การศึกษาใหม่ (ตีพิมพ์ใน J Addiction) จากรัฐบริทิช โคลัมเบีย, แคนาดา พบว่า "ยิ่งอยู่ใกล้ร้านเหล้า-ยิ่งทำเราตายเร็ว"
เดิมแคนาดาและสหรัฐฯ กำหนดให้ขายเหล้าได้เฉพาะในร้านค้าของรัฐบาล ต่อมามีการแปรรูป (privatize) ให้เอกชนขายเหล้าได้
.
หลังอนุญาตให้เอกชนเปิดร้านขายเหล้าได้, จำนวนร้านค้าปลีกที่ขายเหล้า (alcohol retailers) เพิ่มขึ้น 40% ในช่วงปี 2003-2008 (บวก 543 จะได้ปี พ.ศ.), จำนวนแอลกอฮอล์ที่ขายเพิ่ม 84%
.
จำนวนร้านขายปลีกเหล้าที่เพิ่มขึ้น 1 ร้านต่อประชากร 1,000 คนในชุมชนส่งผลให้อัตราตายจากเหล้า เช่น เมาแล้วขับ ฆ่ากันตาย ฆ่าตัวตาย ตับอักเสบ-ตับแข็ง ตับอ่อนอักเสบ ฯลฯ เพิ่ม 27.5%
.
กลไกที่เป็นไปได้ คือ ร้านเหล้าเอกชนมักจะเข้มงวดกับการตรวจสอบอายุขั้นต่ำที่จะซื้อเหล้าได้น้อยกว่า และมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เก่งกว่าร้านของรัฐบาล
.
การศึกษานี้บอกเป็นนัยว่า รัฐบาลควรเข้มงวดไม่ให้มีร้านเหล้าเต็มบ้านเต็มเมือง โดยเฉพาะปั๊มพ์น้ำมัน โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย วัด โบสถ์
.
ทุกวันนี้คนไทยที่เป็นคนดีต้องเสียภาษีจำนวนมากไปใช้ในการรักษาคนเมาจากการทะเลาะวิวาท ทำร้ายหรือฆ่าคนอื่น เป็นโรคประสาท-โรคจิต ตับอักเสบ-ตับแข็ง ตับอ่อนอักเสบ
.
หมอคงจะไม่มีสมรรถภาพอะไรมากมายในการควบคุมการดื่มเหล้าได้ แต่ถ้าคุณตำรวจตรวจเข้มลมหายใจคนขับรถ ตรวจเข้มคนไข้อุบัติเหตทุกราย (ควรมีกฏหมายบังคับเจาะเลือด หรือตรวจลมหายใจหาแอลกอฮอล์) แล้ว... รับรองว่า คนดื่มหนักจะลดลงเพียบเลย
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
> [ Twitter ]