คิดตามหลักพรแสวง ที่ผมเรียนรู้จากหนังสือ Why don't students like school? เขียนโดยศาสตราจารย์ Daniel T. Willingham ทำให้ผมตระหนักว่าผมโชคดีจริงๆ ที่ชีวิตอุดมไปด้วยโอกาส
ตอนเด็กโอกาสมาจากการเกิดมาในครอบครัวบ้านนอกยากจน ยากลำบาก เป็นโอกาสให้ได้เพาะนิสัยมุมานะให้แก่ตนเอง จึงได้ใช้ทักษะของความมุมานะ ขยัน ประหยัด อดทน ในการสร้างตัว ทั้งด้านการเรียน การทำงาน และการวางตนให้เป็นคนทำประโยชน์มากกว่าเอาประโยชน์ใส่ตน
ความเป็นเด็กบ้านนอก และค่อนข้างจน กลายเป็นโอกาส ในกรณีเช่นนี้ลูกคนรวย ผู้สูงศักดิ์ ด้อยโอกาสกว่าผมมากนัก ที่จะบอกตัวเองให้ขยันหมั่นเพียร เพียรฝึกพรแสวง
นอกจากโอกาสในมิติพรแสวงแล้ว ผมยังโชคดีได้พรสวรรค์ ๒ ชั้น ชั้นที่ ๑ คือได้สมองที่ดีมาจากพ่อแม่ และชั้นที่ ๒ ได้มรดกความขยันหมั่นเพียรมาด้วย
โอกาสยิ่งไหลมาเทมา เพราะยามชรา ผมยังบอกตัวเองให้หมั่นฝึกฝนตนเอง แม้ชีวิตจะดีมากแล้ว ก็ไม่หยุดเรียนรู้ พรแสวงฝึกได้ไม่รู้จบ และมีมิติที่น่าจะฝึกฝนได้อีกมากมาย ข้อจำกัดคือเวลา และพละกำลังที่หย่อนลง
พละกำลังที่หย่อนลง เป็นเครื่องสติ ว่าไม่ช้าเราก็จะจากโลกไป การฝึกฝนเตรียมตัวเผชิญความตายกลายเป็นความท้าทายชิ้นใหม่ ความตายที่ใกล้เข้ามากลายเป็นโอกาสของการเรียนรู้ชีวิตอีกมิติหนึ่ง
เมื่อชีวิตอุดมโอกาส ก็ต้องตอบแทนสังคมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
วิจารณ์ พานิช
๒ ก.พ. ๕๔
ไม่มีความเห็น