กัญชารักษามะเร็ง
เช้าวันที่ ๒๙ ม.ค. ๕๔ พบ ผศ. นพ. ปัตตะพงษ์ เกศสมบูรณ์ ในงาน PMAC 2011 ท่านเล่าว่า อ่าน บล็อก เรื่องกัญชาของผม (๑, ๒, ๓) แล้ว ได้ไปค้นคว้าต่อ พบหลักฐานว่าใช้รักษามะเร็งได้ เพราะมีฤทธิ์กระตุ้น apoptosis (การตายของ เซลล์) มีผลต่อเซลล์มะเร็ง โดยไม่ก่อผลต่อเซลล์ปกติ จึงไปติดต่อ นพ. วิทิต ผอ. องค์การเภสัชกรรม หาทางพัฒนาเป็นยา
อ. หมอปัตตะพงษ์ เอาซีดีมาให้ผม ๑ แผ่น เป็นเรื่อง วิดีโอ และบทความเกี่ยวกับกัญชา ผมจึงลองเข้าไปค้นใน YouTube ด้วยคำหลัก Cannabis and cancer ได้วิดีโอเกี่ยวกับกัญชามากมาย เช่นเรื่องนี้ ซึ่งก็หมายความว่า กำลังมีการค้นคว้าหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์กันอย่างจริงจัง รวมทั้งมีการรณรงค์ให้กัญชาเป็นยา แทนที่จะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
บทความที่ อ. หมอปัตตะพงษ์ เอามาฝากในซีดี เช่นบทความเรื่อง Cannabinoids in the treatment of cancer เขียนโดย Amy Alexander และคณะ ตีพิมพ์ใน Cancer Letters 2009
ทำให้ผมได้ความรู้เพิ่ม ว่าความเข้าใจเดิมของผมผิด ที่เข้าใจว่ากัญชาเพียงช่วยลดความทุกข์ทรมาน เพราะมีฤทธิ์ลดปวดและลดความวิตกกังวล ดังนั้น หากกัญชามีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ก็ยิ่งสมควรใช้กัญชาเป็นยา ทั้งยาสมุนไพร และยาแผนปัจจุบัน ประเทศไทยจะได้มีสินค้าคุณภาพสูงและราคาแพง สำหรับส่งออก เพราะภูมิอากาศของประเทศไทยเหมาะต่อการผลิตกัญชาคุณภาพสูง
เราต้องช่วยกันกระตุ้นให้แก้ไขข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่ตั้งป้อมรังเกียจกัญชา มีคนบอกว่า เป็นเล่ห์ของบริษัทยายักษ์ใหญ่ ที่ต้องการกีดกันคู่แข่งสินค้าของตน
วิจารณ์ พานิช
๓๐ ม.ค. ๕๔
ความเห็น (5)
อยากจะช่วยผลักดันให้กัญชาเอามาใช้เป็นยา และมีการควบคุมครับ
อยากจะรบกวนขอคำแนะนำว่าควรจะเริ่มอย่างไร เบื้องต้นผมอยากจะทำแผ่นพับให้ข้อมูลอีกด้านที่แท้จริง น่ะครับ
ตอนนี้อเมริกามีโอกาสสูงเพราะกว่า 14 รัฐได้ออกกฏหมายอนุญาติใช้ในทางการแพทย์แล้ว ในเกือบ 20ปีที่ผ่านมาเริ่มจาก California
และจะมีการเลือกตั้ง ปธน ในปีหน้า ผู้สมัครหลายคนก็มีนโยบายที่จะทำให้กัญชาถูกกฏหมาย
ตอนนี้ประเทศไทยยังมีผู้มีความรู้ทางด้านนี้น้อยครับ ทั้งๆที่สายพันธ์ท้องถิ่นของเรามีคุณภาพสูง แต่ปลูกยากและใช้เวลานาน(ต้องให้ออกดอก 16 สัปดาห์) ฝรั่งก็เลยไม่ค่อยนิยมปลูกไปด้วย
ผมอยากให้บ้านเรามีการรวมกลุ่มรณรงค์บ้างเหมือนประเทศอื่นๆ อย่างอินโดหรือฟิลลิปินส์ ก็มีแล้ว อย่างน้อยให้ยกเลิกทางอาญาก็ดี เพราะคนใช้กัญชาก็ไม่ได้ไปทำร้ายใครและก็เป็นผู้ยอมรับความเสี่ยงเอง
ตอนนี้ผมมีข้อมูลเยอะพอสมควร ทั้งด้านเศรฐกิจ สังคม และความคิดเห็นด้านประวัติที่เกี่ยวข้องกับการเมือง
หวังว่าประเทศไทยจะมีผู้ช่วยกระพือข่าวนี้ออกไปสู่สังคมบ้างนะครับ
คงเป็นเรื่องยาก เพราะเมืองไทยการเมืองอิงกับพ่อค้ายา การแก้กฏหมายให้กัญชาถูกกฏหมาย กัญชาจะกลายเป็นหญ้าที่ไร้ค่าในตลาดมืดทันที เท่ากับเป็นการทำลายผลประโยชน์มหาศาลของผู้ค้ายา
ก็คงต้องพึ่งพาท่านผู้อาวุโส ผู้ทรงคุณวุฒิ ออกหน้ากระตุ้นเตือนให้ประชาชนรับทราบข่าวสารความจริง อย่างน้อยก็จะเป็นหนทางให้คนจน ได้พ้นจากภัยมะเร็งร้าย ที่เป็นโรคตายอันดับ 1 ของคนไทย ตามไปด้วยโรคเส้นโลหิตตีบ กัญชาคือยาพื้นบ้านที่จะมารับมือกับโรคร้ายๆที่กำลังฮิต ในปัจจุบัน... ลองไปฟัง บิดาแห่งแคนนาบิส โปรเฟสเซอร์นายแพทย์ Raphael Mechoulam แห่งมหาวิทยาลัยเยรูซาเล็ม ประเทศอิสลาเอล ผู้ค้นพบประโยชน์อันมหาศาลของ กัญชา หญ้าจากพระเจ้าเพื่อมนุษย์ชาติ ปี2012.
สมัยผมเป็นทหารตามแนวชายแดนจะคิดถึงบ้านมากและจะวิตกกังวลตลอดก็ได้กัญชานี่ละคลายเครีสช่วยให้รู้สึกดีขึ้นช่วยให้นอนหลับกินข้าวได้ฟังเพลงเพราะเราจะไม่เครีสกับเหตุการณ์ที่น่ากลัวมีสติมากขึ้นแล้วจะช่วยประหยัดเงินมากเนื่องจากกัญชาราคาถูกกว่าเหล้ามากกินเหล้าต้องใช้เงินวันละ 100-200 บาทบางวันก็เป็น1000 บาทเงินไม่เคยเหลือเลยเป็นหนี้เขามากเลยเปลี่ยนมาเสพกัญชาใช้เงินวื้อกัญชาเดือนละ 300 บาทเลยทำไห้หมดหนี้สินและมีเงินเหลือใช้เพราะเมากัญชาแล้วจะไม่อยากไปใหนอยากไห้เปลี่ยนกฎหมายใหม่จะทำไห้ลดรายจ่ายในครอบครัวมากทุกวันนี้ต้องซื้อเหล้ากินเงินไม่เหลือเลยเครียสมาก
คุณบัณฑูร นิยมาภา แจ้งมาว่า
ผมอ่านบทความของอาจารย์ ทำให้ได้แรงบัลดาลใจในการต่อสู้ เพื่อให้กัญชาออกจากบัญชียาเสพติดเสียที ผมจะทำการชุมนุมเสวนาในหัวข้อที่ว่ากัญชาไทยถูกกฏหมายหรือไม่ ในวันอาทิตย์ ที่22 กันยายนนี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยครับ ขอขอบคุณในบทความของอาจารย์ครับ