ประโยชน์จากการเขียนกระทู้ธรรม


ใครที่เคยเรียนนักธรรมไม่ว่าชั้นไหน ต้องผ่านการเขียนกระทู้ให้ได้ ถือว่าเป็นงานหินมาก ๆ จะผ่านไม่ผ่านก็วิชานี้แหละ...

ย้อนนึกถึงอดีตสมัยเป็นสามเณร เมื่อต้องเรียนนักธรรมชั้นตรีถึงเอก ในขณะนั้นหลายต่อหลายคนขยาดกับวิชาเขียนความเรียงที่เรียกว่า กระทู้ธรรม กันเป็นอย่างมาก

ซึ่งการสอบนักธรรมนั้นต้องเขียน กระทู้ธรรม ให้ได้ตามที่ข้อสอบออกสุภาษิตที่เป็นโจทย์มาให้ แล้วนักเรียนต้องพรรณนาความแล้วหา พุทธสุภาษิต มาเชื่อมให้ลงตัว และสุดท้ายก็สรุปความประมาณ 5-6 บรรทัดเป็นอันจบ

ทุกคนเข้าใจกันหมดว่าจะต้องเขียนแบบไหน แต่สิ่งที่หินคือ จะอธิบายอย่างไร และจะหาพุทธสุภาษิตใดมาเชื่อม เพราะต้องอ้างหมวด อ้างบท ได้ถูกต้องด้วย

แต่ก็มีติวเตอร์บางคน (อาจารย์สอน) ระบุว่าให้ขึ้นต้น เชื่อมกลาง และลงท้ายให้ดีรับรองผ่าน กลาง ๆ มั่ว ๆ ไปก็ได้ เพราะคนตรวจอ่านไม่หมดหรอก เพราะสอบกันทั้งประเทศ คนตรวจส่วนกลางมาอ่านทั้งหมดคงไม่ไหว

แต่ผู้เขียนเองก็ไม่เชื่อและทำตาม จึงไม่แน่ใจว่าทฤษฎีนี้ถูกต้องหรือไม่ แต่ใช้แนวของตนเองคือฝึกฝนการเขียน ท่องพุทธสุภาษิตไว้ให้ได้เยอะ ๆ

แต่เชื่อไหมว่าการเชื่อมบางครั้งอ้างหมวดผิดก็สอบผ่านได้เหมือนกัน ไม่เข้าใจหรอกว่าเหตุอะไร แต่พออนุมานได้ว่า ถ้าคนตรวจนั้นอ่านเนื้อหาสาระแล้วเห็นว่าอ้างผิดบ้างแต่เนื้อหา รูปแบบถูก การใช้ภาษาอะไรดีก็น่าจะอนุโลมให้ผ่านก็เป็นได้ หรืออาจจะอ่านไม่หมดก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

นั่นเป็นเพียงอดีต ที่หัดอ่านหัดเขียนเพื่อให้สอบได้

เมื่อมาย้อนนึกคิดแล้วถือว่าโชคดีที่ได้ฝึกเขียนกระทู้ธรรม เพราะมันเป็นการฝึกฝนที่ดีมาก ๆ คือการฝึกคิด ฝึกแตกเนื้อหาสาระ มีการอธิบายเชิงลึก เชิงกว้างครบครัน

แล้วมีการฝึกคิดเชื่อมโยงจากพุทธสุภาษิตบทหนึ่งไปอีกบทหนึ่ง สอง สาม ต่อไป

สุดท้ายฝึกให้คิดเพื่อจะจับใจความ หรือสรุปใจความ

โดยรวมแล้วการเขียน กระทู้ธรรม คือการฝึกเรื่องการคิด และสิ่งที่ได้แถมมาคือความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสวยงามทั้งตัวอักษร และอักขระภาษา

แล้วจะมาสรุปต่อว่าการเขียนกระทู้ธรรมก่อให้เกิด การคิดด้านใดบ้าง... สวัสดีครับ

หมายเลขบันทึก: 429595เขียนเมื่อ 5 มีนาคม 2011 10:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ขนาดเขียนความเรียงธรรมดาตามหัวข้อที่กำหนดยังยาก

ยิ่งเขียนความเรียงเป็นกระทู้ธรรมมันคงยากกว่าหลายเท่า....

คงต้องคิดหนักกันล่ะ..

สวัสดีค่ะคุณโยธินิน

ยินดีที่รู้จักค่ะ ขอบคุณที่แวะไปทักทายค่ะ

จากการเขียนกระทู้ธรรมนำมาสู่งานเขียนที่งดงาม ชื่นชมค่ะ

สวัสดีค่ะ ตามมาจากบ้านคุณวิโรจน์ พูลสุข

การเขียน จึงทำให้เข้าใจมากขึ้นนะคะ

เพราะเป็นการทำงานของสมองทั้ง 2 ซีก คือดึงความจำอันเป็นศักยภาพในซีกซ้าย มาหาเหตุผลและจัดลำดับ เรียบเรียงด้วยภาษา อันเป้นความสามารถของซีกขวา

จึงทำให้เข้าใจในเรื่องราวที่ทำได้มากขึ้น

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ

ขอบคุณคุณ Ico48 ณัฐรดา ที่ติดตามข้อเขียน ผมเห็นด้วยกับการเขียน เวลาเราอ่านหนังสือนี่เหมือนการป้อนข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์ แต่เป็นการเขียนลงในเม็มโมรี (RAM) ซึ่งต่อมาหากไฟดับหรือเต็มขึ้นมาก็มีข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมดสูญหาย แต่การเขียนคือการบันทึกข้อมูลที่ได้จาก RAM ไปเก็บไว้ใน ฮาร์ดดิสก์คือสมองของเรา ดังนั้นผมจึงเห็นด้วยและเชิญชวนหลาย ๆ คนแสดงความคิดเห็นผ่านการเขียน ซึ่งจะเป็นการคัดกรองข้อมูลดิบให้เป็นสารสนเทศแล้วเก็บไว้ในหน่วยความจำระยะยาวของสมอง

ผมเห็นคุณณัฐรดาศึกษาแนวทางของหลวงพ่อพุทธทาสก็ดีใจครับ ที่มีคนสนใจศึกษาธรรมะจากท่าน ผมเองก็ศึกษาหลัก ๆ มาจาก พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต), หลวงพ่อพุทธทาส และหลวงพ่อปัญญา เป็นหลักในการศึกษาธรรมะ

ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท