กลิ่นจางๆ ของบุหรี่ใบตองแห้่งและห่อเมี่ยงเก่าๆ ..โชยมาจากบ้านหลังสุดท้ายก่อนถึงทุ่งนา..บรรยากาศย่ำค่ำสนธยา ทิวไผ่สูงเรียงรายตามตีนเขา.. กลุ่มควันจากทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างช้าๆ...กลิ่นไอของความสงบ เปล่าเปลี่ยว ได้เริ่มเข้ามาอีกครั้งในชั่วโมงแรกของย่ำสนธยา
เสียงซึงแว่วดังมาจากบ้านท้ายป่าริมเชิงเขา...ตูบ (เรือน) หลังน้อยริมธารน้ำมีแสงไฟจากตะเกียงน้ำมันดวงน้อยวางอยู่ไม่ห่างจากเงาผู้ขับขานเพลงซึง...
เด่นดวงเดือน แจ่มจ้าเวหน สายลมบนพัดเย็นเยือกแล้ว.... เพลงซอที่คุ้นหูคนเมืองตั้งแต่บ่าเก่า (โบราณ) เสียงคนที่ขับร้องฟังเหมือนคนมีอายุมาก.. ที่ตั้งใจเรียงร้อยด้วยถ้อยเสียงที่ฟังดูมีเสน่ห์ควบคู่ไปกับเครื่องสายที่ใช้ดีด.. ยืนฟังจนจบแล้วก็ยังอดที่จะลุ้นเพลงต่อไปว่าจะเหมือนดั่งใจคิดหรือเปล่า...
กลิ่นบุหรี่ใบตองโชยออกมาจากกระท่อม... บรรยากาศรอบๆ เป็นเพียงสวนผักพื้นบ้านที่ชุ่มน้ำ กรุ่นกลิ่นขี้วัวที่ลงพื้นโคนไม้โชยหอมเพราะได้น้ำพากลิ่นกับไออุ่นของดินที่ร้อนระอุมาทั้งวัน ผสานสามัคคีเป็นมนต์เสน่ห์ของบ้านทุ่งคนเมือง...
ม่อฮ่อมตัวเก่าๆ แขวนเคียงกับเต่วสะดอ (กางเกงขาก๊วย) มีมีดเถื่อนน้อยวางอยู่ใกล้ๆ เวลาเข้าไร่เข้านาจะเปิง หาง่าย ไม่ต้องเซาะวุ่นวาย.. เป็นฮีตบ่าเก่าของคนเมืองที่อยู่ง่าย กินง่าย..
บ้านนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมานาน... คงรูปลักษณ์ของความเก่า โบราณ เรียบง่ายตูบชั้นเดียว ติดพื้นดิน.. ไม่มีของใช้โก้หรู มีเพียงปัจจัยสี่ที่พอเลี้ยงชีพ..นานแบบนี้มานับสิบปี..จนลูกบ่าวกับลูกสาวหล้าใหญ่มา... แล้วก็ออกบ้านไปตั้งเฮือนใหม่..
ไม่มีแม้กระทั่งตู้เย็น..หรือหม้อไฟฟ้า ไม่มีทีวี มีแต่ทรานซิสเตอร์เครื่องน้อยที่ใช้ถ่านไม่กี่ก้อนผูกไว้กับตัวเครื่องด้านหลัง ที่ฟังได้นานเกือบปี.. ผ่านร้อน ผ่านหนาว พบ พราก จาก เจอ กับพี่น้องที่ล้มหายตายจาก ความตาย เป็นเรื่องธรรมดาที่ชาชินมานาน..ตั้งแต่เมียสุดที่รักพลัดพรากไปไม่มีวันกลับ..
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มีเพียงซึงตัวน้อยที่บรรเลงขับขาน ปลอบใจและเป็นกำลังใจให้ฮึดสู้กับชีวิต ให้ผ่านกระแสของกาลเวลาไปได้อย่างสงบ... มีเพียงตูบน้อยที่คอยตอกย้ำอารมณ์ในวันที่เจ็บช้ำจากสังขารที่ร่วงโรยไปกับกาล..เวลา
ไม่มีความเห็น