เด็กเก่งเพราะครูหรือครูได้ผลงานเพราะเด็กเก่ง
เคยคิดเสมอว่าเป็นความโชคดีของครูที่สอนในโรงเรียนขนาดใหญ่ที่เด็กแย่งกันเข้าเรียน เพราะนั้นแสดงให้เห็นว่าคงมีเด็กที่สนใจและเอาใจใส่ในการเรียนเป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากการสนใจและเอาใจใส่ในการเรียนแล้ว ส่วนหนึ่งยังเป็นนักเรียนที่เรียนเก่งและได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครองเป็นอย่างดี จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่การแข่งขันทักษะวิชาการต่างๆ นั้นผลการแข่งขันมักจะปรากฏว่าผู้ชนะจะอยู่ที่โรงเรียนขนาดใหญ่ คือโรงเรียนประจำอำเภอหรือโรงเรียนประจำจังหวัดเสมอ ถ้าหากอ่านถึงตรงนี้ก็น่าจะเป็นไปได้ว่า ครูได้ผลงานเพราะเด็กเก่ง
จนกระทั้ง มีเหตุการณ์ที่น่าประทับใจเกิดขึ้นคือ มีนักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กที่ไม่ได้โด่งดังใดๆ ได้รับรางวัลจากการแข่งขันทักษะระดับชาติ ฟังดูอาจจะยังไม่รู้สึกอะไร หรืออาจจะรู้สึกว่าโชคช่วย แต่บอกได้ว่าเกิดจากการทุ่มเท่ของครูผู้ฝึกสอนที่ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในทักษะที่นักเรียนได้เข้าร่วมแข่งขัน โดยใช้เวลาหลังเลิกงานจากโรงเรียน โดยมีเวลานอนวันละไม่เกิน 4 ชั่วโมง เพื่อนำความรู้มาถ่ายทอดและฝึกฝนให้กับนักเรียน โดยระลึกเสมอว่า หากจะฝึกให้เด็กเก่ง เราจะต้องพัฒนาคนเองให้เก่งกว่าเด็กเสมอ สำหรับตัวนักเรียนแล้วต้องยอมรับว่าเขามีความมานะพยายามมาซ้อมตรงเวลา ทบทวนความรู้ที่ให้และศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเอง จนการทดลองแข่งขันบ้างครั้งทำได้ดีกว่าครูผู้ฝึกสอนซะอีก
นี้เป็นความภูมิใจของครูที่สอนในโรงเรียนขนาดเล็กที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังใดๆ แต่มีใจเกินร้อยที่จะสอนให้นักเรียนเป็นคนเก่ง ดังนั้นจึงสรุปได้เลยว่าไม่ว่าจะโรงเรียนขนาดใด โด่งดังหรือไม่ ข้อความที่กล่าวว่า เด็กเก่งเพราะครูหรือครูได้ผลงานเพราะเด็กเก่ง จึงไม่น่าจะถูกต้อง ที่ถูกต้องควรเป็น เด็กเก่งเพราะครูและตัวเด็กเองที่ร่วมด้วยช่วยกัน
ครูกับเด็กนักเรียนคู่กันจ้า
ครูกับเด็กนักเรียนคู่กันจ๊ะ
Beautifully put "เด็กเก่งเพราะครูหรือครูได้ผลงานเพราะเด็กเก่ง จึงไม่น่าจะถูกต้อง ที่ถูกต้องควรเป็น เด็กเก่งเพราะครูและตัวเด็กเองที่ร่วมด้วยช่วยกัน"
Our community, our country and ourselves would be better we help each other -- rather just take what we can ;-)