตรวจเจอสเตรียรอยด์แล้วท่านโดนขู่ ตอนไปหาท่านไม่รู้หรอกค่ะครูว่า
“ต้องทำยังไง รู้เพียงแค่ว่าต้องไป”
นั่งคุยกันอยู่นาน เหมือนนั่งฟังท่านคุยมากกว่าค่ะ รู้สึกดีที่ท่านผ่อนคลาย แล้วเราก็ไปต่อที่บ้านพ่อบรรลือ คุยเรื่องสูตรยาสมุนไพรที่ท่านไม่หวง เป็นความตั้งใจของวันนี้ที่จะนำองค์ความรู้จากท่าน ออกมาสู่ตำราและ รพ.สต. เพื่อให้คนได้ใช้ประโยชน์
ตลอดทั้งวันเหมือนตนเองเป็น “ตุ๊กตาล้มลุกค่ะครู”
การสลบวันนี้เหมือนได้หลับ เหมือนรางกายได้พัก ให้มีแรงทำงานต่อ
ขับรถกลับมาถึงขอนแก่น คิดถึงการทำงานว่า “เดี๋ยวต้องไปทำเอกสารต่อ”
แต่พอสำรวจเข้าไปในร่างกาย ก็เพลียอยู่จึงตัดสินใจพัก แต่ข้างในมันยังสบาย ๆ กว่าจะหลับก็ใช้เวลาพอสมควร
วันนี้ปล่อยให้คุณตาบรรลือคอย ศีลข้อสี่ด่างพร้อย การที่ติ๋วใช้ร่างกายหนัก ทำให้ผู้ที่ไปด้วยกังวลรวมถึงแม่สำรองและน้องนี ศีลข้อ๑ ด่างพร้อย
แต่ก็ได้เรียนรู้กับตนเองว่า
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สติกับลมหายใจ ช่วยให้การสลบเหมือนการได้หลับเท่านั้นเอง”
แต่ก็เป็นเหมือนได้ตายไปแล้วก็เกิดขึ้นมาใหม่กับลมหายใจ
รู้สึกแปลกใจกับตนเองค่ะว่า “ทำไมไม่กลัว แต่ก็ไม่ได้ค้นหาค่ะ เหมือน ๆ นอนดูลมก่อนเข้านอนแล้ววูบหลับไป แล้วก็ตื่นขึ้นมานอนดูลมหายใจแล้วก็ลุก เป็นแบบนี้แหละค่ะครู แต่มันสั้นกว่าการนอนปกติ
อืมแบบนี้รึเปล่าค่ะครู ที่ครูเคยบอกติ๋วว่า
"การเข้านอนก็เหมือนการ ตาย การตื่นก็เหมือนการเกิดขึ้นมาใหม่"
แค่รับรู้ว่าความกลัวและความกังวลไม่ปรากฏเท่านั้นเองค่ะ”
เหตุการณ์วันนี้เกิดขึ้นยิ่งรู้ว่าสิ่งที่ครูบ่มเพาะมา ช่วยได้มากที่สุดเลยค่ะครู..........รักและเคารพครูค่ะ........ติ๋ว
ไม่มีความเห็น