เด็กคือผู้ใหญ่ในวันหน้า

                เด็กและเยาวชนเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีความสำคัญยิ่ง ดังพระราชดำรัสเนื่องในการเปิดศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางและสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง วันที่ 28 มกราคม พุทธศักราช 2495 ความตอนหนึ่งว่า

         “อนาคตของชาติทุกชาติขึ้นอยู่แก่เด็ก เพราะเด็กก็คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ถ้าบุคคลได้รับการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นพลเมืองดี อยู่ในศีลธรรม เคารพต่อกฎหมายบ้านเมืองเสียตั้งแต่ยังเยาว์ เมื่อโตขึ้นพลเมืองของประเทศก็จะมีแต่คนดีและประเทศจะเจริญก้าวหน้าต่อไปได้ ก็โดยอาศัยพลเมืองดีดั่งว่านี้.......”

                 ในยุคโลกดิจิตอลหรือโลกาภิวัตน์ เป็นยุคที่มีความทันสมัยแห่งเทคโนโลยีและการสื่อสาร ทำให้ข่าวสารต่างๆ แพร่หลายไปยังทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว โดยสื่อต่างๆ ข่าวสารที่กล่าวมานี้มีทั้งดีและไม่ดี ข่าวสารที่ดีย่อมทำให้ประชาชนในประเทศต่างๆได้รับทราบความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงหรือการพัฒนาของสิ่งต่างๆตลอดจนความรู้ที่ประชาชนในประเทศสามารถนำไปเป็นฐานในการป้องกันหรือแก้ปัญหาหรือพัฒนาไปสู่ความเจริญของประเทศได้ แต่หากว่าข่าวสารที่ไม่ดีจะเป็นปัจจัยให้เกิดผลเสียต่อความคิด ความเชื่อ ค่านิยมและพฤติกรรมที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศได้  ดังนั้นสังคมดิจิตอลหรือโลกาภิวัตน์ย่อมมีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย  และเราไม่สามารถสกัดกั้นข้อมูลข่าวสารเหล่านี้ได้ การคัดกรองข้อมูลข่าวสารของผู้รับจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ประชาชนทุกคนสามารถรับรู้และสามารถคัดกรองเอาข้อมูลข่าวสารที่เป็นส่วนดีและเป็นประโยชน์ เพื่อพัฒนาตนเองและสังคมประเทศชาติ หากเป็นข้อมูลข่าวสารที่เป็นโทษต้องสลัดทิ้งให้ได้ ในทางความเป็นจริงเด็กและเยาวชนยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าข้อมูลข่าวสารใดที่เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ ทำให้ไม่สามารถพินิจพิจารณาหรือวิเคราะห์ได้ ดังนั้นเราจะต้องช่วยกันชี้แนะเขาเหล่านี้รู้จักเลือกรับข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์มาใช้เพื่อต่อยอดในการพัฒนาตนเองและประเทศชาติ

          เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มกราคม 2553 เป็นวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งมีส่วนราชการ หน่วยงาน สถานศึกษาองค์กรต่างๆ  ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ร่วมกันจัดกิจกรรมวันเด็กขึ้น เพื่อให้ผู้ใหญ่ใจดีได้เห็นความสำคัญของเด็กและเยาวชน และให้เด็กและเยาวชนมีการแสดงออกในรูปแบบต่างๆในทางที่ดี ในปีนี้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ประธานพระวรธัมโมวาท ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ความตอนหนึ่งว่า “...เด็กเป็นผู้ที่จะรับช่วงทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากผู้ใหญ่ รวมทั้งภาระหน้าที่รับผิดชอบในการธำรงรักษาอิสรภาพและความสงบสุขของบ้านเมือง เด็กทุกคนจึงสมควรและจำเป็นที่จะต้องได้รับการอบรมเลี้ยงดูอย่างถูกต้องเหมาะสม ให้มีความสามารถในการสร้างสรรค์ประโยชน์ต่างๆ หน้าที่นี้เป็นของทุกคนที่จะต้องร่วมมือกันกระทำโดยพร้อมเพรียงกันและสม่ำเสมอ ผู้ที่เกิดก่อน ผ่านชีวิตมาก่อน จะต้องสงเคราะห์อนุเคราะห์ผู้ที่เกิดตามมาภายหลัง ด้วยการถ่ายทอดความรู้ความดี และประสบการณ์อันมีค่าทั้งปวงให้ ด้วยความเมตตาเอ็นดูและด้วยความบริสุทธิ์ใจให้เด็กได้ทราบ ได้เข้าใจ และที่สำคัญที่สุด ให้รู้จักคิดด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง จนสามารถเห็นจริงด้วยตนเองได้ในความเจริญและความเสื่อมทั้งปวง...” นอกจากนี้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ได้ให้คำขวัญวันเด็กไว้ว่า “คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม”  และ ฯพณฯรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ได้มอบสารในวันเด็กปีนี้ ความตอนหนึ่งว่า “วันเด็กแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2553 เป็นวันสำคัญอย่างยิ่งวันหนึ่งของเด็กและเยาวชนไทยที่ได้รับโอกาสและการดูแลจากผู้ใหญ่ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้พวกเขาได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ มีสติปัญญาควบคู่กับการพัฒนาด้านคุณธรรม จริยธรรมและรู้สำนึกในความเป็นไทยในฐานะที่เป็นพลเมืองของประเทศ ตามระบอบประชาธิปไตย

                อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข....” ซึ่งคำขวัญในวันเด็กปีนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายสมควรจะต้องช่วยกันส่งเสริมให้เป็นคุณลักษณะให้เกิดแก่เด็กและเยาวชนให้ได้ โดยกระบวนการต่างๆ ทั้งในและนอกสถานศึกษา  และเด็กและเยาวชนก็ต้องหมั่นขวนขวายพัฒนาตนเองด้วยความตั้งใจและความมุ่งมั่นให้ได้ ถึงจะประสบความสำเร็จดังที่ว่ามานี้   การพัฒนาเด็กและเยาวชนมิใช่หน้าที่ของสถานศึกษาเพียงฝ่ายเดียว การพัฒนาเด็กและเยาวชนต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องสอดรับกัน จึงจะสามารถขับเคลื่อนเด็กและเยาวชนให้เป็นบุคคลที่มีมีคุณภาพและคุณธรรม สามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไปได้ และที่สำคัญที่สุดผู้ใหญ่ต้องปฏิบัติตนให้เป็นต้นแบบที่ดีให้แก่เด็ก จึงจะเป็นภาพที่ชัดเจนจนเด็กและเยาวชนสามารถนำไปประพฤติปฏิบัติตนตามแบบอย่างนี้ได้

สวัสดีครับ