"คิดถึงสายลมเอื่อยตะแบกไหว
โอบกอดไหวลู่ลมห่มผืนฟ้า
คิดถึงจังตะวันรอนลับเมฆา
สกุณาแว่วดัง หวานจับใจ"
"จากมานานแสนนานบ้านนาฉัน
มาบากบั่นพากเพียรแลไขว่คว้า
มิเคยลืมแสงจันทร์เคยสัญญา
จะกลับมาอีกครั้งด้วยหัวใจ"
กลอนนี้แต่งไว้แก้เหงาเวลาคิดถึงบ้านครับ
คนไกลบ้านอย่างผมไม่มีทางเลือกมากนัก
แต่ยังมีทางเดินให้เดินก็ดีมากพอแล้วครับ
ผมหวังว่าสักวันผมจะได้กลับไปพักพิง
อิงแอบความรู้สึกนี้อีกสักครั้ง
และโอบกอดสิ่งนั้นไว้ให้นานเท่านาน อีกสักครั้ง
อ่านแล้วรู้สึกเหงากันบ้างมั้ยครับ เหงาได้ครับ แต่ไม่ต้องเศร้านะครับ
ขอบคุณครับคุณบุษรา ที่แวะมาเหงาด้วยกัน
บางครั้งความเหงามันก็มีข้อดีของมันเยอะเหมือนกันครับ บางครั้งมันทำให้เราได้มีเวลามานั่งทบทวนถึงเหตุการณ์ ต่างๆในชีวิตของเรา ที่บางครั้งเราอาจหลงลืมไป เมื่อเวลาเราเหงาสิ่งหนึ่งที่คนทั่วไปมักจะคิดถึงเสมอ ก็คือบ้านเกิดนั่นเองครับ
ส่วนตัวผมแล้วปีหนึ่งจะมีโอกาศได้กลับบ้านประมาณ ปีละสามถึงสี่ครั้งเพื่อไปกราบคุณพ่อคุณแม่ ได้ขับรถพาญาติผู้ใหญ่ไปเที่ยวมันคงเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ทุกครั้งที่ได้กลับไปเยี่ยมบ้าน ในเทศกาลใหญ่เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ แซนโฎนตา เป็นต้น พอเวลาเราเอารูปท้องนามาดู ก็เลยคิดถึงบ้านขึ้นมาอีกแล้วครับ
ซาบซึ้งตรึงทรวงหน่วงจิต
ให้คิดละห้อยโหยไห้
มุมหนึ่งแก้กลอนที่อาลัย
ให้ยิ้มละไมมีหวังตั้งตารอ
สวัสดีค่ะคุณPeter p
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมblogค่ะ
จากบ้านนามานานเหมือนกัน ยี่สิบกว่าปีแล้ว รู้สึกผูกพันบ้านเกิดเช่นกันค่ะ
อ่านแล้วคิดถึงบทพลงเก่าๆจากบ้านนาด้วยรักค่ะ
มีโอกาสก็กลับไปเยือน ได้ซึมซับบรรยากาศดีๆที่บ้านเกิด เติมพลังชีวิตได้เป็นอย่างดีนะค่ะ
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ ภาพสวยมากค่ะ