เส้นทาง ..สู่กุสินารา


นางวิสาขา เป็นคนงามมาก ผิวของนางเป็นสีขาว ราวกับดอกกรรณิการ์ ผู้หญิงอินเดียนี่ ที่จะนับว่าสวยงามต้องมีผิวสองสีคือ ผิวสีขาว ก็ต้องราวกับสีดอกกรรณิการ์ หากผิวสีคล้ำต้องราวกับดอก อุบลเขียว

หลังจากร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีที่วัดไทยเชตวันตามรอยท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีแล้ว ( หวังจะมีบ่อมหาสมบัติสักหนึ่งในพันของท่านก็พอ อิอิ)

แม่ต้อยกับเพื่อนๆยังร่วมบริจาคเงินเพื่อช่วยสร้างห้องน้ำระหว่างทางจากเมือง สารนาถกับเมืองสาวัตถีอีกด้วย เผื่อว่าคนที่ไปในวันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องใช้ห้องน้ำกระโจมแบบแม่ต้อยอีก แต่อย่างไรก็ตามแม่ต้อยคิดว่าอันนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีครั้งหนึ่งในชีวิตทีเดียวละ..

เผลอแป้ปเดียวนี่เป็นวันที่๕ ของการเดินทางแล้วสินะ และในวันนี้นี่เองเราต้องเดินทางอีก ๘ ชั่วโมงเพื่อไปยังเมืองกุสินารา

ในส่วนตัวของแม่ต้อย ชอบที่จะนั่งรถในระยะเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ เพราะว่าได้มีโอกาสสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับ ผู้คน ความเป็นอยู่ ในพื้นที่ต่างๆของประเทศอินเดีย อีกทั้งเสียงแตรที่ส่งเสียงตลอดทางทำให้แม่ต้อยชักจะเคยชิน

 

" พอกลับไปกรุงเทพฯ คงไม่สนุกแน่ๆๆ"

" ทำไมละ" เพื่อนแม่ต้อยหันมาถาม

" อ้าว.. เหงานะสิ เพราะว่าเราชักจะชินเสียแล้วว่าพอนั่งรถต้องบีบแตร ฮ่าๆ

แต่น่าจะเป็นความเคยชิน เสียงแตรรถอาจจะเป็นเสียงทักทายของเพื่อนฝูง ที่ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ เพราะแม่ต้อยเห็นเขาเขียนติดท้ายรถตัวเบ้อเริมว่า " Horn please "

บอกแล้วว่าเสน่ห์ของใครๆ ก็แตกต่างกันได้  เราไม่ควรวัดด้วยความเคยชินของเราเพียงฝ่ายเดียว ใช่ไหม

ที่นิยมชมชื่นอีกอย่างก็คือ นับตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาที่ประเทศอินเดียนี้ แม่ต้อยเห็นผู้หญิงชาวอินเดียแทบทุกคน สวมใส่ด้วยชุดส่าหรี สีสวยงาม ไม่ว่าเธอจะทำงานในบ้าน ในท้องนา หรือแบกข้าวของตามถนน  น่ายกย่องที่ประเพณีการห่มส่าหรีตั้งแต่ครั้งพุทธกาลยังยืนยงมาจนถึงในยุคปัจจุบันอย่างไม่เสื่อมคลาย

คุณปาเด ไกดิ์ชาวอินเดียประจำรถซึ่งได้คัดสรรค์อย่างดีจากทัวร์เอื้องหลวง เพราะเธอเป็นคนวรรณะพราห์มอันเป็นวรรณะสูงสุด ดังนั้นเมื่อมีปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ การเจรจาจะง่ายมากยิ่งขึ้น

คุณปาเดเล่าให้แม่ต้อยฟังว่า

“ เมื่อหญิงสาวชาวอินเดียจะแต่งงาน จะต้องเก็บเงินเพื่อไปสู่ขอชายที่เหมาะสมกับตนเอง เพื่อ ให้มาดูแลและปกป้องชีวิตในอนาคต ตลอดไป ”..

“ เมื่อผู้หญิงอินเดียจะได้เข้าสู่พิธีแต่งงาน เธอจะได้รับผ้าห่มส่าหรีอย่างน้อยจำนวน ๕ ชุด จากครอบครัวของเจ้าบ่าว”

แต่ชีวิตหลังการแต่งงาน หากสังเกตุจะเห็นว่าผู้ชายจะเป็นฝ่ายดูแลและสร้างเนื้อสร้างตัว  ดังนั้นการค้าขาย การทำอาชีพต่างๆมักจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายชาย เมื่อหาเงินได้ เงินทุกรูปีจะให้ภรรยาทั้งหมด..”

และหากมีการโต้เถียงกันไม่ว่าฝ่ายใดจะผิด แต่ว่าผู้ชายจะเป็นฝ่ายยอมให้ผู้หญิง..เสมอ...

เอ.. หากเป็นอย่างนี้จริงมันก็น่าเก็บเงินไปสู่ขอฝ่ายชาย เหมือนกันนะ แม่ต้อยแอบนึกในใจชัก คล้อยตามเรื่องเล่าของปาเดด้วยความ ศรัทธาและ ครึกครื้น..ฮ่าๆๆ  จริงไหมละคะ ท่านผู้อ่าน..

ตลอดระยะการเดินทาง๘ ชั่วโมง ไม่น่าเบื่อสำหรับแม่ต้อยแม้แต่น้อย  เพราะนั่งมองทิวทัศน์ วิถีชีวิต ตั้งแต่ยามบ่ายจนตะวันพลบค่ำ และจน มืดสนิท เห็นแสงไฟวิบวับจากบ้านดินข้างๆทาง เด็กๆปูฟูกที่นอนหน้าบ้าน วิ่งกระโดด อย่างไร้เดียงสา    

พระอาจารย์ คมสรณ์ ได้บรรยายธรรมะ และนิทานชาดก เรื่องแล้ว เรื่องเล่าให้พวกเราฟังอย่างเพลิดเพลิน บางครั้งท่านก็หยุด เล่าเรื่อง เพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกรถ เช่น รถติด หรือแขกทะเลาะกันข้างทาง อิอิ

“ อ้าว เมื่อกี้เล่าถึงตอนไหนละโยม..”

แม่ต้อยก็จะทวนเรื่องเล่าให้ท่านอาจารย์ฟังอีกครั้งหนึ่ง แล้วพระอาจารย์ ก็เล่าต่อไป...

“ นางวิสาขา เป็นคนงามมาก ผิวของนางเป็นสีขาว ราวกับดอกกรรณิการ์ ผู้หญิงอินเดียนี่ ที่จะนับว่าสวยงามต้องมีผิวสองสีคือ  ผิวสีขาว ก็ต้องราวกับสีดอกกรรณิการ์ หากผิวสีคล้ำต้องราวกับดอก อุบลเขียว..”

แม่ต้อยก้มมองดูผิวที่เหี่ยวแห้งของตัวเอง แล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ.  .. มันช่างไม่เข้ากับดอกไม้สักดอกที่พระอาจารย์ ยกตัวอย่างมาเสียเลย.. อิอิ 

ประมาณสองทุ่ม เราก็มาถึงเมืองกุสินาราโดยสวัสดิภาพ โรงแรมนี้บริเวณติดกับวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ที่เราจะไปทอดผ้าป่าในวันพรุ่งนี้

“ ก่อนนอนอย่าลืมสวดมนตร์ แผ่เมตตา นะโยม.. โปรดฟังอีกครั้ง ก่อนนอนอย่าลืมสวดมนตร์แผ่เมตตา..”

ทำให้แม่ต้อยและเพื่อนร่วมห้องซึ่งเป็นโรคเดียวกันคือโรคกลัวผี ต้องหูผึ่งและ มองตากันเลิกลั่ก

คืนนั้นเรานั่งสวดมนตร์ กันหลายต่อหลายบท  จนเกือบหมดเล่ม

และมีคำมั่นสัญญากันด้วยว่า  เราต้องนอนและหลับพร้อมกัน ห้ามใครคนใดคนหนึ่งหลับก่อนเป็นอันขาด ฮ่าๆๆ

ยังไม่เท่านั้น ยังรวบรวมบรรดาพระหลายองค์ ที่ได้รับจากการทำบุญ ตลอดเส้นทางนิมนตร์ท่านขึ้นประจำที่บนหัวเตียงของเราทั้งสอง ขอบารมีท่านคุ้มครองด้วยเทอญ 

คืนนั้นเราทั้งสองหลับสบาย  ตื่นมาเช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวไปสาลวโนทยาน สถานที่พระพุทธองค์เสด็จปรินิพพาน

และแม่ต้อยจะเล่าในตอนต่อไปนะคะ

นมัสเต

 

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #กุสินารา
หมายเลขบันทึก: 426788เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2011 18:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:36 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

ก่อนนอนอย่าลืมสวดมนตร์ แผ่เมตตา

สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน

 

 

Ico48

สวัสดีคะ น้องท้องฟ้า

แม่ต้อยก็ประมาณแม่อุ้ย ที่นั่งไหว้พระแถวหน้าๆนั่นแหละคะ

ขอบคุณคะ ที่หมั่นมาแวะคุยกันคะ 

ขออ่านไว้ก่อนค่ะ  หวังไว้าว่าสักวันคงได้ไป

สวัสดีค่ะ

ด้วยคิดถึงมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ค่ะ  อิจฉาแม่ต้อยที่บินลัดฟ้าไปโน่นไปนี่  เคยมีโปรแกรมว่าจะไปอินเดีย และบาหลี  แต่อีกคนก็ชวนไปทางอื่น  ยังลังเลอยู่ค่ะ  เมื่อถึงเวลาก็ต้องควักกระปุก

อย่างไรก็ไปกับแม่ต้อยที่บันทึกนี้ก่อน  จะย้อนกลับไปอ่านบันทึกที่ผ่านมานะคะ

  • เมื่อเดือนที่แล้วครูต้นส้มเพิ่งไปเวียดนามมา ที่นั่นไม่ค่อยมีวัด พระก็มีน้อยเพราะถ้าบวชเป็นพระแล้วห้ามสึก แต่ดีอย่างสามารถมีเมียได้
  • ครูต้นส้มว่า จะเก็บเงินซักก้อนนึง ไว้ไปขอหนุ่มอินเดียแต่งงานมั่ง คุณแม่ต้อยจะไปด้วยกันมั้ยคะ น่ะ..เป็นเพื่อนกัน อิอิ..
  • อ้อ..ถูกใจ web. ของแม่ต้อยมากเลยค่ะ น่ารักอ่ะ..
  • บันทึกพี่ต้องทำให้ผู้อ่านมีความสุขไปด้วยค่ะ

Ico48

สวัสดีคะ ครูนาย

ดอกบัวดอกนี้ ใส สงบ เย็น ดีคะ

ขอบคุณสำหรับความปราถนาดีในวันมาฆะบูชาวันนี้คะ

Ico48

สวัสดีคะ ครูคิม

วันนี้เป็นวันมาฆะบุชา ขอให้ครูคิมได้รับสิ่งที่ดีดี จากคำสอนของพระพุทธเจ้านะคะ

ครูคิมยังไปได้อีกหลายๆที่คะ

ไปด้วยกันอีกไหมคะ คราวหน้าคะ

Ico48

สวัสดดีคะ ครูต้นส้ม

ชื่อน่ารักมาก และแม่ต้อยเองก็ชอบส้มมากๆเสียด้วย

เกรงว่าหากไปขอชายหนุ่มอินเดียพร้อมกับครูต้นส้ม แม่ต้อยคงต้องค้าง เหลือกลับมาเมืองไทยแน่นอนคะ อิอิ นอกเสียจากว่าแม่ต้อยต้องขนเงินไปมากๆๆเสียหน่อย อิอิ

ขอบคุณและยินดีที่ได้รู้จักนะคะ

 

Ico48

สวัสดีคะ

เรียนหนักไหมคะ คงเกือบจบแล้วนะคะ

แม่ต้อยคิดถึงเสมอคะ

พี่กุลว่าโรงแรมใกล้วัดนั่นน่ะ  พี่ต้อยต้องชิงหลับก่อนแน่นอนนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท