ทำไมมาเห็นความดีกันตอนตายไปแล้วละ..


                              ทำไมมาเห็นความดีกันตอนตายไปแล้วละ..

       คนเรานี่ก็แปลกนะ  เมื่อตอนที่เราใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมักจะไม่ค่อยมองเห็นความดีของกันและกัน ทะเลาะกันบ้าง แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันบ้าง สาระพัดที่จะเป็นเหตุให้ต้องบาดหมางใจกันจนเรียกว่าจะไม่เผาผีกันแล้ว  แต่เอาเข้าจริงเมื่อคนคนนั้นสิ้นชีวิตลง เรากับมองเห็นความดีในช่วงชีวิตที่คนที่ตายไปแล้วเคยทำไว้ เอะ.. สิ่งก็ดี  เอะ.. สิ่งนี้ก็ดี อ้าว..แล้วตอนอยู่ด้วยกันทำไมมองไม่เห็นสักทีละ แล้วก็ต้องมานั่งเสียใจที่เคยทำอะไรไม่ดีไว้กับคนตาย ทำไมตอนนั้นฉันไม่ทำดีกับเขานะ  พอคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว  อย่าปล่อยให้ความโลภ ความโกรธ ความหลง ครอบงำจิตใจเราให้มากนักเลย เพราะถ้ามันครอบงำจิตใจเรามาก ๆ นั่นแหละ มันจะทำให้เราจิตใจมืดบอดมองเห็นความดีใครไม่เห็นเลยจริง  ในโลกนี้ไม่มีใครดีไปเสียทั้งหมด ไม่มีใครชั่วไปเสียทั้งหมด  ในตัวคนมีทั้งดีทั้งเสียเสมอ เว้นเสียแต่ว่าจะดีมาก ชั่วน้อย หรือ ชั่วมาก ดีน้อยเท่านั้นเอง

       ฉะนั้นแล้วอย่าเอาเวลาชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดนี้มาทะเลาะกันเลย  หันหน้ามาจับมือกันแล้วช่วยกันสรรสร้างพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองของเราให้เจริญมั่นคงกันเถอะ

          ดั่งที่กล่าวว่า  แบ่งพวกทำให้เสียรัก  แบ่งพรรคทำให้เสียสามัคคีแบ่งทั้งพวกแบ่งทั้งพรรค เสียทั้งความรักความสามัคคี  ไม่แบ่งพวกก็ไม่เสียรัก ไม่แบ่งพรรคก็ไม่เสียสามัคคี ถ้ารวมพวกรวมพรรค ได้ทั้งความรักความสามัคคี

         และสุดท้ายขอนำพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชนิพนธ์เตือนใจไว้บทหนึ่งว่า "อันชาติใดไร้รักสมัครสมาน  จะทำการสิ่งใดย่อมไร้ผล  แม้ชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะอยู่สุขอย่างไร" 

       

คำสำคัญ (Tags): #ความดี
หมายเลขบันทึก: 426679เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2011 07:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท