ได้ดูข่าวเกี่ยวกับเรื่องตัดชื่อวัดออกจากชื่อของโรงเรียน เมื่อวันก่อน แล้วหวนคำนึงถึงวัดไตรมิตร ซึ่งไปไหว้พระสุโขทัยไตรมิตรบ่อยครั้งเมื่อก่อนหน้านี้.. เ้วลาที่เหนื่อยจากการงานหรือชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงเหนื่อยกับมันสมองของตัวเองที่คิด คิด คิด ไม่รู้จักจบจักสิ้น ถ้าไม่นอนก็ไม่เลิกคิด บางทีการคิดพะวงเรื่องต่างๆ ยังตามไปเราในฝันบ้างก็มี...
ชีวิตในโลกฆราวาสมันมีหลายจังหวะ เฉกเช่นเดียวกับดนตรีจังหวะต่างๆ ซึ่งมันเร้าอารมณ์ในหลายจังหวะ สร้างอารมณ์ให้คึกคักตามเมโลดี้ที่เขียนในชาร์จ หรือท้วงทำนองเพลงจากเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น ให้อารมณ์และความรู้สึกต่างกัน..
เมื่อคิดถึงเรื่องของวัดไตรมิตรก็ยิงยาวไปยังถนนแห่งความมหัศจรรย์ด้านวัฒนธรรมของคืนไทยเชื้อสายจีน ซึ่งมีประวัติยาวนาน หลายภาพโบราณตามหน้าเว็ปเพจที่ได้ดึงออกมาเก็บไว้ในไฟล์ภาพทำให้หวนคำนึงถึงวันวาง และโอกาสต่างๆ ที่มาเดินอยู่คนเดียวบ่อยที่สุด การวางแผนในแต่ละครั้งก่อนออกมา ว่าจะไปไหนบ้างบนถนนเส้นเจริญกรุง จักรวรรดิ์ เยาวราช หรือถนนมังกร และบ่อยครั้งที่ตามวัดต่างๆ จะเป็นที่หมายสำคัญ มูลนิธิที่ประดิษฐานองค์เทพฯศักดิ์สิทธิ์ หรือพระพุทธรูปสำคัญ เพื่อน้อมสักการะด้วยหัวใจของผู้ที่ยังข้องอยู่ในวัฏฏะ
บรรยากาศหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวจับกังในวันหนึ่ง กับบรรยากาศคนที่พลุกพล่านวิ่งวุ่นกันเป็นปกติ ชุดขาวในฟอร์มหล่อของพนักงานบริการยานยนต์ หมดเวลาการทำงาน จึงออกมาเดินเล่นตามถนนในเยาวราชช่วงสาย.. เวลาที่เหลืออยู่ยังหลายชั่วโมงกว่าจะพลบ เพราะเพิ่งผ่านช่วงเพลมาไม่กี่นาที... ร้านก๋วยเตี๋ยวที่ทำแบบง่ายๆ แต่ได้ปริมาณเยอะทำให้ถูกใจกับผู้ที่ใช้แรงงานในระแวกใกล้นี้มาหลายสิบปี..
มีเพียงเส้นก๋วยเตี๋ยวกับเนื้อหมู (ส่วนไหนบ้างก็ไม่รู้) และน้ำซุปที่รสชาดพอได้ ขายให้กับผู้คนที่สัญจรด้วย เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งคือความเป็นกันเองของอาแปะเจ้าของร้านที่บรรจงสร้างความประทับใจและจัดลงชามอย่างไม่ค่อยพิถีพิถัน แต่นี่คือเอกลักษณ์ของคนสร้างบารมี กำไรน้อยนิดแต่ได้บุญกุศลแรง บางครั้งก็ต้องต่อแถวยาวหลายคิว น้ำปรุง น้ำส้มก็ต้องตักกันเอาเอง เ็ป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผู้ช่วยลูกน้องในร้านก็ทำงานกันไม่ได้หยุดมือตามหน้าที่
ในชีวิตจะมีอะไรอีกเล่า นอกจากความสุข กับควาทุกข์ของแต่ละภาวะจิต ซึ่งเป็นของคู่โลก.. เปรียบเหมือนกับฝ่ามือของเรานั่นเอง เมื่อมีด้านหนึ่งก็จะมองไม่เห็นอีกด้านหนึ่ง เมื่อมีสุขก็จะมองไม่เห็นทุกข์ เป็นธรรมดา..
เริ่มเรื่องชีวิตตอนนี้ นึกถึงอีกคนหนึ่งที่เคยช่วยเหลือกันไว้ อายุอานามห่างกันกว่ารอบ ชีวิตของคนเคยมีทรัพย์สินมากมาย อยู่สบายตั้งแต่บ้านเดิมนครปฐม.. อาชีพรับเหมาก่อสร้างของคุณพ่อ ทำให้ทุกคนอยู่สบาย รวมถึงคุณแม่ด้วย ด้วยความที่เป็นบุตรชายมีเชื้อสายจีนหน้าตาจึงไม่เป็นรองใครในย่านตำบล ไม่ต้องทำงานอะไรมากมายในแต่ละวัน เที่ยวและใช้เงินเพียงเท่านั้น
จนชีวิตเป็นหนุ่มเวลาเนิ่นนานมา..คุณพ่อเริ่มป่วยและเสียชีวิตไปในที่สุด..ไม่นาน การดิ้นรนหาเลี้ยงตนเองจึงต้องเิริ่้มขึ้น..ชาคริตทำงานขายอุปกรณ์การแพทย์ในบริษัทแห่งหนึ่งพร้อมกับเพื่อนสนิท.. สังคมแห่งความโก้หรู หน้าตา และรวมถึงการเงินที่ดี สังคมเพื่อนที่ใช้สอยเงินและสังสรรค์กันแทบทุกวัน ทำให้ลืมนึกถึงการสร้างบุญ บารมี ความดี และสัจจะ...
จนในที่สุึดวันหนึ่งคุณแม่ป่วยด้วยโรคชรา ชาคริตและเพื่อนสนิทสนใจที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคุณแม่ที่..ยื้อชีวิตด้วยกุศลกรรมมาตลอดเวลา จนวาระสุดท้ายเมื่อสิ้นเสาหลักแห่งบ้าน พี่และน้องก็ต้องแยกย้ายกันไป มีเพียงสมบัติชิ้นเดียวคือบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังหนึ่งย่านบางบัวทอง
ชีวิตชาคริตเริ่มจับฉ่าย เรื่อยเปื่อย ไม่เป็นหลักแหล่งหลังจากที่คุณแม่เสีย เพื่อนสนิทได้ถูกชาคริตอัปเปหิออกจากบ้าน.. และใช้ชีวิตกับเพื่อนใหม่ในสังคมโกหรู.. และเปิดร้านขายอาหารซึ่งคิดว่าจะอยู่ได้ แต่แล้วในที่สุดก็ไม่รอด
ครั้งหนึ่งได้รับการติดต่อจากชาคริตเพื่อขอหยิบยืมเงินไปใช้จ่ายจิปาถะ จึงให้ไปโดยไม่คิดอะไร แต่ไม่เคยมีกำหนดใช้ัคืน แต่ไม่ได้ทวงถาม จนมาถึงวันที่ไปเดินเยาวราชและได้เจอกันโดยบังเอิญ.. สภาพของหนุ่มหล่อชาคริต เดิมก้มหน้าเคร่งเครียด ในมือขวาถือแฟ้ม แต่งตัวเหมือนกับเซลล์หนุ่มหาลูกค้าในย่านธุรกิจ คำแรกที่ได้ยินปาก..คือปัดป้องเรื่องภาระหนี้ที่จะใช้คือ แต่สิ่งที่อยากทราบจากตัวเราก็คือเป็นตายร้ายดีอย่างเพียงเท่านั้น.. เพราะห่วงใยอีกชีวิตหนึ่งอยู่ข้างหลัง.. น้องชายวัยสี่สิบเศษที่พัฒนาการสมองช้าและเป็นลมชักอยู่บ่อย... ปัญหาอีกอย่างคือพี่สาวอายุมากกว่า 50 ปีที่ป่วยเป็นเบาหวานและความดัน ใช้ชีวิตในชายคาเดียวกัน.. เหมือนกันทุกสิ่งอย่างกำหนดมาเป็นอย่างนี้..คำพูดเพียงคำเดียวที่ทำให้ชาคริตใจเย็นลง..
"มีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกมา...เงินก้อนนั้นยังไม่อยากได้คืน"..
ไม่นานนักชาคริตโทร.มาคุยเรื่องชีวิต..และอยากจะสร้างสิ่งที่เป็นกุศลธรรมให้กับตัวเอง เป็นมงคลในบั้นปลาย เพราะชีวิตก็เฉียดหลักห้าผ่านวัยทองของตัวเองมาไกลพอสมควร.. คำพูดที่แสดงถึงหัวใจที่อ่อนล้าและเริ่มปลงกับชีวิตที่ผ่านมา จนอยากจะหยุดไขว่คว้าและหนีความจริง!!
วันหนึ่งจึงหยิบกระเป๋าผ้าเดินทางไปจังหวัดลพบุรีด้วยกัน ไปหัดปฏิบัติธรรมเดินจงกรมและนั่งสมาธิสร้างกำลังใจให้กับตัวชาคริตและเสริมบารมี.. สายปะคำเส้นน้อยของตำหนักแม่ชี..บรรจงคล้องคอให้แก่ชาคริตผู้อยู่ในชุดขาวพร้อมทืี่จะสร้างบารมีธรรมตลอดคืนโดยไม่นอน..เพื่อตั้งตบะในการลบล้างวิบากกรรมเก่าให้จางลง..
ตลอดคืนการเดินจงกรมปฏิบัติธรรมรอบวิหารใหญ่และรอบบริเวณวัด การใช้สติอยู่กับปัจจุบันขณะ อารมณ์สอนชาคริตให้เย็นลงได้ดีมาก ลดอัตตาได้หลายอย่าง..
เงินก้อนหนึ่งโอนไปให้ชาคริตได้หล่อเลี้ยงชีวิต กับงานเล็กๆ ที่ทำในบ้านช่วยกับน้อง เป็นงานง่ายๆ ที่สร้างรายได้ให้กับชาคริตได้เลี้ยงตัวเองในแต่ละวัน ได้ดูแลน้องชาย และพี่สาว.. ค่อยๆ คิดทำในสิ่งต่างๆ ต่ออนาคตให้ยาวไกล
พฤติกรรมชาคริตเปลี่ยนไป หลังจากปฏิบัติธรรม รู้จักการสวดมนตร์ กรวดน้ำ ขออโหสิกรรมฯ ใส่บาตรทุกเช้า และทำงานเล็กน้อย.. จัดสรรเงินรายได้-ใช้จ่ายในบ้านได้อย่างสบาย ไม่ลำบาก เพราะความสมถะในวิถีและจังหวะชีวิตที่เป็นอยู่..
วันหนึ่งชาคริตต้องการจะไปเรียนนวดแผนไทย..ก็จัดส่งไปให้ ทั้งนวดตัว และนวดฝ่าเท้าจากสำนักวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในเกาะรัตนโกสินทร์.. ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ต้องการช่วยอยู่หากไม่ลำบากมากนัก.. จนในที่สุดชาคริตได้เข้าทำงานในร้านนวดของเพื่อนแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้านนัก เริ่มมีเงินทะยอยคืนทุกส่วนที่เคยหยิบยืมจนหมด.. คำสัญญาที่ขอไว้ เพื่อความเจริญที่ยั่งยืนและตลอดไปจนอยู่ได้สบาย... เพียงแต่ว่า "รักษาศีล 5" ให้เพรียกพร้อม บริบูรณ์ อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขใดๆ อีกเลย เท่านี้ชีวิตก็จะสงบสุขและอยู่ได้อย่างสบายทุกคนในบ้าน...
วันคืนผ่านไปไม่ทันถึงปี ชาคริตออกจากงานย้ายตัวเองไปทำงานกับเพื่อน ที่กำลังจะเปิดร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านรังสิต ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากชาคริตอีกเลย เคยคุยกันแต่ด้วยความเร่งรีบ จึงถอยห่างออกไปไม่ได้เล่าให้แม้แต่เรื่องใดๆ เลย..จนผ่านไปในที่สุด..
ทุกสิ่งทุกอย่างหมดไปในพริบตา จึงแวะเวียนมาหา อยากจะเลี้ยงน้ำชาและเล่าให้ฟังว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง..มันคืออบายที่พาไปในชั่วคืน.. ชีวิตของชาคริตลอยขึ้นสู่ที่สูงอีกครั้งหลังจากที่สวดมนตร์ ภาวนา ทำมาหากินอย่างพอเพียง..ไม่นานโอกาสที่ดีกว่าพาไปสู่อบายภูมิ ด้วยตำแหน่งผู้จัดการทั่้วไปในร้านอาหารหรูชานเมือง เงินทอง ตำแหน่งหน้าที่ นำพาชีวิตให้ลืมคำสัญญา.. ไม่สนใจใครทั้งนั้น จนในที่สุด สวรรค์ล่มกลางคัน บ้านเพิ่งดาวน์ และรถยี่ห้อดังเพิ่งจะออกมาได้ไม่กี่สัปดาห์ ก็อันตรธาน..
เงินอีกจำนวนหนึ่งที่ชาคริตขอยืม.. ก็โอนให้ไป..กับตำแหน่งหน้าที่พนักงานขายประกันในบริษัทแห่งหนึ่งใจกลางกรุง ด้วยสู้ค่าห้องเล็กๆ ในห้องอาคารพาณิชย์ที่แบ่งเช่าเดือนละเพียงแค่พันบาทไม่ไหว จึงย้ายออกมาอยู่ที่บ้านที่เดิม.. ชีวิตเมื่อไม่มีสัจจะก็อยู่ยาก เมื่อไม่มีจุดยืนก็ประคับประคองลำบาก..
ทุกชีวิตหากแม้ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเอง หรือไม่มีสัจจะในการคิดทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็ไม่สามารถสร้างเสาหลักภายในใจได้.. การไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเองจะทำให้พัฒนาจิตใจในการสร้างนิสัยเพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ยากยิ่งนัก...เหมือนกับชีวิตของชาคริตที่ไม่ยอมหยุดนิ่ง ไม่ีมีสัจจะในตัวเอง ถึงต้องทำให้วุ่นวายไม่สงบ..จนถึงทุกวันนี้
ไม่มีความเห็น