28. คำว่า “ความรัก” นั้นสำคัญไฉน?...
"คำว่า “ความรัก” นั้นสำคัญไฉน?..."
สำหรับเดือนนี้ เรียกว่า “เป็นเดือนแห่งความรัก” เพราะเป็นเดือนกุมภาพันธ์ ยิ่งหนึ่งในวันนั้น นั่นคือ “วันที่ 14 กุมภาพันธ์” เป็น “วันแห่งความรัก” หรือ “Valentine Day” นั่นเอง...แต่ในความคิดเห็นของผู้เขียนเห็นว่า “วันแห่งความรัก” นั้น ควรเป็นวันแห่งความรักทุกวัน ทุกเวลา ทุกนาทีมากกว่า เพราะการแสดงการมีความรัก ย่อมมาจากเวลาเล็ก ๆ แล้วก่อเกิดขึ้นเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างถาวรและยั่งยืนตลอดไป...
ตอนแรกก็ไม่คิดที่จะเขียนหรอก เรื่อง “ความรัก” เพราะเป็นเรื่องที่นานแล้วก็นานมาแล้วถ้าบอกก็จะมีผู้อ่านร้องว่า...โอ้โห!...แต่พอคุณมะปรางเปรี้ยวตั้งหัวข้อขึ้นมา...ก็ไหน ๆ แล้ว ก็จะลองเขียนดูว่า “ความรักในครอบครัวของผู้เขียนเหมือนกับครอบครัวของใครหรือไม่” เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันก็ได้ค่ะ...เมื่อประมาณ ปี 2525 ประมาณ 29 ปี มาแล้วค่ะ...สำหรับครอบครัวของผู้เขียน ๆ ได้รู้จักกับพ่อบ้านในตอนแรกที่รู้จักกันนั้น...ผู้เขียนโดนญาติผู้ใหญ่กีดกันโดยจะเป็นญาติ ๆ ของผู้เขียนเสียมากกว่า คือ เมื่อเห็นผู้เขียนและพ่อบ้าน เวลาไปไหน มาไหนด้วยกัน ผู้ใหญ่ในสมัยนั้นจะคอยจ้องจับผิดว่า “ไปทำอะไรกันมา”...ซึ่งไม่คิดมองในแง่บวกบ้างเลย?...แล้วก็ลามไปถึงไม่นินทาเปล่า กลับไปพูดให้พ่อของผู้เขียนรับฟัง ซึ่งก็ทำให้พ่อต้องเกลียดพ่อบ้านไปอีก...แต่ “ความรัก” ก็คือ “ความรัก + ความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจกัน” เราก็ฝ่าด่านนั้นมาได้ โดยเราได้ “แม่” ของผู้เขียน ซึ่งเป็นตัวกลางในการเจรจาต่อรองกับ “พ่อ” ของผู้เขียน เพราะแม่จะมีทักษะในการพูดกับ “พ่อ” ให้พ่อใจอ่อนยอมให้ผู้เขียนกับพ่อบ้านได้แต่งงานกัน...
หลังจากดูใจกันมา 3 ปี เต็ม...ผู้เขียนและพ่อบ้านก็ได้มาแต่งงานกันเมื่อปี 2528...โดยมีแม่เป็นสื่อกลางประสานระหว่างพ่อกับผู้เขียนและพ่อบ้าน...เพราะ แม่มีแววฉลาดในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อได้...ครอบครัวเราก็อยู่อย่างครอบครัวที่ปกติสุขทั่ว ๆ ไป ในครั้งแรกผู้เขียนและพ่อบ้านได้ไปเช่าบ้านอยู่ข้างนอกโดยไม่ได้อยู่รวมกับพ่อ – แม่...แต่ต่อมา “น้องสาว” ของผู้เขียนได้ไปทำงานที่บริษัทจังหวัดปทุมธานี...แม่ก็ไปตามผู้เขียนและพ่อบ้านกลับมาอยู่รวมกันที่บ้านเพราะไม่มีใครดูแลท่านทั้งสอง...ซึ่ง พ่อ กับ พ่อบ้าน ก็สามารถประสานสามัคคีกันได้ เพราะ พ่อบ้านเป็นคนที่ไม่ดื่ม ไม่เล่น ไม่เจ้าชู้...ซึ่งผู้เขียนก็เคยถามว่า “ไม่อยากไปเที่ยวบ้างรึ?...พ่อบ้านก็บอกว่า “ไม่”...และในปี 2530 เราก็มี “พี่ภัคร” เจ้าตัวโต...และปี 2534 เราก็มี “น้องเพรียง” เจ้าตัวเล็กตามมา...ซึ่งปัจจุบันทั้งสองคนก็อายุ 24 ปี และ 20 ปี แล้ว...
ครอบครัวของผู้เขียนจะเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากกว่า...การที่เราจะทำสิ่งใด เราก็จะอยู่แบบให้เกียรติซึ่งกันและกัน...เรียกว่า “เวลาจะทำสิ่งใด ก็ต้องให้ความเกรงใจซึ่งกันและกัน” เอาใจเขามาใส่ใจเรา...เวลาจะทะเลาะกันก็ให้นึกเสมอว่า “ยามเราลำบากมาด้วยกัน ใครเล่า!...มาลำบากร่วมกับเรา”...การทะเลาะกันสำหรับครอบครัวเราบอกได้เลยว่า “ไม่” จะมีก็เรื่อง “การขัดคอกันเสียมากกว่า”...ถ้าเขาเริ่ม...เราก็หยุด...ถ้าเราเริ่ม...เขาก็จะหยุด...จึงทำให้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้น...และเมื่อใดที่มีปัญหาที่จะให้เราช่วยกันแก้ไข เราก็ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหานั้นให้ผ่านพ้นไปให้ได้...ไม่ใช่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแก้ไขปัญหานั้นเอง...สำหรับครอบครัวของผู้เขียน พ่อบ้านจะเป็นโรค “กลัวจน” มากกว่า จะคอยระวังในเรื่องของการใช้จ่าย...คอยตักเตือนให้ผู้เขียนและลูก ๆ ต้องระวังในเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่ให้ใช้จ่ายเงินจนเกินตัว...ถ้าพูดถึง คนอื่นอาจมองว่า “เครียดเกินไป” แต่สำหรับผู้เขียนกลับมองมุมกลับว่า “ก็ดีเหมือนกัน ต่อไปภายหน้า เราจะได้ไม่เดือดร้อน...เป็นการเตรียมความพร้อม”...
ทุกวันนี้ เราจะอยู่กันอย่างเห็นใจกัน เป็นพี่ – น้อง เป็นเพื่อนกันยามแก่เฒ่า...มีปัญหาก็ร่วมกันแก้ไข...อยู่เป็นกำลังใจให้ลูก ๆ ต่อไป และเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกได้ดูว่าแบบอย่างของพ่อ – แม่ เป็นแบบนี้...ในทัศนะของลูก ๆ จะได้เห็นว่า “ปี ชาติ พ่อ – แม่ ไม่เคยทะเลาะหรือเถียงกันเลย”...สำหรับการครองเรือนให้ได้นาน ๆ ซึ่งนับว่าปัจจุบันจะมีค่อนข้างน้อยมาก เพราะพบปัญหากันหลากหลายมาก ๆ ในสังคมปัจจุบัน...แต่บางครั้ง...ผู้เขียนก็ยังคิดว่า เป็นเพราะบุญทำ กรรมแต่งหรือเปล่า!...ซึ่งเราก็พูดได้ยากมากเพราะเราไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด?...เพราะแต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน อาจมีองค์ประกอบหลาย ๆ มาประกอบกันก็ได้...สำหรับครอบครัวก็อย่างที่ผู้เขียนบอกมาตั้งแต่ต้นว่าเพราะสาเหตุใด...สำหรับกรณีของการคบเพื่อนหรือคนอื่น ผู้เขียนจะคบด้วยใจมากกว่า...เราคบกับใครก็ด้วยใจ ไม่เสแสร้งเพราะการเสแสร้ง ผลที่ได้...สักวันเราก็จะได้รับการเสแสร้งนั้นกลับมา... แต่ลองสังเกตว่าถ้าเราให้ใจหรือคบใครด้วยใจไปแล้ว...ผลที่ได้ เราก็จะได้ใจของเขากลับมาเอง...การรักลูกก็เช่นกัน ขึ้นอยู่กับเราต้องปฏิบัติตัวอย่างไรด้วย...ไม่ใช่ พ่อ – แม่ เล่นการพนัน แล้วปากก็บอกลูกว่า “อย่าเล่น”...บางคนเจ้าชู้ แต่บอกลูกว่าไม่ให้เจ้าชู้...บอกลูกไม่ให้ดื่มเหล้า แต่ พ่อ – แม่ กลับดื่ม...เรียกว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี...การที่จะให้ลูกมีความสุขนั้นไม่ยาก...ขึ้นอยู่กับ พ่อ – แม่ ทำตัวเช่นไร “ลูก ๆ เขาก็จะทำตัวเช่นนั้นค่ะ” เหมือน “แม่ปูกับลูกปูไงค่ะ...แม่ปูเดินไม่ตรง ลูกปูก็ย่อมเดินไม่ตรง เพราะต้องเดินตามแม่ไงค่ะ...เพราะอย่าลืมว่า !...ลูก ๆ ทุกคน ดูตัวอย่างของ พ่อ – แม่อยู่ค่ะ...
สำหรับครอบครัวของเรา “รักแบบให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไว้ใจและเห็นใจ มีความรับผิดชอบร่วมกัน รู้จักหน้าที่ของตัวเองว่ามีหน้าที่ใดค่ะ...” เป็นรักที่ประทับใจของครอบครัวเราค่ะ...อาจดูเป็นวิชาการนะค่ะ...แต่ นี่คือ “ครอบครัวของเราค่ะ” ซึ่งทำให้พวกเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น + มีความสุข ทั้งในอดีต + ปัจจุบัน + อนาคต ด้วยค่ะ...
ขอบคุณคุณมะปรางเปรี้ยวนะค่ะ...ที่จุดประเด็นให้พี่เขียนประสบการณ์ความรักมาบอกญาติมิตรใน G2K. ค่ะ...
blog ที่มีคำว่า "km venlentine"...ดัง blog ด้านล่างนี้ค่ะ...