วันรักไม่ละ..วันพระไม่ลืม

วันพระน่าคิด

(ภาพประกอบจาก Internet)

ถ้าถามว่าเดือนกุมภาพันธ์ มีวันสำคัญอะไรบ้าง ส่วนใหญ่จะตอบว่า "วันวาเลนไทน์" โดยลืมไปว่ามีอีกวันหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน พูดถึงวันวาเลนไทน์ สำหรับบางท่าน ที่ไปที่มาอาจไม่สำคัญ แต่วันนี้นั้น มักใช้บอกคำรัก "ความรัก" แม้จะเป็นสิ่งดีก็จริง แต่รักไม่เลือกที่ต้องระวังครับ ว่าคนที่เราจะบอกรักนั้น เขามีคู่รัก หรือว่าตัวเราเอง มีคู่รักอยู่แล้วหรือเปล่า ถ้าเป็นทั้งสองกรณีที่กล่าวมา การบอกรักเพิ่มครั้งนี้ คาดว่าโชคไม่ดีคงตามมา เตรียมยาทาแผลและข้อแก้ตัวให้ดี หรือถ้าแย่กว่านี้ ชีวิตที่มีอาจจะพลีเพราะรัก จึงต้องระวังให้มากครับ

วันสำคัญอีกวันหนึ่งที่ผมกล่าวถึงคือ “วันมาฆบูชา” ซึ่งถือเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา สำหรับพุทธศาสนิกชนแล้ว ถ้าใครตอบไม่ได้ว่า วันนี้เป็นวันสำคัญอย่างไร ต้องรีบกลับไปค้นหาดูครับ เดี๋ยวจะอายเขา ว่าเรานั้นนับถือศาสนาตามทะเบียนบ้าน ซึ่งทางเอแบคโพลล์เอง เขาก็ได้ทำการสำรวจ เรื่อง "ความเข้าใจของเด็กเยาวชนไทยเกี่ยวกับวันมาฆบูชา และความตั้งใจที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ในวันมาฆบูชา" ระหว่างวันที่ 11-12 กุมภาพันธ์ 2554 ซึ่งผลก็พบว่า เด็กเยาวชนจำนวน 65.4% ไม่รู้ว่าวันใดคือวันมาฆบูชา และ ประชาชนจำนวน 27% ไม่ทราบว่า “โอวาทปาฏิโมกข์” คือ หลักธรรมสำคัญของพระพุทธศาสนา ฟังแล้วก็น่าคิดต่อครับ ว่าจะทำอย่างไรกันดี นี่ยังดีนะครับที่โพลศึกษากลุ่มตัวอย่างแค่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ถ้าเกิดมาต่างจังหวัด แล้วบังเอิญมาถามผม ถามไปถามมา ผลสำรวจที่ได้อาจแย่กว่านี้ นั่นเพราะส่วนหนึ่งเราไปให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์มากเกินไป โดยเฉพาะสื่อต่างๆ จะเห็นว่ามีข่าวเกี่ยวกับกิจกรรมวันมาฆบูชาน้อยมากเมื่อเทียบกับวันเลนไทน์ แต่ถ้าสื่อให้ความสำคัญ ของวันมาฆบูชา พูดถึงให้ได้ยินบ่อยๆ เวลามีใครมาถาม ก็จะสามารถตอบได้ ถึงแม้ไม่ใช่แต่ก็คงใกล้เคียง

นอกจากจะไม่ค่อยรู้แล้ว คนเราทุกวันนี้ ก็ทำตัวไกลวัดไกลวากันมากขึ้น จากสาเหตุมากมาย บรรยายอาจไม่หมดจึงของด ไม่กล่าวถึง หรือเวลาไปวัด ส่วนใหญ่ที่เราพบเห็นก็มักพากันไป มุ่งหาของขลัง หวังเลขเด็ด จากหลวงพ่อ มากกว่าจะไปศึกษา ถามหาหลักธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วนำไปปฏิบัติ บ้านเราก็เลยวุ่นวาย เพราะคนไม่ปฏิบัติตามหลักธรรม ไม่รักษาศีล ที่แย่คือ บางคนไม่รู้ว่าศีลคืออะไร ไปวัดทีไรก็ได้แต่สายสิญจน์กลับมาแทน แม้จะอุ่นใจแต่ก็ยังไม่ใช่หลักธรรมนำชีวิต

ดังนั้นในวันมาฆบูชาที่จะมาถึงและวันต่อๆ ไป แม้ว่าบางท่านไม่ได้ไปวัด จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม แต่ถ้ามุ่งทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ก็ถือว่าเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี ส่งผลให้ชีวิตมีแต่ความสุข สุขในรสธรรม เลิศล้ำดื่มด่ำใจเสมอ จากที่เห็นข่าว ว่าบ้านเราจัดแข่งขันจูบนานที่สุดในโลก ลองหันมาจัด แข่งขันนั่งสมาธินานที่สุดในโลก รักษาศีลห้าได้นานที่สุดในโลก ก็ดีเหมือนกันนะครับ เรียกว่า แข่งขันกันทำความดี ผมว่าอย่างนี้น่าสนับสนุนครับ

เขียนใน GotoKnow โดย ชำนาญ เขื่อนแก้ว
ใน คนอารมณ์ดี

คำสำคัญ (Tags): #วันมาฆบูชา#วันสำคัญทางพุทธศาสนา#ความดี#หลักธรรมคำสอน#วันพระน่าคิด

หมายเลขบันทึก: 426754เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2011 15:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:36 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่าน

ความเห็น (36)

♥อุ้มบุญ♥

เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2011 16:02 น. ()

บันทึกนี้ชอบจริง.....ช่วยกันบอกเล่าเรื่องราวดีดีที่เป็นประโยชน์นะคะ

ครู ป.1

เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2011 19:25 น. ()

สาธุค่ะ

คนรุ่นใหม่ขอให้คิดแบบนี้กันทุกคน

วันพระ ยึดทางพุทธ..คงดีจริงๆ

krugui

เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2011 20:05 น. ()

หันหัวข้อเรื่องแล้ว...เป๊ะเลยเน้อน้อง

ละอ่อนเฮาสมัยนี้ฮู้จั๋กแต่ของนอกนักกว่าของดีในบ้านเฮา

ก่เลยเกิดปั๋นหาตวยมาหื้อได้โตยแก้อยู่ตลอด คนสมัยก่อนเปิ้นบ่าหันมีปั๋นหานักหยั่งอี้ลอเนาะ....ว่าก่???

กาว่าคนเฮาไก๋วัดไก๋ตุ๊นักล้ำไปอย่างน้องว่า....ถ้าจะต้องเริ่มสอนวิชา"ศีลธรรม"กั๋นแหมใหม่แล้วก๊า..

บุญฮักษาในวันมาฆบูชาเน้อเจ้า..

krukorkai

เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2011 20:13 น. ()

บึนทึกนี้ดี ชวนกันทำดี พรุ่งนี้วันมาฆบูชาตั้งใจจะไปทำบุญตักบาตรที่วัดใกล้บ้านค่ะ

เพลงเพราะด้วย ขอบคุณค่ะ

คิม นพวรรณ

เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2011 20:31 น. ()

สวัสดีค่ะ

พี่คิมเตรียมตัวแล้วค่ะ ของใส่บาตรครบถ้วน ขัดขันและตะกร้าเงิน เป็นมรดกของคนสืบต่อกันมาหลายรุ่น เตรียมเสื้อผ้า เตรียมใจให้สะอาดอีกด้วย

อู้อะไรกั๋นกับปี้ครูกีร์ เฮาบ่ค่อยเข้าใจ๋ แต่คงม่วนอกม่วนใจนะ

ได้อ่านข่าวนี้เหมือนกันนึกถึงหลวงพ่อชาคโรภิกขุ พระฝรั่งกล่าวว่า "คนไทยโชคดีกว่าชาติอื่นมาก ที่เกิดมาใต้ร่มพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ แต่คนไทยบางกลุ่มไม่สนใจศาสนาเสียเลย"

ครูนาย

เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2011 20:33 น. ()

ชำนาญ เขื่อนแก้ว