Lord Buddha as an excellent CEO for 26 centuries
บรรยายโดย ผศ.ดร. นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
สรุปบทเรียนโดย : นวลฉวี เพิ่มทองชูชัย นศ. ป.เอก หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต
สาขาวิชาการพัฒนาสุขภาพชุมชน ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
วิถีชีวิตของคนเราในปัจจุบัน Paradox of our time
- เรามีบ้านเรือนที่ใหญ่โต แต่ครอบครัวเล็กลง
- เราเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆมากมายแต่คุณค่าลดลง
- เรามีความสะดวกสบายมากขึ้นแต่เรามีเวลาน้อยลง
- เรามีความรู้มากมายแต่การตัดสินใจ และใช้วิจารณญาณน้อยลง
- เรามีผู้เชี่ยวชาญมากมายแต่กลับมีปัญหามากขึ้น ใช้ยามากขึ้น แต่สุขภาพแย่ลง
- เราเรียนรู้เกี่ยวกับการรอดชีวิต แต่ไม่เรียนรู้ชีวิต
- เราชนะอวกาศได้แต่เราไม่สามารถชนะสิ่งที่อยู่ภายในได้
- เราสามารถแยกอะตอมได้แต่ไม่สามารถแยกอคติได้
- เราเรียนรู้การรีบแต่ไม่เรียนรู้การรอคอย
- เราใฝ่หาเรื่องปริมาณ แต่คุณภาพยังขาดแคลน
- เรามีเวลาพักผ่อนแต่ความสนุกสนานน้อยลง
- เราพูดเยอะ แต่รักกันน้อยลง โกหกมากขึ้น
- เรามีถนนกว้างขวาง แต่มุมมองเรากลับแคบลง
- เราสามารถไป- กลับดวงจันทร์ได้แต่เรามีปัญหาในการไปเยี่ยมเพื่อนบ้านของเรา
ข้อเสนอ
- ทำให้ทุกวันเป็นวันพิเศษ
- ให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น
- ค้นคว้าหาความรู้มากขึ้น
- ชื่นชมกับสิ่งต่างๆที่เราเห็น
ศาสนาพุทธพระพุทธเจ้าเผยแพร่มากว่า 2600 ปีและความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และ
ไอน์สไตน์บอกว่าศาสนาพุทธมีความเป็นวิทยาศาสตร์สูง
การประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ
การจัดการเชิงระบบจะต้องประกอบไปด้วย คน เงิน ของ ความรู้ ความเป็นผู้นำ การจัดบริการ และเกิดผลลัพธ์ขึ้นมา และในทางพุทธศาสนา
Man : พระสงค์
Money : เป็นเงินบริจาคจากสังคม
Material : สื่อเผยแพร่ต่างๆ
ความรู้ : หลักพระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าเผยแพร่ออกไป
ความเป็นผู้นำ : พระพุทธเจ้า
ความยั่งยืนของพระพุทธศาสนามีองค์ประกอบดังนี้
- สินค้าที่ดี
- การเปิดตัวสินค้า
- การบริหารงานบุคคลหรือองค์กร
- คุณสมบัติความเป็นผู้นำของพระพุทธเจ้า
- ความศรัทธาของผู้ปฏิบัติ
สินค้าของพระพุทธเจ้า
สรุปจากวิดีทัศน์ What is Nirvana โดยท่าน Thich Nhat Hanh
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ และเริ่มเข้าใจสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และเริ่มเข้าใจความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงของสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับสาเหตุและผลของสาเหตุและกรรม และสุดท้ายก็ค้นพบสาเหตุของปัญหานั่นคือ กิเลส และอวิชชา และเมื่ออายุ 35 ปี พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้โดยมีองค์ความรู้ที่สุดยอด
Thich Nhat Hanh กล่าวว่านิพพานเป็นสิ่งที่ขจัดความทุกข์ยากทั้งหลายทั้งปวง ถ้ารู้สาเหตุว่าความทุกข์ยากเกิดจากอะไร ซึ่งความทุกข์ยากเกิดจากอวิชชาของเราเอง การทำสมาธิ การฝึกลมหายใจเป้าหมายคือเพื่อจะ Remove wrong perception หรือขจัดความเข้าใจผิดของเรา คำว่า wrong perception คือเราเข้าใจเราผิด และเข้าใจคนอื่นผิด และคนอื่นก็เข้าใจเราผิด จึงนำไปสู่เรื่องของความกลัวความเกียจชัง ถ้าสามารถขจัดความเข้าใจผิดได้ก็จะนำไปสู่สันติภาพได้ ฉะนั้นถ้าจะบรรลุนิพพานได้ต้อง Remove wrong perception ถ้าเราปฏิบัติสมาธิอย่างลึกซึ้งจะรู้ว่า การมีอยู่ การไม่มีอยู่ ตายหรือเกิด ไปหรือมา เป็นการเข้าใจผิด ถ้าเราปฏิบัติและเข้าใจธรรมชาติอย่างลึกซึ้งเราจะมองเห็นความเป็นเช่นนั้นเอง พระพุทธทาสตีความว่า “อนัตตา” คือ ความไม่มีตัวตน
นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศสได้บอกว่า “เวลาเรามองไปที่เมฆ นี่ก็คือเมฆ เมื่อเมฆกลาย เป็นฝน ก็ไม่มีเมฆแล้ว ถ้ามองให้ลึกจะเห็นว่าเมฆอยู่ในน้ำฝน เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ว่าเมฆจะตาย เมฆสามารถกลายเป็นฝน หิมะ น้ำแข็ง” เวลาบอกว่ามีสิ่งนั้นสิ่งนี้ล้วนเป็นคำสมมุติที่ไม่สะท้อนความเป็นจริง เพราะมีการเปลี่ยนรูป มีความต่อเนื่อง ดังนั้นการบอกว่าการตายเป็นสิ่งที่ไม่เหลืออะไรเลย จริงๆเข้าใจผิด พระพุทธเจ้ายังไม่ไปไหน ยังมีความต่อเนื่องในรูปแบบของสังขะ พระสงค์และธรรมะของพระองค์ที่ยังคงอยู่ ความคิดของพระองค์ยังคงอยู่ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นความเข้าใจผิดที่ต้อง Remove ออก ถ้าเรา Remove ออกจากความคิดของเราได้เราก็จะมีอิสรภาพ ไม่เกิดความกลัว ซึ่งเป็นพื้นฐานของนิพพาน ดังนั้นนิพพานอีกความหมายหนึ่งคือ “อิสรภาพ”
พระพุทธทาสกล่าวว่า “ความสุขหรือนิพพานเกิดได้ ณ เดียวนี้และขณะนี้”
กรมสุขภาพจิตได้นำเอาเรื่องนี้มาประยุกต์ใช้ โดยใช้คำว่า Resilience คือการมีจิตใจที่ยืดหยุ่นซึ่งหมายถึงการที่เราเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง เวลามีอะไรมากระทบกับจิตใจ เราสามารถปรับตัวเพื่อรองรับการกระแทกอย่างรุนแรงลงได้และกลับคืนมาสู่ภาวะปกติได้ มีองค์ประกอบ 4 อย่างดังนี้
การจะบรรลุเป้าหมายได้ขึ้นอยู่กับ 3 ข้อแรกและแนวคิดนี้สามารถใช้ในชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว และการทำงานได้
จากหลักการของ Devid Bolw ทำให้เกิดแนวคิดการพูดคุยแบบสุนทรียสนทนา (Dialogue) คือการปล่อยกระแสคลื่นบวกออกมาจะเกิดการหลอมรวมเป็นพลัง ดังนั้นจึงเสนอหลักการสุนทรียสนทนาไว้ 2 ข้อดังนี้
ผลลัพธ์จากการสุนทรียสนทนา ต้องไม่คาดหวังว่าจะเกิดผลงาน เกิดความรักความสามัคคี เกิดความคิดดีๆ หรือข้อตกลงข้อสรุปของกลุ่ม แต่ต้องมองว่าเรื่องราวดีๆจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า
ไม่มีความเห็น