บนอาคารเรียนหลังเก่า สายตาเหม่อออกไปไร้จุดหมาย ลมร้อนไล้ผิวกายชั่วขณะ ใบไม้แห้งร่วงหลุดจากขั้ว ปลิวเคว้ง พราว เกลื่อน สัญญาณการจากลามาถึง..
การเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติ พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ ชาลส์ ดาร์วิน บิดาแห่งวิวัฒนาการก็พูดตรงกัน “อย่าอาวรณ์ให้มากนัก ชีวิตยังอีกยาวไกล นี้แค่การเริ่มต้น” จึงเป็นถ้อยคำพรั่งพรูอยู่บนเฟรนด์ชิพของเหล่าลูกศิษย์เสมอ
ทุกสิ้นปีการศึกษา จะมีนักเรียน ม.3 และ ม.6 จบหลักสูตร หมายถึงต้องจบจากโรงเรียนแห่งนี้ด้วย บรรยากาศร่ำลาจึงเกิดขึ้นประจำทุกปี ต่อนี้ไปกับเพื่อนบางคน อาจไม่หวนมาพบกันอีกแล้วก็ได้ การพูดคุยหนนี้อาจเป็นครั้งสุดท้าย
แค่หยุดเสาร์อาทิตย์ หรือไม่มาเรียนบ้างในบางวัน ยังคิดถึง ยังโหยหา เหมือนขาดอะไรไป แล้วการจากครั้งนี้..อีกเมื่อไหร่จะได้พบกัน?
ความผูกพัน ความประทับใจระหว่างเพื่อน ซึ่งเรียนด้วยกันในชั้นมัธยมมีมาก น่าจะมากกว่าชั้นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นประถมหรืออุดมศึกษา ทั้งนี้เป็นเพราะวัย ขณะเรียนชั้นมัธยมทุกคนอยู่ในช่วงวัยรุ่นพอดี เป็นช่วงเริ่มเมื่อแรกเข้า และเป็นช่วงท้ายเมื่อใกล้จบ สำหรับการเรียนในชั้นประถมนับว่ายังเด็ก แต่พอเข้าสู่มหาวิทยาลัยวัยผู้ใหญ่ก็คืบเข้ามา
วัยรุ่นเห็นเพื่อนเป็นใหญ่กว่าพ่อแม่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น อยากจะปรึกษาหารือใคร ก็มักจะหันไปหาเพื่อนสนิทก่อน
พลังในการเรียนรู้ของวัยรุ่นมหาศาล อยากรู้ อยากเห็น รวมทั้งอยากลองไปหมด ธรรมชาติกำหนดให้เป็นวัยแห่งการเตรียมความพร้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ในวันหน้า การเรียนรู้สั่งสมเป็นเสบียงกรัง..ในคราวจำเป็น สามารถจะหยิบฉวยขึ้นมาใช้ได้ทันที
เมื่อเป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ กิจกรรมร่วมกันในหมู่เพื่อน จึงเกิดขึ้นแทบทุกเวลา ที่สำคัญประสบการณ์เหล่านั้น มักจะเป็นครั้งแรกของแต่ละคน บางครั้งร่วมลำบาก อาจหิว อด หรือเหนื่อย บางครั้งร่วมเศร้าโศกเสียใจกับปัญหา หรือเหตุการณ์ต่างๆที่ประดังเข้ามาท้าทาย แต่ในบางครั้งกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ สุขใจ กับความสำเร็จที่ต่างร่วมกันสรรค์สร้าง ความทรงจำเหล่านี้ไม่มีวันลืมเลือน
ในระดับชั้นประถม ความที่ยังเด็ก อารมณ์ความรู้สึกดังกล่าวอาจมีอยู่บ้าง แต่น่าจะน้อย ด้วยวัยที่ยังต้องได้รับการดูแลหรือประคบประหงมจากพ่อแม่ อีกทั้งเหตุการณ์ต่างๆอาจถูกกลบทับด้วยความประทับใจในช่วงวัยรุ่น ซึ่งน่าจะมีมากกว่า
สำหรับการเรียนในชั้นอุดมศึกษา ภาระงานหรือหน้าที่ความรับผิดชอบจริงจังขึ้น ทำให้เวลาทุกข์สุขร่วมกันอาจน้อยลง แต่ที่สำคัญกว่าน่าจะเกิดจากการเริ่มเป็นผู้ใหญ่นั่นเอง หลังผ่านการเรียนรู้ชีวิตมาพอสมควร ทั้งในสังคมจริงหรือในสถานศึกษา การแข่งขันต่างๆ การเอาชนะคะคานซึ่งกันและกัน มีอยู่ตลอดเวลาของการอยู่ร่วม ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมหนทางของผู้ชนะในหลายสถานการณ์ไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องพอ คุณธรรม-จริยธรรมหายไปไหนหมดแล้ว เอาเพียงได้ชื่อเป็นผู้ชนะล่ะหรือ?
ผู้ใหญ่จะมองตัวเองมากขึ้น หรือมองตัวเองไว้ก่อน แต่กับวัยรุ่นแล้วไม่ใช่อย่างนั้น การคบหาสมาคมเป็น“เพื่อน” ความจริงใจ ความบริสุทธิ์ใจ หรือการให้ใจแก่กันและกัน สำคัญกว่าเรื่องอื่น อาจสำคัญกว่าประโยชน์ตัวเอง ดังผู้ใหญ่บางคนมักคิดและพร่ำสอน
ความผูกพันแน่นแฟ้น ซึ่งก่อตัวและพอกพูนมาอย่างยาวนานในหมู่เพื่อนช่วงวัยรุ่น ทำให้ความยุ่งยากใจ หรือความกังวลใจอดเกิดขึ้นไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อสัญญาณการจากลาปรากฏ
แม้จะรู้ว่าห้วงเวลาที่ใช้ในการเล่าเรียนนั้นสั้นนัก เมื่อเทียบกับเวลาในวัยทำงาน วัยครอบครัว หรือชีวิตทั้งหมดของเรา แต่ก็เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของลูกศิษย์ยามนี้ดี
พร้อมมักจะเอ่ยบ่อยๆ..ครูรอชื่นชมความสำเร็จของพวกเราอยู่
(ภาพประกอบ : กิจกรรมการเรียนรู้วิชาชีววิทยา เรื่อง ปัญหาระบบนิเวศในท้องถิ่น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 เมื่อ 18 มกราคม 2554)
สวัสดีค่ะอาจารย์ธนิตย์มาชื่นชมด้วยกับการเรียนรู้ในรายวิชาและเรียนรู้ในความผูกพันที่มีต่อกัน ถึงฤดูกาลแห่ง งานปัจฉิมนิเทศ ทำให้ใจหายระคนตื้นตันใจที่นักเรียนจะก้าวไปสู่โลกกว้างต่อไป ภาพสวยงดงาม แม้ใบไม้แห้งร่วงหล่นกับพื้น ..เหงาๆๆๆ..อิอิ ย้อนให้นึกถึงสมุดของเราที่เพื่อนและครูเขียนให้จังเลย ลายมือสวยจัง วัยสะรุ่น อิอิ
ดูเหมือนผมได้เขียนเฟรนชีพให้นักเรียน ม.๓ คนหนึ่งคล้ายๆ กับครูธนิตย์ ครูกำลังรอชื่นชมกับความสำเร็จของพวกเราด้วยใจจดใจจ่อ ขอให้พวกเราประสบความสำเร็จในชีวิต
ก็อย่างที่พี่บอกเอาไว้....
"ก้าวต่อไปตามใจฝัน เพื่อประสบผลสำเร็จในชีวิตแล้วกลับมาเป็นคนดีของสังคมต่อไป"
ความรักความผูกพันกับเพื่อน ครูและโรงเรียนก็ยังจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
เอาบุญมาฝากนะคะ
ยิ่งอ่าน ยิ่งเศร้า เหลือเวลาอีกไม่ถึงสัปดาห์
เพื่อนทุกคนก็ต้องแยกย้าย ไปทำตามความฝัน
เรียนในสาขาที่ตนถนัด นานคราวถึงจะได้เจอหน้ากันสักหนหนึ่ง
นึกแล้วเศร้าใจ เพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันมาตั้ง 6 ปี จะจากกัน
***... พบเพื่อพราก.....จากเพื่อเจอ...***
จากนี้ไปคงไม่มีแล้ว ความผูกผัน ความสนุก รอยยิ้ม คราบน้ำตา คงจะเหลือไว้เพียงความทรงจำดีๆที่มีหั้ยกันตลอดมา ไวมากๆเลยนะ จาก 1 ปี เป็น 2 ปี จาก 5 ปี เป็น 6 ปี ไวมากๆสำหรับการที่ได้อยู่ที่ บ้านกร่างวิทยาคม แต่เลือดชมพู-ม่วง ยังคงเข้าข้นอยู่ในสายเลือดตลอดเวลา GOOD...LUCK!!!!!.........GOOD....BYE!!!!!! เธอคือความทรงจำตลอดไป...ไม่ลืมเลือนแม้วันเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน...ลาก่อน...
ความรักความผูกพันเป็นเรื่องดี
ความห่วงใยให้คนเรามีกำลังใจ
จำได้ว่าก่อนจะจบม.ศ. 6 (ขณะนั้น) ความรู้สึกว่าไม่อยากจากเพื่อนๆเลย
อยากเรียนด้วยกันอีก
ด้วยรักและผูกพัน
สวัสดีค่ะ
เคยเป็นครูสอนแต่เด็กเล็กๆ บรรจุเป็นครูครั้งแรกอายุ 21 ปี ตอนนี้ก็จะ 56 ปี แล้วจำลูกศิษย์ไม่ได้เลยเพราะเขาโตขึ้นเปลี่ยนไปมากแต่ดีใจมากที่ลูกศิษย์เข้ามาทักทายแล้วบอกว่า ...จำครูได้ครูไม่เปลี่ยนเลย...เอ...แต่ครูว่าครูแก่และก็อ้วนขึ้นนะ...ไม่หรอกค่ะ/ครับนิดหน่อยเองยังไงหนู/ผมก็จำครูได้...เรียนจบกันหรือยัง...ทำงานหรือยัง...เออว่าแต่ว่ามีครอบครัวกันหรือยัง...ยังค่ะ/ครับ...ดีแล้วๆอย่าเพิ่งรีบร้อนมี โลกนี้ผู้หญิง/ผู้ชายมีเยอะทำงานดีๆเดี๋ยวก็เจอคนดีๆ...ดูแลพ่อแม่ก่อนนะแต่งงานไปแล้วไม่มีโอกาสนะ...
ห่างหายไปนาน...มีเวลาแล้ว กลับมาหวัดดีอีกครั้งค่ะ
วันนี้จัดงานปัจฉิมนิเทศ ให้กับนักเรียนชั้น ป.6 ที่จบชั้นสุงสุดของโรงเรียน
ได้เข้ามาเรียนรู้ ได้ความรู้เพิ่มเติมมากมาย ได้ประโยค วลี คำคม ที่เป็นประโยชน์
ขอบคุณครับ
*** แวะมาชม... ลายมือสวย และจิตใจที่งดงามของครูผู้สร้าง เชื่อว่าสักวันผกามาสจะนำความสำเร็จมาให้ครูชื่นชม
*** ศิษย์หลายคนประสบความสำเร็จได้ ด้วยถ้อยคำและกำลังใจจากครู
*** หลายคนคงคิดเหมือนกันว่า....นักเรียนบ้านกร่างช่างโชคดี
สวัสดีค่ะ อ.ธนิตย์
แวะมาทักทายพร้อมกระเช้าเก็ดถะหวาหอมๆค่ะ
มีความสุขกับการเตรียมเปิดภาคเรียนใหม่นะคะ