เรียบเรียงโดย เฉลิมลาภ ทองอาจ
ภาพพจน์ หมายถึง การใช้ถ้อยคำเพื่อให้เกิดความหมายที่ต่างไปจากที่ใช้กันอยู่เดิม (a figure of speech is a use of a word diverging from its usual meaning)
แบ่งได้เป็นหลายประเภท ได้แก่
1. บุคคลวัติ หมายถึง การนำพฤติกรรมหรือสิ่งที่มนุษย์กระทำไปให้สิ่งของ สัตว์หรือเหตุการณ์ทางธรรมชาติเป็นผู้กระทำ: ทำให้สิ่งต่างๆ แสดงอาการเหมือนคน
personification/prosopopoeia/anthropomorphism: Attributing or applying human qualities to inanimate objects, animals, or natural phenomena
สายน้ำคงเศร้าที่เราทิ้งขยะลงไป
น้ำตาแห่งแม่พระธรณีกำลังไหลหลั่งโดยเราไม่รู้สึกตัว
2. อุปมา หมายถึง การเปรียบเทียบระหว่างสิ่งสองสิ่ง โดยใช้คำแสดงการเปรียบเทียบ เช่น เหมือน ดุจ ราวกับ เฉก เช่น เพียง เพี้ยง
simile: Comparison between two things using like or as
ต้องสุบรรณเทวานาคี ดั่งพิษอสุนีไม่ทนได้
ฮึดฮัดขัดแค้นแน่นใจ ตาแดงดั่งแสงไฟฟ้า
(รามเกียรติ์)
คุณแม่หน้าหนักเพี้ยง พสุธา
คุณบิดรดุจอา- กาศกว้าง
(โคลงโลกนิติ)
3. อุปลักษณ์ หมายถึง กำหนดให้สิ่งหนึ่งเป็น/คืออีกสิ่งหนึ่ง โดยใม่ใช้คำเปรียบเทียบ
metaphor: the concept of understanding one thing in terms of another. A metaphor is a figure of speech that constructs an analogy between two things or ideas;
เธอเป็นดวงใจที่หายไปจากชีวิตของฉัน
น้ำตาคือหยาดฝนที่ไม่ต้องรอการกลั่น
4. นามนัย หมายถึง การใช้คำนามคำหนึ่งเรียกแทนภาพรวมของของสิ่งที่ทำนามนั้นสื่อถึง
metonymy: Substitution of a word to suggest what is really meant.
The name of something intimately associated with that thing or concept.
ไทยคู่ฟ้าประกาศออกมาว่า เรากำลังจะเสียดินแทนให้พนมเปญ
พระเกี้ยวเจอแม่โดมในงานบอลปีนี้
ทำเนียบขาวหารือเรื่องโสมแดง
ลูกพระอาทิตย์สร้างชื่อในสงครามโลกครั้งที่ 2
5. สัทพจน์ หมายถึง การใช้คำที่มีเสียงเหมือนความหมายของมันเอง / คำเลียนเสียงธรรมชาติ
onomatopoeia: Words that sound like their meaning
ครืนครืนใช่ฟ้าร้อง เรียมครวญ
คอกควายวัวรัวเกราะเปาะเปาะเพียง
(ดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า)
6. เล่นคำ หมายถึง การใช้คำคำเดียวกันที่มีได้หลายความหมาย
pun: Play on words that will have two meanings
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์
เห็นโศกใหญ่ใกล้น้ำระกำแฝง ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ
เหมือนโศกพี่ที่ช้ำระกำเจือ เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย
(นิราศภูเขาทอง)
7. ซ้ำคำ หมายถึง การใช้คำหรือกลุ่มคำเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเพิ่มจังหวะของคำประพันธ์
repetition: Repeated usage of word(s)/group of words in the same sentence to create a poetic/rhythmic effect
งามโอษฐ์งามแก้มงามจุไร งามนัยน์เนตรงามกร (รามเกียรติ์)
8. ปฏิปุจฉา หมายถึง การใช้คำถามถามออกไปเพื่อให้เกิดผลอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่มิใช่คำตอบของคำถามนั้นตรงๆ
rhetorical question: Asking a question as a way of asserting something. Or asking a question not for the sake of getting an answer but for asserting something (or as in a poem for creating a poetic effect)
เธอเห็นแล้วใช่ไหมว่า งานมันล้มเหลวหมดแล้ว
เจ้าจักปรารมภ์ไปไยมี ตัวพี่คนเก่าพอเข้าใจ (นนทกถามนางฟ้าแปลง)
พระเชษฐาให้สารไปกี่ครั้ง เขายังไม่จากหมันหยา
จนสลัดตัดการวิวาห์ ศึกติดพาราก็เพราะใคร
เห็นจะรักเมียจริงยิ่งกว่าญาติ ไหนจะคลาดจากเมืองหมันหยาได้ (อิเหนา)
ไม่มีความเห็น